16 พ.ค. 2022 เวลา 00:17 • กีฬา
[ #เมื่อกองหน้าคือปัญหา ]
ตอนเห็นไลน์อัพเชลซีก่อนทำศึกนัดชิงเอฟเอคัพกับลิเวอร์พูล มีหลายคนข้องใจ
โรเมลู ลูกากู ซึ่งช่วงหลังผูกขาดตัวสำรอง กลับได้ออกสตาร์ต ในขณะที่ ติโม แวร์เนอร์ เป็นอะไหล่ที่ข้างสนามและ ไค ฮาแวร์ทซ์ ชื่อหายจ้อย ทั้งที่ก่อนหน้าไม่มีสัญญาณเตือนมาก่อน
นอกจากนี้ช่วงเปลี่ยนผู้เล่น ซึ่งสามารถใช้โควต้าได้ถึง 6 คน เพราะมีการต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที เล่นกันแบบมาราธอน แวร์เนอร์ ยังคงนั่งหน้าเครียดอยู่ข้างสนาม ไม่ได้ถูกส่งลงไป แม้จะเห็นกันอยู่ว่าแนวรุกมีปัญหา
แถม โธมัส ทูเคิ่ล ยังเปลี่ยนตัวแปลกๆอีก รูเบน ลอฟตัส ชีค ได้รับโอกาสในนาทีที่ 105 ก่อนจะถูกดึงออกในนาทีที่ 119 เพื่อเปิดทางให้ รอสส์ บาร์คลี่ย์ ลงมาเพื่อเป็นหนึ่งในมือปืนยิงจุดโทษตัดสิน
พอเกมจบลงพร้อมความผิดหวังซ้ำรอยเดิมของเชลซี ราวกับฉายหนังม้วนเดิมจากเกมนัดชิงคาราบาวคัพ นักข่าวที่กังขาจึงได้โอกาสสอบถาม ทูเคิ่ล ว่าเกิดอะไรขึ้นกับแผงรุกกันแน่
ทูเคิ่ล แจกแจงไปว่า ฮาแวร์ทซ์ โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานบริเวณเอ็นร้อยหวายและเกิดจากตัวเอง ไม่ได้ปะทะกับใคร จนลงซ้อมไม่ไหวและรอกระทั่งเช้าวันเสาร์ ก็ยังไม่กระเตื้องอีก เลยต้องจัดการถอดชื่อออกซะ
ส่วน แวร์เนอร์ เจ็บที่เดียวกันเป๊ะ รู้สึกไม่ค่อยโอเคตอนอบอุ่นร่างกาย เลยมาเดินมาแจ้ง สุดท้ายก็บอกว่าไม่ไหวจริงๆ จึงไม่มีส่วนร่วมในเกมนี้อย่างน่าเสียดาย
จริงๆ ทูเคิ่ล ก็อธิบายได้ชัดเจนในระดับหนึ่ง ไม่น่าจะมีอะไรเคลือบแคลงน่าสงสัยหรือเหมือนซ่อนอะไรไว้
อย่างไรก็ดี พวกสื่อแม้กระทั่งแฟนบอลบางคนก็ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับพวกผู้เล่น เกิดรอยร้าวหรือมีบางอย่างขัดแย้งกันหรือเปล่า
หากย้อนดูปูมหลังเราพอจะรับรู้กันว่า กุนซือเยอรมันเคยให้สัมภาษณ์ออกสื่อในแง่ไม่ค่อยดีสักเท่าไรนัก โดยเฉพาะช่วงคุมปารีส แซงต์ แชร์กแมง
ก่อนจะโดนปลด เขาคุยกับทาง Sport1 สื่อกีฬายักษ์ใหญ่เมืองเบียร์ แล้วท่อนหนึ่งเปรียบเทียบตัวเองมีบทบาทเหมือนรัฐมนตรีกีฬามากกว่าเทรนเนอร์สโมสรฟุตบอล
แทนที่จะได้ทำหน้าที่คุมลูกทีมซ้อม คิดค้นแท็คติกตามปกติ แต่นี่ต้องมาเกี่ยวข้องแทบทุกเรื่อง บางอย่างหยุมหยิมมากและไม่น่าดึงคนเป็นกุนซือไปยุ่งด้วยเลย
ว่ากันว่าบทสัมภาษณ์นั้น เป็นเหมือนยาพิษที่เขากลืนลงคอไปเอง ก่อนจะโดนเชือดพ้นตำแหน่ง บอร์ดบริหารไม่แคร์ด้วยว่า ซีซั่นที่แล้วกวาดแชมป์ในประเทศครบ 4 รายการหรือพาทีมผ่านเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ขณะเดียวกันก็มีการตั้งข้อสังเกตด้วยว่า ทูเคิ่ล มักจะเริ่มคุยกับสื่อมากขึ้น บางทีก็พูดจากไม่ค่อยรื่นหูเท่าไรนัก
1
ช่วงย้ายคุมทีมแทน แฟร้งค์ แลมพาร์ด เมื่อต้นปีที่แล้ว เขาค่อนข้างเงียบเชียบ เจียมเนื้อเจียมตัวดีเลย อาจจะเพิ่งผ่านบทเรียนอันเลวร้ายมาจากเปเอสเชก็เป็นได้ เลยคิดว่าไม่ควรออกมาพูดอะไรที่เยอะเกินไป
ปรากฏว่าผลงานของเชลซีเปลี่ยนแปลงดูผิดหูผิดตาแค่ไม่กี่สัปดาห์ นอกจากผ่านภารกิจพาทีมจบท็อปโฟร์ได้ตามเป้าแล้ว ยังผ่านไปถึงนัดชิงเอฟเอคัพอีก ก่อนพ่ายเลสเตอร์อย่างน่าเจ็บใจ
2
ไฮไลต์อยู่ที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงต้องดวลแมนฯซิตี้ ซึ่งเป็นรองพอสมควร แต่กับโชว์การแก้หมากกำหนดแท็คติกอย่างน่าทึ่ง โค่นลงได้อย่างใสสะอาด ผงาดครองเจ้ายุโรปอย่างสมเกียรติ
ทูเคิ่ล ใช้เวลาเพียงแค่ 4 เดือนเท่านั้น สำหรับการผ่าตัดแปลงโฉมเชลซีให้เปลี่ยนไปจากหลังมือเป็นหน้ามือ
1
ไม่น่าแปลกใจที่ใครต่อใคร อันหมายถึงพวกสื่ออีกมาก จะยกรางวัลกุนซือยอดเยี่ยมแห่งซีซั่นให้ไปเลย
รางวัลสำคัญส่วนตัวอย่าง กุนซือเยอรมันยอดเยี่ยมแห่งปี , กุนซือยอดเยี่ยมยูฟ่า , กุนซือดีสุดของฟีฟ่าและซิวยอดโค้ชของ IFFHS อีกต่างหาก
1
ดังนั้นแฟนบอลเชลซีจึงคาดหวังไว้มากว่า พอฤดูกาลนี้เปิดฉากขึ้นเชลซีจะต้องก้าวขึ้นมาท้าทายแมนฯซิตี้บนบัลลังก์พรีเมียร์ลีกแน่
เชลซีเริ่มต้นได้ดีมากๆ บดบี้ไล่ขยี้มากับแมนฯซิตี้และลิเวอร์พูล ก่อนจะมาแผ่วปลายหลุดโค้งเอง ไม่ได้เป็นแคนดิเดตลุ้นแชมป์ ทั้งที่เคยเป็น 1 ในม้า 3 ตัว ถูกคาดหมายว่าจะวิ่งเข้าเส้นชัยก่อน
1
พอหลุดจากสารบบพรีเมียร์ลีกแล้ว พวกเขายังมีโอกาสสำหรับบอลถ้วยทั้งสองรายการ ยังคงผ่านเข้ามาชิงสำเร็จ ทูเคิ่ล หวังจะแก้ตัวให้ได้ด้วยจากเอฟเอคัพที่พลาดน่าเสียดายเมื่อปีที่แล้ว
ทว่าตกม้าตายเองทั้งเอฟเอคัพและลีกคัพ แถมยังเจ็บปวดตรงที่พ่ายลิเวอร์พูลจากจุดโทษทั้งสองนัด
มันเลยเกิดคำถามขึ้นมาว่า ทำไมเชลซีจึงไม่เปล่งประกายเหมือนซีซั่นที่แล้ว ปัญหาอยู่ตรงไหนและมันเกิดจากอะไร
ประเด็นที่ทำให้ ทูเคิ่ล หนักอกหนักใจมากๆคงจะเป็นเรื่องของกองหน้า
ตอนที่รู้ว่าจะมารับงานกู้วิกฤตเชลซี หลายต่อหลายคนคาดว่า ติโม แวร์เนอร์ ซึ่งกลายเป็นสิงห์ปืนฝืด จะถูกขัดเกลาให้กลับมาคมกริบอีกครั้ง เพราะคราวนี้ได้กุนซือบ้านเดียวกันมาเป็นบอสเลย
1
ดูแล้ว ทูเคิ่ล น่าจะมีคู่มือหรือหาวิธีรีดเค้นศักยภาพของ แวร์เนอร์ ได้มากกว่าที่เป็นอยู่
กระนั้นการย้ายมาอย่างคาดไม่ถึงของ โรเมลู ลูกากู ก็ก่อให้เกิดปัญหาเช่นเดียวกัน
แพลนเดิมที่ ทูเคิ่ล วางเอาไว้คือให้บอร์ดไปกระชาก เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ มาจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์เลย มีโอกาสจะปิดดีลได้แล้ว แต่สุดท้ายสู้ราคาไม่ไหว เพราะคอร์สสูงทั้งค่าตัวและค่าจ้าง
ค่าตัวทะลุ 150 ล้านปอนด์แน่ๆ ค่าจ้างก็ไม่น้อยกว่า 400,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เลยต้องเหยียบเบรกไว้ก่อน
1
ก่อนจะเป็น ลูกากู ที่โยกมาแทน เป็นการรีเทิร์นถิ่นเก่าอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ใช่เป็นแค่อะไหล่หรือเพื่ออนาคต แต่เขามาเป็นเสาหลักในปัจจุบันเลย
1
เดาไม่ยากหรอกว่า ทูเคิ่ล ไม่ใช่คนที่ต้องการ ลูกากู น่าจะเป็นฝ่ายบริหารจัดการดึงมาให้ใช้และผลลัพธ์ก็เลยเป็นอย่างที่เห็นนั่นแหล่ะ
1
ลูกากู ไม่ใช่กองหน้าในแบบฉบับของ ทูเคิ่ล เลยสักนิด เพรสแดนบนไม่แน่น แถมไม่ใช่พวกเทคนิคดีอะไรนัก เล่นหน้าเดียวคือบังบอล เก็บไว้แล้วคอยไถไป ไหวพริบก็ไม่ค่อยมี นั่นเลยล้มเหลว
2
จากที่ต้องเป็นตัวจริง ก็เลยหลุดไปนั่งสำรองส่วนใหญ่ในช่วงหลัง แวร์เนอร์ เลยได้เบียดขึ้นมาบ้าง แต่หลักๆแล้วต้องฝากความหวังไว้ที่ ฮาแวร์ทซ์ ทั้งที่ไม่ใช่ประเภทหน้าเป้าเบอร์ 9 เลย
1
เป็นสองฤดูกาลติดต่อกันที่เชลซีไม่อาจแก้ไขปัญหาเรื่องกองหน้าได้ แม้กระทั่ง ทูเคิ่ล ก็ยังไม่อาจเคลียร์ให้สะเด็ดน้ำเลย
อีกทั้งยังต้องระวังเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับทั้ง ลูกากู และ แวร์เนอร์ หวั่นใจว่ามีโอกาสเกิดแรงกระเพื่อมใต้น้ำได้
เชื่อกันว่าเขายังน่าจะได้คุมทีมต่ออย่างน้อยก็อีกฤดูกาล แต่บนความแน่นอนนั้น มันก็สั่นคลอนด้วยเช่นกัน ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของเชลซี
ทูเคิ่ล จะผ่านสภาวะแบบนี้ไปได้อย่างไร น่าสนใจเลยจริงๆ
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา