-นี่คือคำโปรยที่สื่อความใจความหลักอัลบั้มแรกของ 7 หนุ่ม Electronic Folk Song คนกรุงเทพ ได้อย่าง overall ไม่ยากเกินความเข้าใจ ตั้งแต่ได้รู้จักกับน้องๆผ่านการฟังผลงานเพลงที่ผ่านมา และการได้ทักทายตัวเป็นๆในงาน Listening Party รู้สึกว่าพวกเขามีไอเดียใหม่ๆมากมายในการทำให้ดนตรีโฟล์คซองที่ถูกมองว่าเป็นแนวเพลงผู้ใหญ่ให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่ได้ง่ายขึ้น
-คอนเซ็ปท์อีพีเล่าเรื่องราว coming of age ได้เข้าใจง่าย จากคนที่อยู่ในกล่องจนชิน สู่จุดที่การเติมเต็มในกล่องๆนั้นดันถึงเวลาที่ล้นจนฝาเปิดออก จนคนข้างในจำเป็นต้องออกจากกล่องเพื่อเผชิญโลกกว้าง ได้เวลาพิสูจน์ตัวเองต่อไป
-T E L L Me ป็อปที่สุดในอัลบั้ม โทนเพลงสว่างไสว shine bright กลิ่นอาย new wave มาเต็ม พร้อมอ้าแขนรับกับปัจจุบันที่มีแสงสว่างกว่าที่เคยเป็น คือการละทิ้งสิ่งเก่าๆในอดีต เหลือเพียงตัวฉันในปัจจุบันที่อาจจะไม่มีใครต้องการก็ช่างแม่งแล้ว ต่อให้ช่วงเวลาในอดีตเป็นสิ่งที่ล่วงเลย ไม่มีความหมายอีกต่อไปก็ตาม
-สุดท้ายต่างคนต่างโดนเกรียวคลื่นซัดไปในทิศทางที่คาดเดาไม่ได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเพลงนี้คือ The Best สำหรับผม ด้วยความที่คอรัส ถ้อยคำภาษาประดิษฐ์ประดอยมาอย่างดี ท่วงทำนองบัลลาดที่ไม่เหมือนใคร ขมขื่นแต่สวยงาม เป็นการสร้างโมเมนต์พัดพาคนฟังไปสู่โลกจริงในเพลงถัดๆไปที่อาจจะทำให้ชีวิตที่อยากขีดเขียนด้วยตัวเองไม่เป็นดั่งใจหวัง
-ปิดท้ายด้วย w. (#พอ) ที่ทิ้งท้ายด้วยความอ่อนล้าของหัวใจ ราวกับชีวิตต้อง take a break เสียบ้าง เรื่องของอดีตที่เจ็บปวดคือสายลมมรสุมที่เกิดขึ้นแค่บางคราว ไม่ได้เกิดขึ้นตลอดไป ร้องไห้ให้พอ แล้วเดินต่อ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกลับไปร้องไห้เสียใจอีก