17 พ.ค. 2022 เวลา 03:11 • อาหาร
ใครจะไปเชื่อว่าจากลูกมือร้านอาหารของครอบครัว สู่การเป็นเชฟยอดฝีมือของประเทศไทย
วันนี้จะพามารู้จักกับพี่ชานนท์- ชานนท์ เรืองศรี หนึ่งในผู้เข้าแข่งขันรายการทำอาหาร MasterChef Thailand Season 3
เรียกได้ว่าเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ เพราะจุดเริ่มต้นของการทำอาหารของพี่ชานนท์ ก็คือ สวนอาหารไทยสไตล์บ้านๆ ของครอบครัวนั่นเอง ด้วยความที่คุณแม่ชอบพาพี่ชานนท์เข้าครัวอยู่บ่อยๆ สอนวิธีการจับมีดต่างๆ จนทำให้ตัวพี่ชานนท์ซึมซับและเรียนรู้วิธีการทำอาหารมามากมาย
แต่ ณ ตอนนั้น พี่ชานนท์ยังเด็กมาก จึงอยากไปเที่ยว อยากไปเตะบอลกับเพื่อนๆ เลยไม่ค่อยสนใจในเรื่องการทำอาหารมากนัก พอโตมา พี่ชานนท์ได้เข้าเรียนที่คณะ วิทยาศาสตร์ สาขาคณิตศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร
แต่ก็หยุดเรียน เพื่อที่จะไปทำร้านอาหารกับพี่ชาย แต่สุดท้ายพี่ชานนท์ตัดสินใจไปเรียนต่อที่โรงเรียนวิชาการโรงแรมแห่งโรงแรมโอเรียนเต็ล (OHAP)
พอจบก็มาทำร้านอาหาร หลังจากนั้นเพื่อนแนะนำให้ลองไปสมัคร รายการ MasterChef Thailand แต่พี่ชานนท์ไม่เคยดูรายการนี้มาก่อน เพราะรู้สึกว่ารายการส่วนมากชอบสร้างดราม่า และมีสคริปต์ พอคิดไปคิดมา ไปสมัครลองดูก็ไม่น่าจะเสียหายอะไร เลยตัดสินใจให้เพื่อนช่วยถ่ายคลิปเพื่อลงสมัครแข่งขัน ผลปรากฏว่า พี่ชานนท์ผ่านเข้ารอบ และได้มาแข่งในรายการ
รู้สึกยังไงบ้างที่ได้เข้าร่วมแข่งขัน?
“ก็คงต้องเตรียมความพร้อมแหละ ส่วนมากจะเป็นการเตรียมตัวในเรื่องที่ถนัดแทน ตัวพี่จบจากครัวไทยโบราณ ก็จะมีตำราให้อ่านเยอะ เช่น ตำราอาหารในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่พี่ก็ต้องหาความรู้ในเรื่องอาหารหรือขนมเบเกอรี่ที่ไม่เคยทำด้วย ส่วนเรื่องทักษะการทำอาหาร พี่ก็ทำเป็นประจำอยู่แล้ว จึงไม่ได้ฝึกด้านนั้นเป็นพิเศษ”
ในเรื่องที่พูดว่ามีสคริปต์ให้ผู้เข้าแข่งขัน พี่ขอถอนคำพูด เพราะพอได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของรายการแล้ว ทำให้รู้ว่า รายการทีวีแข่งขันทำอาหาร มันเหมือนเป็นการจำลองสังคมจริงๆ ว่าจะต้องมีผู้คนหลากหลายความคิด บางคนไปแข่งเพื่อความสนุกสนาน หาประสบการณ์ ไม่ได้คิดจะชนะอะไร
1
เมนูไหนที่ท้าทายที่สุด?
เมื่อเข้าไปแข่งขัน ในแต่ละครั้งต้องมีการทำการบ้าน หากไม่ตรงตามที่คิดไว้ ก็คงต้องด้นสดเอา ที่แน่ๆเราต้อง เตรียมคลังความรู้ไว้ให้พอมีบ้าง แต่ถ้าอะไรที่มันเป็นไปตามแผนก็ปล่อยให้มัน flow ไปเลย
“ถ้าถามว่าเมนูไหนที่ยากและท้าทายสำหรับพี่ พี่ขอยกให้เป็น Beef Wellington เพราะเป็นเมนูที่พี่ไม่รู้จักอยู่แล้ว อุปกรณ์ที่ต้องใช้ก็เป็นอุปกรณ์ทางยุโรป ไม่ได้อยู่ในครัวไทย ซึ่งค่อนข้างเป็นความรู้ใหม่สำหรับพี่ และเป็นเรื่องที่ท้าทายสำหรับพี่มาก”
อีกอย่างนะ ถ้าเจอวัตถุดิบที่ไม่รู้จักมาก่อน หรือว่าอยู่ๆมีวัตถุดิบเข้ามากลางคัน ก็รู้สึกท้อและกดดันตัวเองตลอด แต่เราก็ต้องผ่านมันไปให้ได้และทำมันให้เต็มที่ ส่วนวิธีคลายเครียดเมื่อจะต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ ส่วนมาก เวลาที่พี่กลับบ้าน ก็จะมาเล่นแมว หรืออาจจะมีปาร์ตี้ สังสรรค์กับเพื่อนบ้าง จากนั้นก็ต้องกลับมาหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อเตรียมความพร้อมในรอบถัดไป
หลังจากที่ การแข่งขันรายการ MasterChef All Stars Thailand จบลง พี่ชานนท์และเพื่อนในรายการอีก 5 คน ได้มาเปิดร้านอาหารชื่อว่า กะโต๊กกะต๊าก ซึ่งเป็นร้านไก่ทอด โดยมันเกิดมาจากการที่ทั้ง 5 คนได้เห็นในรายการมีการทำไก่ยัดไส้ แล้วมันดูน่ากิน จึงเกิดไอเดียที่อยากจะทำขายบ้าง
แต่ไก่ยัดไส้ของทางร้านจะมีกรรมวิธีที่แตกต่างเพราะพี่ชานนท์กับเพื่อนๆ ได้พัฒนาสูตรไก่ทอดยัดไส้ไปเรื่อยๆ จนตอนนี้ได้จ้างพนักงานเพิ่ม เพื่อต่อยอดสาขา
หัวใจสำคัญของการทำอาหารในความคิดพี่ชานนท์คือความอดทนและความกระหาย ซึ่งความอดทนจะต้องมีเป็นอย่างแรกเลยของ
การทำอาหาร เพราะว่าการทำอาหารเป็นเรื่องที่เหนื่อยและมีปัญหาเยอะมาก หลังจากนั้นก็ต้องมีความกระหาย ซึ่งหมายถึงความกระหายที่จะเรียนรู้ในด้านนี้ ไม่งั้นมันจะให้เรารู้สึกเบื่อในการทำอาหาร
“สุดท้ายนี้สำหรับคนที่กำลังตามหาความฝันของตัวเอง หากเข้าใจตัวเอง มันก็จะไปต่อกับสิ่งที่ตั้งใจที่จะทำ ท้อได้แต่ต้องตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่าเราจะทำแบบนี้จริงๆ หากทำไปแล้วไม่มีความสุข มันก็ไม่ผิด เพราะชีวิตคือการค้นหาตัวเอง สุดท้ายต้องลองทำดูอยู่ดี ว่าเราจะมีความสุขหรือไม่มีความสุข”
ขอบคุณเรื่องราวดีๆ จาก พี่ชานนท์ - ชานนท์ เรืองศรี MasterChef Thailand Season 3
สามารถติดตามพี่ชานนท์ ได้ที่
#Epizte #เอพพิซเต้ #เชฟนนท์ #เชฟชานนท์ #MasterChefThailand #MasterChefThailand3 #อาชีพเชฟ #ทำอาหาร #มาสเตอร์เชฟ
โฆษณา