17 พ.ค. 2022 เวลา 07:08 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สภาพัฒน์หั่นประมาณการจีดีพีอ้างสงครามยูเครน
ขณะเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกขยาย 2.2 %
สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ วันนี้ ( 17 พ. ค.) รายงานว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 2565 ขยายตัว 2.2 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เร่งขึ้น จากการขยายตัวร้อยละ 1.8 % ในไตรมาสก่อนหน้า และเมื่อ ปรับผลของฤดูกาลออกแล้ว เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 2565 ขยายตัวจากไตรมาสที่สี่ของปี 2564 ที่ 1.1 %
นาย ดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า ภาคเกษตรขยายตัวดีที่ 4.1 % ในขณะที่นอกภาคเกษตรขยายตัว 2% ในไตรมาสแรกของปี
นายดนุชา กล่าวว่า การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัว 3.9 % และการส่งออกบริการ ขยายตัวเร่งขึ้น จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นมากเกือบ 5 แสนคนหลังการระบาดโควิดเริ่มผ่อนคลาย
การลงทุนภาคเอกชนกลับมาขยายตัวที่ 2.9% ขณะที่การส่งออก สินค้าชะลอตัวขยายตัว 10.2 % จาก 16.5 % ในไตรมาสสี่ปีที่แล้ว และการลงทุนภาครัฐปรับตัวลดลง 4.7 % ส่วนด้านการผลิต สาขาที่พักแรมและบริการด้านอาหาร และสาขาเกษตร กรรมการป่าไม้และการประมงกลับมาขยายตัว สาขาขนส่งและสถานที่ เก็บสินค้าขยายตัวเร่งขึ้น
ขณะที่สาขาการผลิตสินค้าอุตสาหกรรม สาขาการขายส่ง ขายปลีก และการซ่อมฯ และสาขาการไฟฟ้าและก๊าซฯ ชะลอตัว และสาขาการก่อสร้างลดลงต่อเนื่อง
สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2565 คาดว่าจะขยายตัวในช่วงร้อยละ 2.5 – 3.5 โดยลดลงจาก 3.5-4.5 % จากที่ประมาณการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ก่อนที่รัสเซียบุกยูเครน นายดนุชา กล่าวว่า ผลกระทบสงครามทำให้ต้องลดการประมาณการเศรษฐกิจปีนี้ลง เพราะ เศรษฐกิจคู่ค้าสำคัญต่างมีแนวโน้มขยายตัวลดลง
สำหรับปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจปีนี้มีปัจจัยสนับสนุนสำคัญจากการปรับตัวดีขึ้นของอุปสงค์ภายในประเทศ การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวโดยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยประมาณ 7 ล้านคน จากจำนวนที่เข้ามาแล้วในไตรมาสแรก 497,693 คน ซึ่งมากกว่าจำนวนนักท่องเที่ยวของปีที่แล้วทั้งปี
และการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของ การส่งออกสินค้า โดยคาดว่ามูลค่าการส่งออกสินค้าในรูปดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 7.3 % การอุปโภคบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนขยายตัว 3.9 % และ 3.5 % ตามลำดับ ขณะที่การลงทุนภาครัฐขยายตัว 3.4 % ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ในช่วง 4.2 – 5.2 % และดุลบัญชีเดินสะพัดมีแนวโน้มขาดดุล 1.5 % ของ GDP
สำหรับความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจทั้งปีนี้ นายดนุชา กล่าว่า ยังต้องจับตาดูผลกระทบของสงครามซึ่งยังไม่สามารถทำนายได้ว่า จะจบลงเมื่อใด ราคาน้ำมันยังคงอยู่ในระดับสูงส่งผลกให้เกิดเงินเฟ้อทั่วโลก กระทบต่อต้นทุนการผลิตของภาคอุตสาหกรรม และปุ๋ยเคมีราคาสูงและขาดแคลน
เนื่องจากรัสเซียและยูเครนต่างเป็นผู้ส่งออกรายสำคัญของโลก ซึ่งจะกระทบต่อผลผลิตภาคเกษตรของไทย นอกจากนี้ยังเป็นห่วงเรื่องหนี้ครัวเรือนและหนี้ภาคเอกชนซึ่งอยู่ในระดับสูง นายกดนุชายังเรียกร้องให้คนไทยเที่ยวในประเทศก่อน การไปเที่ยวต่างประเทศควรไปเท่าที่จำเป็น
โฆษณา