12 พ.ค. 2022 เวลา 05:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ยุ่งกับรัสเซียมากจนได้เรื่อง เงินเฟ้อทำพิษ !!! สหรัฐกำลังพิจารณายกเลิกกำแพงภาษี 25% ต่อสินค้าที่นำเข้าจากจีน ซึ่งมีผลมาตั้งแต่ในสมัยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อต่อสู้กับเงินเฟ้อที่กำลังสูงขึ้นในสหรัฐ
2
เมื่อปี 2018 สมัยที่ อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ ลงนามไว้เพื่อ สร้างกำแพงภาษีให้กับสินค้าที่นำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้น 25% มูลค่าโดยประมาณกว่า 4 หมื่นล้าน ดอลลาร์สหรัฐ จากสินค้า ที่นำเข้าจากจีน มีทั้งสินค้าของทางจีนเองกับสินค้าของทางสหรัฐที่ผลิตในประเทศจีน ซึ่งรวมทั้งสินค้าภาคเกษตรกรรม และ อุตสาหกรรม
โดยมาตรการการสร้างกำแพงภาษีให้กับสินค้าที่นำเข้าจากเมืองจีน เริ่มต้นมาตั้งแต่กลางปี 2018 เรื่อยมาจนถึงปี 2021โดยที่ทางสหรัฐค่อยๆเพิ่มรายการ จาก 545 รายการมาจนเกิน 1000 รายการ
1
ภาพลำดับเหตุการณ์ ตั้งแต่การสร้างกำแพงภาษีจนถึงปัจจุบัน
อย่างที่ทุกคนทราบกัน ว่าพลังงานทั้งน้ำมันและก๊าซสูงขึ้นมาช่วงหลังมานี้เพราะว่าสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ทางสหรัฐพยายามจะเข้าไปแทรกแซง ขณะนี้ สหรัฐกำลังเผชิญภาวะเงินเฟ้อรุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี ซึ่งเมื่อวานนี้ได้ประกาศ เงินเฟ้อของเดือนเมษายนที่ 8.3 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าตัวเลขนี้จะสูงกว่านักลงทุนในตลาดที่คาดไว้ แต่นักลงทุนหลายส่วนก็ยังคิดว่าตัวเลขจริงสูงกว่านี้
2
โดยค่า CPI ของเดือนเมษายนที่ระบุไว้ในรูปด้านล่างจะเห็นได้ว่า สิ่งที่ทำให้เงินเฟ้อสูงขึ้นอย่างมีนัยยะก็คือพลังงาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อทุกๆอย่างในภาคอุตสาหกรรมและภาคการผลิตของสหรัฐ
ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นก็คือสหรัฐทำตัวเองทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นการสร้างกำแพงภาษีต่อสินค้าจีนในช่วงที่ผ่านมา แล้วก็สร้างภาวะสงครามในยูเครนให้ยืดเยื้อและรุนแรงโดยไม่จำเป็น รวมถึงพยายามสนับสนุน ให้ทางสหภาพ EU ออกมติ เพื่อทำการแซงชั่น ก๊าซและพลังงานจากรัสเซีย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการทำลายเศรษฐกิจตัวเองชัดๆ
1
ความพยายามที่ต้องการคงสภาพความเป็นหมายเลข 1 ของโลกของสหรัฐในการที่จะทำให้ตัวเองเป็นผู้นำของโลก กำลังจะแลกมาด้วยความเดือดร้อนของประชาชนตัวเอง และ อาจจะลงท้ายด้วยสกุลเงินของตัวเองที่อาจจะถูกรุมทำลายจาก การเดินนโยบายที่ผิดพลาดทางด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลตัวเอง
2
จากโครงสร้างที่ไม่แข็งแรงของระบบเศรษฐกิจสหรัฐซึ่ง มีการนำเข้ามากกว่าส่งออกมาโดยตลอด มีการขาดดุลการค้ามาโดยตลอด มีการสร้างหนี้ โดยการพิมพ์แบงค์ โดยที่ไม่มีมูลค่าอ้างอิง การทำ qe ตั้งแต่ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
2
ตั้งแต่ ประเทศจีนได้เข้าร่วมกับ WTO การขาดดุลการค้า ของสหรัฐต่อจีนมีมากขึ้นทุกปี
2
กราฟแสดงการขาดดุลการค้าของสหรัฐที่มีต่อจีนตั้งแต่จีนเข้าร่วม WTO
ในขณะที่การขาดดุลการค้าของประเทศมีมากขึ้นทุกปี แต่ผลกำไรของบริษัทในสหรัฐเพิ่มขึ้นสวนทางทุกปีเพราะว่าการย้ายฐานผลิตจากสหรัฐไปยังเมืองจีนสร้างผลกำไรและมูลค่าให้กับบริษัทในสหรัฐในตลาดหุ้นสูงขึ้นทุกปีเช่นกัน
กราฟแสดงภาพของ ดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นสูง ตั้งแต่ ประเทศจีนได้เข้าร่วม WTO
จากสิ่งที่เราเห็นเราก็จะพอทราบว่าเงินเฟ้อของโลกที่ผ่านมาไม่ได้เพิ่มขึ้นสูงเพราะว่าประเทศจีนเป็นโรงงานของโลก ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการกดอัตราเงินเฟ้อที่ผ่านมาให้ไม่สูง
1
เนื่องจากค่าแรงที่ต่ำของประเทศจีนในช่วงนั้น ทำให้ช่วงต้นของสินค้าถูกผลิตในประเทศจีนมีต้นทุนที่ต่ำกว่าผลิตนอกประเทศจีนและทำให้ราคาสินค้าในตลาดโลกไม่เพิ่ม ราคาไม่สูงมาโดยตลอดหลายๆปีนี้
จะเห็นได้ว่าผลผลิตในสหรัฐไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจมานาน โดยใช้การเติบโตจากผลกำไรที่อ้างอิงจากการผลิตในต่างประเทศเกือบทั้งนั้น
1
ลักษณะชีวิตที่ผ่านมาของประชากรในสหรัฐในช่วงหลังปี 2000 มานี้ ก็กลายเป็นระบบรวยกระจุกจนกระจาย เพราะว่าผู้ได้รับผลประโยชน์จากการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงหลังปี 2000 เป็นของภาคธุรกิจ ที่ได้รับผลประโยชน์จาก กำไรที่มากขึ้นโดยที่ต้นทุนต่ำจากการนำไปผลิตนอกประเทศ
1
สิ่งที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เล็งเห็นปัญหาก็คือ ประชาชนชั้นกลางและชั้นล่างของสหรัฐ ค่อนข้างจะมีปัญหา เนื่องจากโครงสร้างเศรษฐกิจ Real Sector ทั้งหมด ไปอยู่ในต่างประเทศแทบทั้งหมด แล้วทำให้มีการรวยกระจุกจนกระจาย เลยหันมาโฟกัส ในกลุ่มชนชั้นกลางและชั้นล่าง เพื่อให้เป็นกลุ่มคนที่ขับเคลื่อนประเทศในอนาคต และทำให้การขาดดุลการค้าที่มีต่อจีนเริ่มลดลงครั้งแรกในปี 2018 แต่ยังคงอยู่ในระดับสูง
1
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้น เรียกว่าค่อนข้างช้าเกินไปที่เริ่มแก้แล้ว เพราะแรงงานของสหรัฐเองก็ไม่สามารถกลับไปทำสินค้าในส่วนของ Real Sector ได้ในต้นทุนที่ ทางบริษัทของสหรัฐเองจะยินยอมจ่าย แต่ว่าหลายบริษัทก็จำเป็นต้องทำตามนโยบายของโดนัลด์ทรัมป์ในสมัยนั้น
การบีบให้ขึ้นภาษีต่อสินค้าจีน 25% ในช่วงที่ผ่านมาสามารถบังคับให้บางบริษัท ย้ายฐานการผลิตกลับเข้ามาอยู่ในสหรัฐได้บ้าง เนื่องจากต้นทุนเริ่มใกล้เคียงกัน แต่ถ้าหากทางการสหรัฐกลับไปใช้มาตรการการลดภาษีต่อสินค้าจีนอีกรอบเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อที่กำลังเกิดขึ้น อาจจะทำให้บริษัทสหรัฐเองที่กำลังเริ่มต้นใช้แรงงานในพื้นที่ มีปัญหาในการแข่งขันได้ในอนาคตอันใกล้
2
การกลับไปกลับมาของนโยบายประเทศ นโยบายระยะสั้น สิ่งที่กำลังจะแก้ปัญหาเหล่านี้เป็นการหยิกเล็กก็เจ็บเนื้อ และอาจทำลายความสามารถในการแข่งขันของตัวสหรัฐเองในภาคในอนาคต เพราะ บริษัทที่เพิ่งจะเปลี่ยนแปลงฐานการผลิตกลับเข้ามาที่สหรัฐ อาจไม่สามารถต้านทาน สินค้าที่นำเข้าจากเมืองจีนได้อีก
1
เป้าหมายของการลดภาษีนำเข้า 25% จากสินค้านำเข้าจากจีนนั้นก็คือการลดอัตราเงินเฟ้อจากสินค้าอุปโภคบริโภคได้แค่ระยะหนึ่ง แต่การลดมีผลทำได้แค่ครั้งเดียว เพราะครั้งต่อไปจะไม่มีให้ลดอีกแล้ว
1
สิ่งที่เห็นชัดเจนจากรายงานฉบับนี้คือ ทางการสหรัฐหวังว่าการลดภาษี 25% จะทำให้ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคในสหรัฐลดลง ทำให้ค่าใช้จ่ายของประชาชนลดลงจากภาวะเงินเฟ้อได้บ้าง นั่นหมายความว่าสินค้าที่นำเข้าจากจีนไปสู่สหรัฐมีมากจนเป็นนัยยะ จนรัฐบาลคิดว่าการปรับลดภาษีนำเข้าสามารถมีผลในการลดเงินเฟ้อของสหรัฐได้
3
แล้วถ้าลดภาษีครั้งนี้ไปแล้ว โอกาสที่จะกลับมาขึ้นภาษีนำเข้าอีกที ไม่ควรจะมีอีกภายใน 2-3 ปีข้างหน้าเลย เพราะว่าภาวะเงินเฟ้อคาดว่ายังอยู่ในระดับสูงไปอีก 1 ถึง 2 ปี และนั่นอาจจะเป็นหายนะของบริษัทที่เพิ่งจะย้ายฐานกำลังการผลิตกลับสู่อเมริกา
3
ณ วันนี่ เงินดอลลาร์แข็งโป๊กกก ไม่ได้แข็งเพราะเศรษฐกิจดี และคนอยากได้ดอลลาร์นะ แต่แข็งเพราะคนทิ้งพันธบัตร ทิ้งหุ้น ทิ้ง crypto มาถือตอลลาร์ เพราะไม่รู้จะออกไปไหนดีนั่นแหละคือปัญหาของเศรษฐกิจสหรัฐปัจจุบันนี้ และมันกำลังบั่นทอนการส่งออกของสหรัฐเพราะของจากสหรัฐแพงขึ้นมาก
2
แล้วพวกคุณคิดว่าถ้าเกิดดอลลาร์แข็งขนาดนี้แล้วคุณลดภาษีนำเข้า 25% จากสินค้าจากจีน คุณจะเห็นการขาดดุลการค้าครั้งมโฬารในประวัติศาสตร์ของสหรัฐที่มีต่อจีน และมันจะสะเทือนภาคการผลิตในสหรัฐที่มีอยู่แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
2
แน่นอนละครับว่าหากมีการลดภาษีจากสินค้านำเข้าจากจีนเมื่อไหร่ หุ้นเอเชียก็จะดีขึ้น เพราะ flow ของภาคเศรษฐกิจก็จะไหลลื่นมากขึ้น
ตลาดหุ้นก็น่าจะตอบสนองในทางบวก อาจจะมีภาคการผลิต real sector ที่ย้ายฐานมาเรียบร้อยแล้วในอเมริกาก็จะมีปัญหา แต่ส่วนอื่นๆ ที่ว่าเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องก็น่าจะดีขึ้น แต่ข่าวนี้ก็เป็นแค่ข่าวระยะสั้นซึ่งไม่น่าจะมีผลสักเท่าไหร่ในระยะยาว หากว่าดอกเบี้ยยังขึ้นไม่สุดและ QT ยังไม่ได้เริ่มทำ
ในทางกลับกันหากสหรัฐทะเลาะกับจีนเมื่อไหร่และแบนสินค้าจากจีนทุกรายการ พวกคุณจะได้เห็นเงินเฟ้อในสหรัฐพุ่งทีเดียวเกินจากเดิมอีก 5-10% ในคราวเดียว เพราะพลเมืองสหรัฐแทบจะต้องควานหาสินค้าจากที่อื่นมาชดเชย
3
เนื่องจากภาคการผลิตในประเทศ ไม่มีทางตอบสนองได้แน่ๆ และการขาดแคลนปัจจัย 4 รวมถึงการกักตุน การขึ้นราคาจะได้เห็นแบบชัดๆ การไล่ควานหาจากทั้งจากยุโรปหรืออเมริกากลาง หรืออเมริกาใต้มาแทน การไล่หาซื้อในทุกราคา... ข้าวยากหมากแพงแบบไร่เทียมทาน นั่นนะ นรกในการใช้ชีวิตดีๆนี่เอง
3
สหรัฐดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่หลังปี 2000 จนถึงขวบปีที่ผ่านมาคือ การแก้ปัญหาระยะสั้นแทบจะทั้งนั้น เพื่อให้ได้ฐานเสียงในการเลือกตั้ง โดยที่ไม่ได้มีการแก้ปัญหาทางด้านโครงสร้าง และการที่ไม่มีผู้ท้าทายในระบบเศรษฐกิจโลกในช่วงที่ผ่านมา ทำให้สหรัฐหลงสร้างหนี้ขึ้นมาแบบผิดธรรมชาติมาโดยตลอด
1
การใช้วิธีทางการเมืองในการนำ พยายามสร้างหนี้ให้กับประเทศอื่นๆแล้ว นำเงินดอลลาร์ไปฝากไว้กับธนาคารกลางของลูกหนี้แต่ละประเทศในรูปแบบของเงินกู้ เพื่อเป็นการดูดซับดอลลาร์ออกจากตลาด และการที่สร้างมูลค่าเพิ่มของดอลลาร์ด้วยการเป็นเปโตรดอลลาร์ เป็นตัวกลางในการซื้อ พลังงานโดยมีโอเปคให้ความร่วมมือมาตลอด แต่ดูเหมือนว่าโอเปกกำลังจะเปลี่ยนไป และทิศทางของการใช้ดอลลาร์ใน Opec อาจมีอะไรใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้
3
อนาคตอันใกล้มี นักวิเคราะห์ทั้งทางด้านตะวันตกและเอเชีย หลายคนคาดหมายว่า หากสหรัฐไม่มีวิธีการใหม่ๆ ในการแก้ไขปัญหานี้ ก็อาจจะเป็นจะต้องสร้างวิธีการรุนแรงในการล้างหนี้ ซึ่งทุกฝ่ายก็กำลังจับตาดูว่าทางสหรัฐ จะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร เพราะถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป มูลค่าของดอลลาร์จะเสื่อมถอยอย่างที่คาดไม่ถึง
1
โฆษณา