Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Chimplee Review
•
ติดตาม
15 พ.ค. 2022 เวลา 04:59 • การ์ตูน
มังงะที่น่าสนใจ เรื่องที่ 3
ชื่อเรื่อง : ฝากฝันไว้ที่เสียงโคโตะ!
เรื่อง&ภาพ : AMU
แนวเรื่อง : School Life
ลิขสิทธิ์ญี่ปุ่น : SHUEISHA Inc., Tokyo.
ลิขสิทธิ์ไทย : Bongkoch
จำนวนเล่มที่วางขายในญี่ปุ่น : 26 เล่ม (จบแล้ว) 4-3-2022
จำนวนเล่มที่วางขายในไทย : 17 เล่ม (ยังไม่จบ) 14-5-2022
เรทหนังสือ : ผู้อ่านทั่วไป
ราคาปัจจุบันเล่มละ : 55 บาท
เรื่องย่อ : ทาเคโซ สมาชิกชมรมโคโตะเหลือตัวคนเดียวหลังจากพวกรุ่นพี่จบการศึกษาไป เมื่อเข้าสู่เดือนเมษายน เขาจึงได้ทุ่มเทกับการรับสมัครสมาชิกใหม่ แต่ชมรมโคโตะกลับเป็นชมรมที่บางคนแทบจะไม่รู้ถึงการมีอยู่ แล้วในตอนนั้นเองคนที่มาปรากฏตัวต่อหน้าทาเคโซเท่าที่ดูแล้วก็เป็นนักเรียนใหม่ที่ดูท่าทางเกเรและไม่น่าจะมีอะไรมาข้องแวะกับโคโตะ แต่นักเรียนคนนั้นกลับพูดออกมาว่าจะขอสมัครเข้าชมรมเนี่ยสิ!?
ภาพปก ฝากฝันไว้ที่เสียงโคโตะ! เล่ม 1
เรื่องนี้เล่าถึงกลุ่มเด็กนักเรียน ม.ปลาย ที่เข้ามาในชมรมโคโตะของโรงเรียนที่กำลังจะถูกยุบครับ ทุกคนก็แบกปัญหาชีวิต และความรู้สึกส่วนตัวของตัวเองกันมา เหมือนมังงะแนว school life ปกติครับ แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ต่างออกไปคือความรู้สึกที่เปล่งออกมาจากเสียงของโคโตะที่แต่ละคนดีดออกมาครับ แต่ทั้งๆ ที่เวลาอ่านหนังสือนั้นไม่ได้มีเสียงออกมาจริงๆ
แต่การที่อ่านแล้วมีเสียงออกมาจากจินตนาการนั้นผมรู้สึกว่ามันสุดยอดจริงๆ ครับ และยิ่งเป็นเสียงที่แสดงความรู้สึกออกมาด้วยแล้วบอกเลยครับว่ามันอิมแพคเข้าไปในใจเหลือเกินครับ ในบางฉากนี่สามารถทำให้น้ำตาคลอได้เลยครับ เพราะเสียงในตอนนั้นๆ สื่อความรู้สึกของตัวละครได้ถึงใจจริงๆ ครับ
แต่ของดีของเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีแค่ดนตรีอย่างเดียวนะครับ เพราะเรื่องราวของแต่ละคนก็ค่อนข้างเข้มข้นเหลือเกินครับ ทั้งความสุข ความเศร้า มิตรภาพบอกเลยครับว่าดีงาม และกินใจสุดๆ เลยครับ
เรื่องนี้เลยเป็นมังงะเกี่ยวกับดนตรีอีก 1 เรื่องที่ผมอยากแนะนำให้เพื่อนๆ อ่านนะครับ แต่สำหรับคนที่ยังไม่พร้อมที่จะอ่านมังงะเรื่องนี้ก็มีในรูปแบบอนิเมชั่นฉายลง Netflix ถึง 2 Season เลยนะครับ
คะแนนความชอบ : ⭐️⭐️⭐️⭐️⭐️
…………………………………………………………………………………………………………………
สาระดีๆ ที่ได้จากมังงะเรื่องนี้
โคโตะ เครื่องดนตรีญี่ปุ่น
โคโตะ (Koto, 箏) คือเครื่องสายโบราณที่มีชื่อเสียงของประเทศญี่ปุ่นอย่างนึงเลย ถูกเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ เช่น เรียกว่า zheng ในประเทศจีน เรียกว่า yatga ในประเทศมองโกเลีย และเรียกว่า gayaguem ในเกาหลี โกโตะมีความยาวประมาณ 180 เซนติเมตร ทำจากไม้ kiri มี 13 สาย ซึ่งทำจากเส้นไหม วิธีดีดจะใช้เพียง 3 นิ้ว คือ นิ้วโป้ง นิ้วชี้ และนิ้วกลาง
ภาพเครื่องดนตรีโคโตะ (13 สาย)
โคโตะ ถูกนำเข้ามาในญี่ปุ่นในช่วงปลายศตวรรษที่ 7 และ 8 โดยนักดนตรีจากจีนและเกาหลีที่เล่นในวงออเคสตร้า โคโตะแบบดั้งเดิมมี 5 สาย และถูกพัฒนามาเป็น 7 สายในเวลาต่อมา แต่ตอนถูกนำมาที่ญี่ปุ่นในสมัยนาระ (Nara) ก็ถูกพัฒนาเป็น 13 สายแล้ว ความหลากหลายของเครื่องดนตรีชนิดนี้มาจากรูปแบบพื้นฐาน 2 แบบ คือ พิณแบบมีคอ และพิณแบบราบไปเลยไม่มีคอ
แบบที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในจีนคือ qin ซึ่งรูปแบบจะคล้ายกับเครื่องดนตรีทั่วไปในเอเชีย
ครั้งแรกที่โคโตะถูกนำเข้ามาในญี่ปุ่น คำว่า “โคโตะ” ยังใช้เรียกแทนเครื่องดนตรีของญี่ปุ่นทุกชนิดที่เป็นเครื่องสาย เวลาผ่านไป คำว่า “โคโตะ” ไม่สามารถบ่งบอกชนิดของเครื่องสายได้ชัดเจน
เพราะเครื่องสายก็มีหลากหลายชนิดและแตกต่างกันไป เช่น kin no koto ก็เรียกสั้นๆ ว่า kin, sau no koto ก็เรียกสั้นๆ ว่า soo แต่รวมๆ เราก็ยังเรียกเครื่องสายว่า “โคโตะ” อยู่ดี
โคโตะเป็นเครื่องดนตรีที่นิยมมากในหมู่คนมีฐานนะในประเทศญี่ปุ่น และนับว่าเป็นเครื่องดนตรีที่โรแมนติกชนิดหนึ่งเลยทีเดียว โคโตะยังถูกกล่าวถึงในนิทานเรื่อง ตำนานของเกนจิ ในตอนที่เกนจิตกหลุมรักหญิงลึกลับ ผู้ซึ่งเขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน เพียงแค่ได้ยินเสียงโคโตะที่หญิงสาวผู้นั้นบรรเลง มาจากที่ไกล…
โคโตะถึงเริ่มมีชื่อเสียงในการแสดงเดี่ยว
ในศตวรรษที่ 16 พระในศาสนาพุทธ ชื่อว่า เคนจุน ที่อาศัยอยู่ทางตอนเหนือของคิวชูเริ่มแต่งเพลงที่ใช้เล่นกับโคโตะ เรียกว่า “ซึกุชิ โกโตะ”
อาจเป็นไปได้ว่า คนที่มีอิทธิพลส่งผลให้โกโตะเป็นที่รู้จักมากที่สุดคือ ยาซึฮาชิ เคนเกียว เขาคือนักดนตรีจากเกียวโต ที่เปลี่ยนเพลง 6 เพลงซึ่งเป็นเพลงที่ใช้ในการบรรเลงโกโตะแบบดั้งเดิมให้เกิดในรูปแบบใหม่ เรียกว่า คุมิ อุตะ ยาซึฮาชิ เขาจึงเป็นที่รู้จักในนาม บิดาแห่งโกโตะสมัยใหม่
คนที่มีอิทธิพลต่อโกโตะอีกคนหนึ่งก็คือ มิชิโอะ มิยากิ นักแต่งเพลงในสมัยเมจิ เป็นนักแต่งเพลงคนแรกที่นำเอาเพลงดั้งเดิมของโกโตะมาผสมผสานกับเพลงตะวันตกสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว ทำให้โกโตะซึ่งกำลังจะถูกกระแสนิยมตะวันตกกลืนหายไปกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง เขาประพันธ์เพลงใหม่ไว้ถึง 300 กว่าเพลง และประดิษฐ์โกโตะ 17 สาย
เพื่อการเล่นที่หลากหลายมากขึ้น นอกจากนี้ เขายังทำให้โกโตะเป้นที่รู้จักไปในอีกหลายประเทศ โดยการไปแสดงในที่ต่างๆ ก่อนที่จะเสียชีวิตลงด้วยวัยเพียง 62 ปี ด้วยอุบัติเหตุทางรถไฟ
ในปัจจุบันโกโตะมีการสอนอย่างแพร่หลาย และมีการดัดแปลงให้เข้ากับดนตรีสมัยใหม่มากขึ้น มีวงดนตรีแนวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแนวตะวันตก หรือ pop-rock นำไปเล่นอยู่เสมอๆ และมีโรงเรียนสอนที่มีชื่อเสียงมากมาย รวมถึงมีศิลปินโกโตะที่อยู่ตามประเทศต่างๆ ทั่วโลก
มิชิโอะ มิยากิ
มิชิโอะ มิยากิ
ข้อมูลเบื้องต้นของ มิชิโอะ มิยากิ
เกิดวันที่ : 7 เมษายน พ.ศ. 2437
ถิ่นกำเนิด : เมืองโกเบ จังหวัดเฮียวโงะ ประเทศญี่ปุ่น
เสียชีวิต : 25 มิถุนายน พ.ศ. 2499
เสียชีวิตที่ : เมืองคาริยะ จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น
เครื่องดนตรีที่เล่น : โคโตะ
เขาเกิดในโกเบ เขาสูญเสียการมองเห็นในปี พ.ศ. 2445 เมื่ออายุได้ 8 ขวบ และเริ่มเรียนที่โคโตะภายใต้การแนะนำของ Nakajima Kengyo IIโดยอุทิศชีวิตที่เหลือให้กับเครื่องดนตรี ในปี พ.ศ. 2450 เขาย้ายไปอยู่กับครอบครัวของเขาไปอินชอนทางตอนใต้ของประเทศเกาหลี เมื่อตอนที่เขาอายุ 14 ปีในปี พ.ศ. 2452 เขาจบองค์ประกอบแรกของเขา Mizu เมื่ออายุได้ 18 ปี เขาบรรลุถึงระดับของเคนเกียว ซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดสำหรับนักแสดงโคโตะ
มิยากิย้ายไปโตเกียวในปี พ.ศ. 2460 และในปี พ.ศ. 2462 เขาได้แสดงบทประพันธ์ของตนเองเป็นครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2463 เขาได้มีส่วนร่วมในการบรรยายครั้งยิ่งใหญ่ของดนตรีญี่ปุ่นใหม่กับ Seifu Yoshida และ Nagayo Motoori เขาถูกนับเป็นผู้มีอำนาจในเพลงญี่ปุ่นใหม่บรรลุความโดดเด่นในช่วงต้นยุคโชวะ ในปี พ.ศ. 2468 เขาเข้าร่วมในหนึ่งในครั้งแรกวิทยุการนำเสนอผลงานในประเทศญี่ปุ่นและในปี พ.ศ. 2472
เขาได้ลงนามในสัญญากับ บริษัท วิคเตอร์บันทึกปัจจุบันJVC เขาแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาHaru no Umi ( The Sea in Spring ) ในปี พ.ศ. 2472
ในปี พ.ศ. 2473 เขาได้เป็นวิทยากรที่วิทยาลัยดนตรีโตเกียว (มหาวิทยาลัยศิลปะแห่งโตเกียวในปัจจุบัน) จนกระทั่งเขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นศาสตราจารย์ในปี พ.ศ. 2480 ในปี พ.ศ. 2475 นักไวโอลินชาวฝรั่งเศส Renée Chemet ได้ไปเยือนญี่ปุ่นในทัวร์คอนเสิร์ต
หลังจากได้ยินมิยากิแสดง Haru no Umi Chemet ได้จัดส่วน shakuhachi สำหรับไวโอลิน ซึ่งเธอและ Miyagi ได้บันทึกเพื่อจำหน่ายในญี่ปุ่นและยุโรป เขาได้รับความเด่นทั่วโลกหลังจากที่ออกอัลบั้มในประเทศญี่ปุ่นสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร
หลังสงครามโลกครั้งที่สองในปี พ.ศ. 2491 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็น Academy of Arts of Japan เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2499 เขาเสียชีวิตหลังจากตกจากรถไฟในเมืองคาริยะ จังหวัดไอจิระหว่างการทัวร์ครั้งหนึ่งของเขา เขาเขียนมากกว่า 500 ชิ้น ปรับปรุงเครื่องสายญี่ปุ่น และคิดค้นโคโตะใหม่ที่มี 17 สาย (เบสโคโตะ) และ 80 สาย เขายังเป็นนักเขียนและตีพิมพ์มากกว่าสิบเล่มรวมทั้งAme ไม่มี Nenbutsu
หอรำลึกมิชิโอะ มิยากิ
ภาพหอรำลึกมิชิโอะ มิยากิ
หอรำลึก Michio Miyagi เมืองชินจูกุ กรุงโตเกียว เปิดทำการในปี พ.ศ. 2521 บนพื้นที่ที่เขาใช้เวลาหลายปีสุดท้าย พิพิธภัณฑ์ประกอบด้วยเครื่องดนตรีและสิ่งประดิษฐ์ส่วนตัว ห้องสมุดที่เขาแต่งเพลงและเขียนเรียงความ ห้องที่มีเพลงและวิดีโอ ห้องสมุด ห้องบรรยาย และห้องแสดงดนตรีสำหรับคอนเสิร์ต
อ้างอิง
โคโตะ เครื่องดนตรีญี่ปุ่น :
https://kitsunejungcream.wordpress.com/%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B8%B0/
มิชิโอะ มิยากิ :
https://hmong.in.th/wiki/Michio_Miyagi
มังงะ
การ์ตูน
อนิเมะ
บันทึก
1
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย