16 พ.ค. 2022 เวลา 13:34 • กีฬา
การเปิดตัวรูปปั้น กุน อเกวโร่ ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หน้าสนามเอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อสัปดาห์ก่อน ดูเผินๆ ก็เป็นการมอบเกียรติยศให้อดีตผู้เล่นของทีมโดยปกติ แต่แฟนบอลที่อังกฤษ มีคำถามมากมาย วิเคราะห์บอลจริงจัง จะเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
1
แบ็กกราวน์ของเรื่องนี้ ต้องย้อนกลับไปในช่วงต้นฤดูกาล เมื่อแมนฯ ซิตี้ เปิดตัวรูปปั้น แวงซ็องต์ ก็องปานี และ ดาบิด ซิลบา พร้อมกันในวันเดียว จากนั้นช่วงปลายซีซั่น ก็มาเปิดตัวอเกวโร่อีกคน เท่ากับว่า ในช่วงเวลาแค่ ไม่ถึง 9 เดือน แมนฯ ซิตี้ เปิดตัวรูปปั้นนักเตะพร้อมกันถึง 3 จุดรอบสนามเอติฮัด
1
ฝ่ายที่มองว่ามันแปลก เพราะโดยปกติแล้ว การมีรูปปั้น (Statue) หน้าสนาม คือเกียรติยศอันสุดยอด โดยคุณต้องเป็นผู้เล่น หรือโค้ช ที่เป็นตำนานจริงๆ สร้างความยิ่งใหญ่จนได้รับการยอมรับไปทั่ว
1
การมีรูปปั้น ต้องผ่านการคัดกรอง คิดแล้ว คิดอีก ว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะรูปปั้นนั้นจะเป็นแลนด์มาร์กของสโมสรไปตลอดกาล ส่วนใหญ่รูปปั้นหน้าสนามมักจะถูกทำขึ้นเพื่อ Tribute นักเตะหรือโค้ชที่เสียชีวิตไปแล้ว หรือไม่ก็แขวนสตั๊ดไปพักใหญ่แล้ว
เพื่อจะเปรียบเทียบกับของซิตี้ ผมจะพาทุกคนไปดูนะครับ ว่ารอบๆ สนามของสโมสรฟุตบอลแต่ละแห่ง มีรูปปั้นของใครอยู่บ้าง จะได้พอเห็นภาพมากขึ้น
----------------------
2
[ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ]
1
รอบสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีรูปปั้นอยู่ 3 จุด คือ 1- รูปปั้นเซอร์ แมตต์ บัสบี้, รูปปั้น United Trinity และ รูปปั้นเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
1
- รูปปั้นเซอร์แมตต์ บัสบี้ เปิดตัวในปี 1996 สองปีหลังจากเซอร์แมตต์เสียชีวิต โดยบัสบี้คือตำนานผู้ยิ่งใหญ่ของทีม เป็นผู้จัดการทีมคนแรก ที่พาสโมสรอังกฤษคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพได้สำเร็จ และเป็นผู้รอดชีวิตจากโศกนาฏกรรมมิวนิค แน่นอนว่า ยิ่งใหญ่คู่ควรกับการมีรูปปั้นอย่างยิ่ง
- จากนั้นในปี 2008 สามปีหลังจอร์จ เบสต์ เสียชีวิต แมนฯ ยูไนเต็ดเปิดตัวรูปปั้น United Trinity สามประสานในตำนาน บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน, เดนิส ลอว์ และ จอร์จ เบสต์ โดยทั้ง 3 คน เป็นผู้เล่นที่คว้าบัลลงดอร์ครบหมดทุกคน พวกเขาเล่นร่วมกันอยู่ช่วงหนึ่ง และสร้างความเกรียงไกรไปทั่วยุโรป
- และ ในปี 2012 แมนฯ ยูไนเต็ด เปิดตัวรูปปั้นเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ซึ่งก็ไม่มีคำถามอะไร กับผู้จัดการทีมที่คว้าแชมป์ลีก มากที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ เป็นคนที่ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นสโมสรยอดนิยมของคนทั่วโลก
----------------------
[ ลิเวอร์พูล ]
รอบสนามลิเวอร์พูล มีรูปปั้นเพียง 3 คนเท่านั้น ได้แก่ บิลล์ แชงคลีย์, บ๊อบ เพสลีย์ และ จอห์น โฮลดิ้ง
3
- รูปปั้นคนแรก คือ บิลล์ แชงคลีย์ ผู้ก่อร่างสร้างจิตวิญญาณของสโมสรลิเวอร์พูล สร้างค่านิยม สร้างคุณค่า ให้ทีมหงส์แดง เป็นหงส์แดงอย่างทุกวันนี รูปปั้นของแชงคลีย์ ถูกเปิดตัวในปี 1997 หลังจากเขาเสียชีวิตมาแล้ว 16 ปี โดยตั้งอยู่ที่ทางเข้าสนามฝั่งเดอะ ค็อป เป็นจุดที่แฟนบอลทุกคนที่เข้าสนามมาต้องเห็นเลย
1
- รูปปั้นคนที่สอง คือ จอห์น โฮลดิ้ง เป็นคนก่อตั้งสโมสรลิเวอร์พูล โดยโฮลดิ้งเสียชีวิตไปนานมากแล้ว ตั้งแต่ปี 1902 แต่ในวาระที่ลิเวอร์พูลมีอายุครบ 125 ปี ทำให้ในปี 2018 สโมสรตัดสินใจมอบรูปปั้นให้โฮลดิ้ง เพื่อเป็นการบ่งบอกว่า ไม่เคยลืมรากเหง้า จุดเริ่มต้นของทีม
- รูปปั้นคนที่สามคือ บ๊อบ เพสลีย์ ผู้จัดการทีมคนแรก ที่คว้าแชมป์ยุโรป 3 สมัย บ๊อบ เพสลีย์มาสานงานต่อจากแชงคลีย์ และทำทีมได้อย่างยอดเยี่ยมทันที แต่ก็เช่นกัน กว่าที่เพสลีย์จะได้รูปปั้น ต้องรอถึงปี 2020 ซึ่งเขาเสียชีวิตไปแล้ว 24 ปี แต่สโมสรต้องการมอบให้ เพื่อเป็นเกียรติยศให้กับครอบครัวเพสลีย์
-----------------------
[ เชลซี ]
1
เชลซีมีรูปปั้นเดียวเท่านั้น ที่รอบสนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ คือ ปีเตอร์ ออสกู๊ด กองหน้าในตำนานที่พาเชลซี คว้าแชมป์เอฟเอคัพ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ (1970) และ แชมป์ยุโรปหนแรก (คัพวินเนอร์สคัพ ปี 1971) จนได้รับฉายาว่า "ออสซี่ - คิง ออฟ สแตมฟอร์ด บริดจ์" โดยออสกู๊ด เสียชีวิตในปี 2006 ด้วยวัย 59 ปี จากนั้นมาอีก 4 ปี เชลซีจึงเปิดตัวรูปปั้นเพื่อมอบเกียรติยศให้กับยอดนักเตะผู้ล่วงลับ
-----------------------
[ อาร์เซน่อล ]
รอบสนามเอมิเรตส์ สเตเดี้ยม จะมีรูปปั้น 4 คน ได้แก่ เธียร์รี่ อองรี, โทนี่ อดัมส์, เฮอร์เบิร์ต แชปแมน และ เดนนิส เบิร์กแคมป์
- 3 คนแรก เปิดตัวรูปปั้นพร้อมกันในปี 2011 ในวาระครบรอบ 125 ปีของสโมสร เฮอร์เบิร์ต แชปแมน เป็นผู้จัดการทีมคนแรก ที่พาอาร์เซน่อล คว้าแชมป์ลีกสูงสุด (1930-31 และ 1932-33) และ แชมป์เอฟเอคัพ ครั้งแรกของสโมสร (1930)
นิตยสารฟรองซ์ ฟุตบอล จัดให้เขาเป็นสุดยอดผู้จัดการทีมดีที่สุดตลอดกาลอันดับ 24 โดยแชปแมน เสียชีวิตในปี 1934 จากโรคปอดบวม ในขณะที่ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทีมอยู่ คือตายในหน้าที่เลย ดังนั้นไม่แปลกใจที่สโมสรจะเห็นคุณค่าของตำนานผู้ยิ่งใหญ่คนนี้
- คนต่อมาคือ โทนี่ อดัมส์ เขาได้รับฉายาว่า Mr.Arsenal เพราะอยู่กับสโมสรทีมเดียวตั้งแต่เยาวชน จนเลิกเล่นในปี 2002 รวมแล้ว อยู่กับสโมสรมายาวนาน 22 ปี ลงเล่นทุกรายการมากถึง 672 นัด มีส่วนร่วมกับแชมป์ลีก 4 สมัย โทนี่ อดัมส์คือยอดกัปตัน และเป็นสัญลักษณ์ของ Fighter เพราะเขาเอาชนะโรคติดแอลกอฮอล์ขั้นรุนแรงมาได้ และกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้โดยปกติ เป็นตัวอย่างที่ดีแก่นักเตะรุ่นหลัง
1
- คนที่สามคือ เธียร์รี่ อองรีได้รับเกียรติในฐานะนักเตะที่ยิงประตูให้ทีมมากที่สุดตลอดกาล 228 ประตู และอยู่ในทีมชุด The Invincibles ผู้ไร้พ่าย ตลอดฤดูกาล 2003-04 และเป็นนักเตะคนเดียวในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ที่ได้ดาวซัลโว 4 สมัย จริงๆ ตอนนั้นอองรียังไม่แขวนสตั๊ด แต่สโมสรต้องการเปิดตัวพร้อมกับอดัมส์ และ แชปแมนไปเลย ก็เลยถือว่าเป็นกรณีพิเศษไป
- ส่วนคนที่ 4 คือเดนนิส เบิร์กแคมป์ นักเตะที่อยู่กับสโมสรมา 11 ปี สร้างลูกยิงมหัศจรรย์มากมาย และช่วยอาร์เซน่อลได้แชมป์ลีก 3 สมัย เบิร์กแคมป์แขวนสตั๊ดกับอาร์เซน่อลในปี 2006 และได้รับเกียรติให้มีรูปปั้นหน้าสนาม ในอีก 8 ปี ต่อมา
-----------------------
สิ่งที่สะท้อนให้เห็น จากสโมสรต่างๆ ที่กล่าวไป คือการจะมีรูปปั้นหน้าสนามได้นั้น คุณต้องได้รับการยอมรับอย่างมากจริงๆ ไม่ใช่แค่กับทีมตัวเอง แต่เป็นสังคมภายนอกด้วย และส่วนใหญ่ จะต้องรอให้นักเตะรีไทร์กันไปสักพักใหญ่ๆ ก่อน ให้ชัวร์ว่าแม้ผ่านไปหลายปีแล้ว แต่แฟนบอลก็ยังไม่ลืม เมื่อถึงจุดนั้น ค่อยสร้างรูปปั้นขึ้นมา เป็นเกียรติยศสูงสุด
ลองไปดูที่แมนฯ ซิตี้ ก็องปานีเลิกเล่นฟุตบอลไปปีกว่าๆ , ดาบิด ซิลบา ยังไม่แขวนสตั๊ด ส่วน อเกวโร่ ก็เพิ่งรีไทร์จากปัญหาโรคหัวใจได้ไม่กี่เดือน ว่ากันแฟร์ๆ คือ มันเร็วมากๆ ที่จะสรรเสริญพวกเขาด้วยการมีรูปปั้นหน้าสนาม แต่ผู้บริหารทีม ไคดูน อัล-มูบารัก ก็มองว่า ทำไมนักเตะเหล่านี้ จะมีรูปปั้นไม่ได้
เคสของซิลบา สำนักข่าวบีบีซี ถึงกับตั้งคำถามขึ้นมาเลยว่า "แมนฯ ซิตี้ ควรมอบรูปปั้นให้ดาบิด ซิลบาจริงๆหรือ?" แม้แต่เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ยังแปลกใจ พอมีนักข่าวไปถามเรื่องนี้เขาตอบว่า "ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะสโมสรเราก็มีนักเตะคุณภาพหลายคนนะ"
2
สถิติของซิลบา แอสซิสต์ไป 93 ครั้ง ให้แมนฯ ซิตี้ ถามว่าเยอะไหม ก็โอเคในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ติดท็อปไฟว์ด้วยซ้ำ (กิ๊กส์ 162, ฟาเบรกาส 111, รูนี่ย์ 103, แลมพาร์ด 102 และ เบิร์กแคมป์ 94) ไม่เคยใกล้เคียงกับรางวัลบัลลงดอร์ หรือแม้แต่ PFA Awards ก็ไม่เคยได้สักครั้ง โอเคเขาก็เป็นผู้เล่นที่ดี แต่คำถามคือเป็น Legend ขนาดมอบรูปปั้นได้เลยหรือ
1
มีคนเปรียบเทียบว่า ซิลบาก็เป็นผู้เล่นที่ดีนะ แต่ถ้าไปดูทีมอื่นสิ เช่นที่ลิเวอร์พูล เอียน รัช (ยิง 346 ลูก สูงสุดตลอดกาลของสโมสร) , เควิน คีแกน (บัลลงดอร์ 2 สมัย) หรือ เคนนี่ ดัลกลิช (แชมป์ลีกสูงสุด 6 สมัย และ ยูโรเปี้ยนคัพ 3 สมัย) นักเตะเหล่านี้ ยิ่งใหญ่กว่าซิลบาไม่รู้เท่าไหร่ ยังไม่มีรูปปั้นของพวกเขาหน้าสนามเลยด้วยซ้ำ
หรืออย่างเคสของก็องปานี แฟนแมนฯ ซิตี้ บอกว่าได้รูปปั้น เพราะเป็นกัปตันทีมที่อยู่มานาน และได้แชมป์เยอะ (ก็องปานีอยู่แมนฯ ซิตี้ 11 ปี ได้แชมป์ลีก 4 สมัย) งั้นลองไปดูรอย คีน ของแมนฯ ยูไนเต็ดไหม ที่อยู่กับทีมปีศาจแดงมา 12 ปี ได้แชมป์ลีก 7 สมัย มากกว่าก็องปานีตั้งเยอะ แบบนี้ไม่คู่ควรกับรูปปั้นมากกว่าหรือ?
1
ส่วนอเกวโร่อาจจะดูเด่นที่สุด เพราะเป็นดาวซัลโวสโมสร แต่ทีมอื่นๆ ก็มีดาวซัลโวเยอะแยะ ยังไม่เห็นสร้างรูปปั้นเลย แฟรงค์ แลมพาร์ด เป็นดาวซัลโวสโมสรเชลซี พร้อมทั้งพาเชลซีเป็นแชมป์ลีก 3 สมัย และ แชมป์ยุโรป 1 สมัย ยังไม่ใกล้เคียงกับการมีรูปปั้นเลย
ดังนั้น การตั้งรูปปั้นของ ซิลบา-ก็องปานี-อเกวโร่ จึงโดนคนอังกฤษตั้งคำถามว่า มันผิดที่ผิดทางไปหน่อย และเร็วเกินไปมาก ถ้าเทียบกับธรรมเนียมโดยทั่วๆไป คืออย่างแย่ที่สุด เอาสามคนมารวมกันในรูปปั้นเดียว ยังจะดีเสียกว่า
-----------------------
นั่นคือเหตุผล ถ้าหากคิดจากธรรมเนียมโดยปกติ อย่างไรก็ตาม ก็ต้องพยายามเข้าใจมุมของแมนฯ ซิตี้เช่นกัน เพราะ ณ เวลานี้ พวกเขาตั้งใจจริงๆ ที่จะสร้างแบรนด์ของตัวเองให้ตีตลาดโลกให้ได้
1
เรื่องในสนาม แมนฯ ซิตี้ สู้กับใครทั้งโลกได้หมด โค้ชของแมนฯ ซิตี้เก่งกาจไม่เป็นสองรองใคร ทีมงานเบื้องหลังก็สุดยอด แถมมีทุนสนับสนุนจากอาบูดาบีอย่างมหาศาล แต่สิ่งเดียวที่ แมนฯ ซิตี้ ไม่สามารถชนะ ลิเวอร์พูล, แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี หรือ อาร์เซน่อลได้ คือเรื่องประวัติศาสตร์
มีเงินพันล้าน ก็ไม่สามารถทุ่มซื้อประวัติศาสตร์ได้ ดังนั้นแมนฯ ซิตี้ จึงต้องพยายาม "สร้างสตอรี่" และ "สร้างตำนาน" ในรูปแบบของตัวเองขึ้นมา ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่จะทำ
แต่ประเด็นคือแมนฯ ซิตี้ ไม่ได้มีเกียรติประวัติอันยิ่งใหญ่ในอดีต ไม่เคยมีนักเตะบัลลงดอร์ ไม่เคยได้แชมป์ยุโรป ไม่เคยได้แชมป์แบบ Invincibles
คือโอเค พวกเขาอาจเป็นแชมป์ลีก 2 หน ในยุคก่อนพรีเมียร์ลีก และมีนักเตะที่เก่งในช่วงหนึ่งอย่าง โคลิน เบลล์ แต่ก็ไม่ได้มีเรื่องราวมากมายเหมือนทีมอื่น สิ่งที่ผู้คนจดจำได้ ก็แค่เรื่องยุคใหม่ๆ เช่น เหตุการณ์อเกวโร่ ยิงคิวพีอาร์ในปี 2012 หรือ การโค่นลิเวอร์พูลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2018-19
ดังนั้น สิ่งที่แมนฯ ซิตี้ทำได้คือต้องหยิบยกเอานักเตะในทีมชุดนั้น เอามาเล่าต่อ เอามาเล่าซ้ำ และสร้างตำนานของตัวเองขึ้นมา สร้างจุดเช็กอินให้คนมาถ่ายรูป ให้มีความทรงจำที่เกิดจากนักเตะเหล่านั้น ถูกจดจำมากที่สุด
1
ขณะที่การสร้างรูปปั้น ก็ไม่ได้ใช้แบบรูปปั้นทองแดงโดยปกติ แต่ใช้โลหะ โดยประติมากรชื่อดัง แอนดี้ สกอตต์ ที่สร้างรูปปั้น Kelpies ที่สกอตแลนด์ คือพยายามใช้ความสร้างสรรค์ไม่ให้เหมือนกับรูปปั้นของสโมสรอื่นๆ
เรื่องราวของ รูปปั้นทีมเรือใบสีฟ้า ก็จบลงตรงนี้ ไม่ว่าใครจะว่ายังไง พวกเขาก็จะตั้งรูปปั้นนักเตะที่ตัวเองต้องการ และอนาคตเราอาจจะได้เห็นรูปปั้นกวาร์ดิโอล่า , รูปปั้นเดอ บรอยน์ หรือ รูปปั้นฟิล โฟเด้น ก็ได้ ใครจะรู้ และดูท่าทางแล้ว คงไม่ต้องรอนานเหมือนสโมสรอื่นๆ
ถามว่าผิดไหม ก็ไม่ได้ผิดอะไร ก็เป็นสิทธิ์ที่แมนฯ ซิตี้ทำได้ ทุกคนย่อมต้องการแสดงให้โลกเห็นว่าตัวเองมีเรื่องราว และมีประวัติศาสตร์อย่างไร
1
และในมุมของทีมเรือใบ คงไม่สนหรอก ใครบอกจะเร็วไปหน่อยยังไงก็ช่างสิ เพราะเอาจริงๆ ผ่านไปสัก 20 ปี ก็ไม่มีใครจำได้แล้ว ว่าจุดเริ่มต้นวันแรกที่รูปปั้นมาตั้ง มันมาด้วยความรู้สึกแบบไหน จริงไหม
 
#STATUESTORY
1
โฆษณา