วันนี้เราจะพาทุกคนมาประยุกต์การตลาดแบบ Soft Power ให้ใช้ได้จริงกับแบรนด์ของคุณกันค่ะ
SoftPower เป็นการตลาดที่ต้องอิงกระแสสังคมสูงมาก ดังนั้นการวางแผนสร้าง Soft Power ที่แข็งแรงจึงต้องอาศัยความร่วมมือกันหลายส่วนมากๆ และต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างจริงจังด้วย
แต่พวกเรากิจการเล็กๆคงยากที่จะหาทรัพยากรเพื่อสร้าง Soft Power ได้เต็มรูปแบบขนาดนั้น วันนี้แอดมินจึงนำวิธีการประยุกต์การตลาดแบบ Soft Power ที่ใช้ได้จริงกับกิจการเล็กๆมาฝากกันค่ะ
1. รูปแบบคอนเทนท์มีผลกับกระแสสินค้า
ปกติเวลาเราพูดถึง Soft Power มักจะเป็นกระแสผ่านหนัง ซีรีย์ หรือละครต่างๆ ดังนั้นรูปแบบคอนเทนท์ที่มักจะสร้าง Soft Power ได้ดีที่สุด ก็คือ
"วิดีโอคอนเทนท์" นั่นเอง แต่ไม่ใช่การถ่ายวิดีโอสินค้า หรือร้านค้าแบบโต้งๆเหมือนสปอตโฆษณาออนไลน์ทั่วไป แบบนั้นจะไม่ใช่ Soft Power
แต่ต้องเป็นการเล่าเรื่องราวที่ตราตรึงใจ เห็นแล้วอยากหยุดดูวิดีโอนี้ และเรื่องราวที่เล่าผ่านวิดีโอก็ควรเป็นเรื่องราวที่เห็นครั้งเดียวก็สามารถจำและเล่าต่อเพื่อนๆได้ด้วย
ยกตัวอย่างเช่น โฆษณาเนเจอร์กิฟสมัยแต่ก่อน หรือโฆษณาแชมพูแพนทีน เป็นต้น
สรุปว่า หากต้องการสร้าง Soft Power ให้แบรนด์ตัวเอง ควรเลือกคอนเทนท์วิดีโอ ส่วนคอนเทนท์แบบอื่นๆก็เอาไว้เป็นทางเลือกในการสร้าง funel ลูกค้าต่อๆไปนั่นเอง
2. สินค้าแนบแนียนไปกับเรื่องราว
สินค้าที่จะต้องอยู่ในคอนเทนท์วิดีโอ Soft Power ของแบรนด์นั้น ควรต้องแนบเนียนไปกับเรื่องราว ซึ่งจะเห็นภาพชัดเจนที่สุดถ้าเป็นอาหารและเครื่องดื่ม เพราะการกิน อยู่ในชีวิตประจำวันอยู่แล้วนั่นเอง
แต่หากเป็นสินค้าที่ไม่อยู่ในชีวิตประจำ การคิดตรงนี้ก็อาจจะซับซ้อนขึ้นมาหน่อย แต่แอดมินเชื่อว่า เจ้าของสินค้าทุกคนมีความสามารถ "เสก" ความต้องการให้ลูกค้าซื้อสินค้าตัวเองได้อยู่แล้ว
เคสตัวอย่าง: หมากฝรั่งยี่ด้อนึงของต่างประเทศ สร้าง Soft Power เชิงวัฒนธรรมของหมากฝรั่งขึ้นมาผ่านสปอตโฆษณาโดยไม่รู้ตัว โฆษณาดังกล่าวเป็นการแบ่งปันหมากฝรั่งระหว่างเด็ก 2 คน จนเติบโตเป็นผู้ใหญ่และแต่งงานกัน
Soft Power ที่ถูกสร้างขึ้นมาจากวิดีโอนี้คือการซื้อหมากฝรั่งเพื่อแบ่งปันกับคนอื่น และแน่นอนว่า หมากฝรั่งยี่ห้อนี้ขายดีเป็นอันดับหนึ่งจากโฆษณานี้ด้วยนั่นเอง
3. มีกลุ่มเป้าหมายหลักที่ชัดเจน
เจ้าของแบรนด์ไม่น้อยที่ตอบคำถามเรื่องกลุ่มลูกค้าไม่ชัดเจน คำตอบยอดฮิตมักจะเป็น "ขายได้ทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย"
อยากจะบอกว่า ทราบค่ะว่าขายทุกคน แต่ว่าการสร้างวิดีโอขึ้นมา 1 ตัว ไม่สามารถดึงคนดูได้ทุกเพศและทุกวัยนะคะ
ดังนั้นหากต้องการให้ Soft Power ของแบรนด์ตัวเองได้รับผลตอบรับที่ดี ควรทุ่มงบประมาณไปที่กลุ่มลูกค้าที่สร้างยอดขายให้ได้จริงๆ ให้ได้มากที่สุด
จากนั้นค่อยวางแผนให้งบประมาณที่น้อยกว่าสร้างวิดีโอกับกลุ่มเป้าหมายที่รองลงมาจะดีที่สุด
ซึ่งเรื่องของกลุ่มเป้าหมายหลักก็จะมีผลกับช่องทางที่จะสื่อสารด้วยเช่นกัน อ่านต่อหัวข้อถัดไปได้เลยค่ะ
4. เลือกช่องทางให้ถูกที่ถูกเวลา
ช่องทาง = แพลทฟอร์ม คือสิ่งที่เราจะตัดสินใจเป็นลำดับถัดไปหลังจากได้กลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วนั่นเอง
แล้วเราก็ทราบอีกเช่นกันว่า เจ้าของแบรนด์อยากสื่อสารทุกแพลทฟอร์ม แต่ในทางปฏิบัติถ้าเจ้าของแบรนด์นั้นมีทรัพยากรจำกัด (เช่น เงิน เวลา) จะไม่สามารถสื่อสารได้ทุกแพลทฟอร์มแน่นอน
ดังนั้นเราจึงต้องรู้กลุ่มเป้าหมายที่แน่ชัดก่อน แล้วจึงค่อยเลือกเรียงลำดับความสำคัญของช่องทางที่ต้องการ ตามที่กลุ่มเป้าหมายหลักของเราใช้อยู่นั่นเอง
เช่น ไลน์ ส่วนมากมักจะเป็นผู้สูงอายุ Soft Power ของเราก็อาจทำแบบเพลงๆนึงของร้าบาน เน้นการแชร์แทนรูปดอกไม้สวัสดีก็ได้
InstMatch เป็นแพลทฟอร์มที่ส่งเสริมการเริ่มต้นลงทุนของคนยุคใหม่ ผ่านกิจการที่น่าสนใจต่างๆ เสมือนว่าได้ลงทุน "สร้างกิจการ" นั่นไปด้วยจริงๆ
อีกทั้งเรายังส่งเสริมและสนับสนุนกิจการด้วยความรู้ด้านการบริหารธุรกิจ การตลาด และเรื่องกฎหมาย เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน
ตามสโลแกน #เริ่มต้นกิจการด้วยการเป็นนักลงทุน
InstMatch จะเริ่มเปิดให้บริการ Matching นักลงทุนและกิจการอย่างเต็มรูปแบบเร็วๆนี้
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
