Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าของสาว(เหลือ)น้อย
•
ติดตาม
19 พ.ค. 2022 เวลา 14:54 • การ์ตูน
เอกลักษณ์ของเจ้าหญิงไทยในนิทานพื้นบ้าน
ลองทายกันดูค่ะ ว่าเป็นเจ้าหญิงจากนิทานพื้นบ้านไทยเรื่องใดบ้าง
สืบเนื่องมาจากบทความล่าสุด เรื่อง "อยากเป็นทั้งเจ้าสาว และอยากเป็นทั้งเจ้าหญิง" ที่นำเสนอเรื่องราวของเจ้าหญิงในเทพนิยายของวอลท์ ดิสนีย์ ซึ่งอันที่จริงภาพยนตร์การ์ตูนของวอลท์ ดิสนีย์ ก็มีเค้าโครงเรื่องมาจากเทพนิยายปรัมปราที่เล่าสืบทอดกันมา
1
แต่วอลท์ ดิสนีย์ได้สร้างเอกลักษณ์ของเจ้าหญิงแต่ละองค์อย่างโดดเด่น แบบชนิดที่เห็นตัวการ์ตูนเจ้าหญิงองค์นี้รู้เลยว่าเป็นใคร
ถ้าสังเกตให้ดีตัวการ์ตูนของวอลท์ ดิสนีย์ โดยเฉพาะตัวเจ้าหญิงมีการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์จากอดีตจนถึงปัจจุบันไปไม่น้อยเลยทีเดียว
ซินเดอเรลล่า และเจ้าหญิงออโรร่า (เจ้าหญิงนิทรา)
ซินเดอเรลล่า เจ้าหญิงออโรร่า จากเจ้าหญิงนิทรา
สโนว์ไวท์ เป็นเจ้าหญิงของดิสนีย์ในยุคแรกๆ ที่จะดูสวยหวาน สง่างาม
ราพันเซล เจ้าหญิงผมยาว
เจ้าหญิงเอลซ่า จาก Frozen
เจ้าหญิงในยุคหลังๆ จะมีรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปพอสมควร ใบหน้าเจ้าหญิงจะมีนัยน์ตากลมโตเกินจริง แต่ก็ดูน่ารักไปอีกแบบ และก็จะเป็นเจ้าหญิงที่ซุกซน เข้มแข็ง เช่น ราพันเซล เจ้าหญิงเอลซ่า จาก Frozen เป็นต้น
นอกจากนี้ การ์ตูนของวอลท์ ดิสนีย์ก็มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมากขึ้น มีการประยุกต์นิทาน ตำนาน ของประเทศต่างๆ มาเดินเรื่องในรูปแบบภาพยนตร์การ์ตูนแอนิเมชั่น และได้สร้างเจ้าหญิงในภาพลักษณ์แปลกใหม่ให้เราจดจำ
เทียน่า จาก มหัศจรรย์มนต์รักเจ้าชายกบ
อย่างเช่น เทียน่า จาก มหัศจรรย์มนต์รักเจ้าชายกบ (The Princess and the Frog) นางเอกจะเป็นตัวการ์ตูนสีผิว ซึ่งถ้าเป็นภาษาไทยเรียกว่า "น่ารักน่าชังเลยทีเดียว"
เจ้าหญิงสีผิวอีกองค์ที่เราต้องจดจำ คือ เจ้าหญิงจัสมิน จากเรื่อง เจ้าหญิงจัสมินกับอะลาดิน เป็นเจ้าหญิงผิวสีน้ำผึ้ง รูปร่างเซ็กซี่ อ้อนแอ้นเหมือนนาฬิกาทราย เป็นเจ้าหญิงที่ไม่ได้นุ่งกระโปรงยาวทรงสุ่มไก่ดังเช่นเจ้าหญิงองค์อื่นๆ แต่อยู่ในชุดกางเกงขายาว เสื้อเอวลอย แบบที่เรียกว่า ชุดอาหรับราตรี
เจ้าหญิงจัสมิน ในชุดอาหรับราตรี
หรือจะเป็น มู่หลาน วีรสตรีนักรบชาวจีน ที่เป็นการ์ตูนสร้างเอาใจคนเอเชีย ที่ภาพลักษณ์เป็นหญิงสาวชาวเอเชีย มีนัยน์ตาโฉบเฉี่ยว แต่แข็งแกร่ง
1
2
มู่หลาน สาวน้อยตาโฉบเฉี่ยว แต่แข็งแกร่งไม่แพ้ชาย
อารัมภบทเสียยาวนาน แต่กำลังจะนำท่านเข้าสู่โหมดเจ้าหญิงแบบไทยๆเราแล้วนะคะ
ความแตกต่างของเจ้าหญิงไทยในนิทานพื้นบ้าน กับเจ้าหญิงดิสนีย์ คือ การ์ตูนหรือภาพวาดเจ้าหญิงไทยจะขึ้นอยู่กับจินตนาการของนักวาดแต่ละท่านไม่แน่นอนตายตัว
เพจวาดแต่พระธิดา (Partida) ที่เน้นวาดการ์ตูนเกี่ยวกับพระธิดาจากนิทานพื้นบ้านไทย เป็น เพจหนึ่งที่แม่เหน่งแอบชื่นชอบ...555...ไม่ได้โปรโมตอะไรให้ทางเพจนะคะ แต่นักวาดของเพจ เน้นเอกลักษณ์ความเป็นไทย ตัวการ์ตูนก็ใสๆน่ารักๆทั้งนั้น
แต่ถ้าเป็นปรมาจารย์งานวาดระดับประเทศ อย่างท่านอาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต ก็จะออกเป็แนวผู้หญิงไทยห่มสไบ สวยหวานคลาสสิก
เจ้าหญิงในนิทานไทย มักจะมีชาติกำเนิดแปลกพิสดารอยู่สักหน่อยนะคะ
1
ล้อมวงกันเข้ามาฟังนิทานปรัมปรา ที่จะพาท่านไปพบกับเหล่าเจ้าหญิงสุดสวยจากนิทานพื้นบ้านไทย และจัดให้ คุณเร...จาก เพจ เรไรร้อยเรื่องราว เป็นพิเศษเลยนะคะ
คุณเรไร เจ้าหญิงไทย ประจำบ้าน BD
อุทัยเทวี 🐸
เจ้าชายสุทธราช-อุทัยเทวี-พี่นกแก้ว-พี่งู-พี่เต่า
ณ เมืองบาดาล ธิดาพญานาคหนีมาเที่ยวเมืองมนุษย์ ได้พบกับรุกขเทวดา รักและได้เสียกัน ธิดาพญานาคตั้งครรภ์และคลอดลูกมาเป็นไข่ นางใช้สไบห่อไข่ ไม่ใช่ผัดไทยห่อไข่ นะคะ...เป่ามนตร์เป็นพิษคุ้มครองไข่ไว้ แล้วกลับไปเมืองบาดาล
บังเอิญนางคางคกผ่านมาจึงกินไข่และตายด้วยพิษนาคี เด็กหญิงคลอดออกมาพอดี นึกว่าคางคกเป็นแม่ตน จึงอาศัยอยู่กับซากเน่านั้น
ตายายพายเรือผ่านมา จึงเก็บเอาเด็กหญิงไปเลี้ยง ตั้งชื่อให้ว่า "อุทัยเทวี" เมื่อโตเป็นสาวนางอุทัยเทวี ได้พบรักกับเจ้าชายสุทธราช โดยตายายขอสินสอดเป็นสะพานทองที่ทอดยาวจากวังมาสู่บ้านตายาย แต่เจ้าชายก็ได้รุกขเทวดาช่วยจนสร้างสำเร็จ
อุทัยเทวีตามเจ้าชายไปอยู่ในเมือง แต่พระมารดาของเจ้าชายไม่ปลื้ม เข้าตำราว่านางอุทัย เป็นสะใภ้ที่แม่ผัวไม่รักนั่นเอง พระมารดาของเจ้าชายสุทธราช บังคับให้โอรสไปแต่งงานกับนางฉันทนา เจ้าหญิงอีกเมือง
เจ้าหญิงฉันทนาคิดฆ่าอุทัยเทวี แต่รุกขเทวดา พ่อของอุทัย ช่วยชีวิตลูกสาวของตนไว้
ต่อมานางฉันทนาที่คิดว่าได้ฆ่านางอุทัยเทวีสำเร็จแล้ว เกิดประสาทหลอนกลัวผีน้องอุทัย จนผมบนหัวเปลี่ยนเป็นสีขาว ต่อมานางอุทัยเทวีแปลงร่างเป็นหญิงแก่แต่ผมดำมาเร่ขายขนม ฉันทนาพบเข้าทั้งแปลกใจและดีใจ จึงพายายแก่เข้าไปในวังเพื่อให้รักษาหัวหงอกให้ตน
แต่ฉากต่อไปนี้มิควรเล่าให้เด็กๆฟังนะคะข้ามๆไป ตามนิทานเล่าว่า นางอุทัยเทวี นั้นดุไม่เบา น่าจะมีเชื้อดุมาจากสายมารดาที่เป็นธิดานาคี เพราะวิธีรักษาโรคนางพญาผมขาวของเธอ คือ การโกนผมนางฉันทนาออกจนหมด แล้วกรีดศรีษะเอาปลาร้าใส่ลงไป และเอาฝาผอบครอบหัวไว้ ห้ามเอาออกจนกว่าจะครบ ๗ วัน แต่แค่คืนแรกนางฉันทนาก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหวสิ้นใจตายไปในที่สุด
1
2
ขอบคุณภาพจาก Bucket Art
เมื่อเจ้าชายสุทธราช กลับมายังเมือง ทราบเรื่องก็โล่งใจ แล้วก็ได้ครองคู่อยู่กับนางอุทัยเทวีตามเดิม
ในละครโทรทัศน์ได้มีการแต่งเติมให้ บรรดาสัตว์อันได้แก่ นกแก้ว งู เต่า มาเป็นผู้ช่วยนางเอกด้วยนะคะ
เจ้าหญิงไทยองค์ที่ ๒ ที่จะนำเสนอ เธอ คือ
โสนน้อยเรือนงาม 🏚
โสนน้อยเรือนงาม
ณ เมืองโรมวิสัย พระราชาผู้ครองเมือง มีพระราชธิดาผู้งดงาม นางถือกำเนิดมาพร้อมบ้านทาวน์เฮาส์
เอ้ย ! กำเนิดมาพร้อมเรือนไม้เล็กๆถือติดมือมาด้วย พระราชาจึงตั้งชื่อว่า "โสนน้อยเรือนงาม"
ต่อมาเมื่อพระธิดาเจริญวัย ย่างเข้า ๑๕ พรรษา โหรทำนายว่าพระธิดาจะมีเคราะห์ ให้ออกจากเมืองไปก่อน
พระบิดาและพระมารดาจำใจต้องให้ลูกสาวออกจากเมืองไปตามลำพัง โสนน้อยเรือนงามปลอมตัวเป็นชาวบ้านและเก็บเครื่องทรงเจ้าหญิงไว้ พระอินทร์สงสารแปลงร่างเป็นชีปะขาวมอบยาวิเศษที่รักษาคนตายให้ฟื้นได้
โสนน้อยเรือนงาม เดินทางไปในป่าได้พบ "นางกุลา"
นอนตายเพราะถูกงูกัด จึงนำยาวิเศษมารักษา จนนางกุลาฟื้น และขอเป็นทาสติดตามนางไป
ณ นครนพรัตน์ มีกษัตริย์ครองเมือง และมีพระราชโอรสเป็นชายหนุ่มรูปงามนามว่า "พระวิจิตรจินดา" ที่ถูกงูพิษกัดจนสิ้นพระชนม์ พระบิดา พระมารดา เก็บพระศพไว้รอคนมารักษาตามคำทำนายของโหร
โสนน้อยฯ และนางกุลาเดินทางมาถึงเมืองนพรัตน์ พบประกาศหาหมอดีมารักษาพระวิจิตรจินดา จึงเข้าวังอาสามาทำการรักษา โสนน้อยฯแต่งเครื่องทรงราชธิดารักษาพระราชโอรส ระหว่างนั้นพิษนาคราชได้ระเหยออกมา นางร้อนจึงถอดเครื่องทรงเพื่อไปสรงน้ำ
นางกุลาจึงแอบเอาเครื่องทรงพระธิดามาใส่ พระวิจิตรจินดาฟิ้นขึ้นมาพอดี ทุกคนเลยคิดว่าเป็นผู้รักษาพระวิจิตรจินดาให้ฟื้น ส่วนโสนน้อยฯก็กลายกลับเป็นทาสรับใช้นางกุลาไป
พระวิจิตรจินดารวมทั้งพระบิดาและพระมารดา ยังสงสัยในตัวนางกุลา ก็ทดสอบโดยให้ทำงานฝีมือต่างๆ นางกุลาก็เอาไปให้โสนน้อยฯทำ แต่ตัวเองกลับนำเอาไปถวาย
พระวิจิตรจินดา ไม่อยากอภิเษกกับนางกุลา จึงออกเดินทางไปเที่ยวทางทะเล แต่เรือไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ จึงคิดว่าผู้มีบุญในวังคงต้องการฝากซื้อของ
นางทาส (พระธิดาโสนน้อยฯ) ขอฝากซื้อ โสนน้อยเรือนงามจากเมืองโรมวิสัย เมื่อพระวิจิตรจินดาเดินทางไปถึงเมืองของพระราชบิดาของเจ้าหญิงโสนน้อยฯ ได้หาของฝากให้ทุกคนจนครบ ยกเว้น โสนน้อยเรือนงามที่นางทาสฝากซื้อ
พระวิจิตรจินดา ถามชาวบ้านได้ความว่า โสนน้อยเรือนงาม นั้นมีอยู่แต่เพียงในวังเท่านั้น พระวิจิตรจินดาจึงเข้าเฝ้าและทูลขอซื้อ โสนน้อยเรือนงาม จากพระราชาเมืองโรมวิสัย พระบิดาของโสนน้อยฯจึงสอบถามถึงรูปร่างหน้าตาของนางทาส ก็ทรงมั่นใจว่าเป็นพระธิดาแน่นอน จึงมอบโสนน้อยเรือนงามให้พระวิจิตรจินดาไป พร้อมส่งทหารติดตามไป ๒ นาย
เมื่อกลับถึงเมืองนพรัตน์ ทหารจากเมืองโรมวิสัยเอาโสนน้อยเรือนงามให้พระธิดา เรือนวิเศษก็ขยายเป็นเรือนใหญ่ โสนน้อยเรือนงามจึงเข้าไปอาศัยในเรือนนั้น พระวิจิตรจินดาจึงมั่นใจว่าโสนน้อยเรือนงามคือพระราชธิดาที่รักษาตน จึงจะฆ่านางกุลาใจร้ายทิ้งเสีย แต่พระราชธิดาทรงขอชีวิตไว้
พระวิจิตรจินดาจึงได้อภิเษกกับพระธิดาโสนน้อยเรือนงาม และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขสืบไป
แก้วหน้าม้า 🐴
แก้วหน้าม้า Cr. photo by Partida
นางแก้วหน้าม้า เป็นลูกสาวชาวบ้านธรรมดาๆของ
ชาวเมืองมิถิลา ตอนถือกำเนิดแม่ฝันว่าเทวดานำแก้วมาให้ เลยตั้งชื่อว่าแก้ว แต่เนื่องจากมีใบหน้าเหมือนม้า ชาวบ้านเลยเรียกว่า "นางแก้วหน้าม้า" แต่ถึงกระนั้นนางก็เป็นที่รักใคร่ของชาวบ้าน เพราะมีญาณวิเศษสามารถล่วงรู้ลมฝน
วันหนึ่งพระปิ่นทอง พระราชโอรสของท้าวภูวดล เจ้าเมืองมิถิลากับพระนางนันทา ได้ออกมาเล่นว่าว และทำว่าวตก แก้วเก็บได้ เมื่อพระปิ่นทองมาขอคืน แก้วจึงขอสัญญากับพระปิ่นทองว่าให้กลับมารับตนเข้าวังไปเป็นมเหสี
รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ พระปิ่นทองก็ยังไม่ส่งวอทองมารับเข้าวังเสียที แก้วจึงให้พ่อกับแม่ไปทวงสัญญา ท้าวภูวดลทรงกริ้วมาก ตรัสให้นำตัวไปประหาร แต่พระนางนันทาห้ามไว้ ทรงซักไซ้พระโอรส พระปิ่นทองจึงยอมรับความจริง พระนางจึงให้ส่งวอทองไปรับนางแก้วเข้าวัง
ท้าวภูวดลและพระปิ่นทอง รังเกียจแก้วจึงหาวิธีกลั่นแกล้ง โดยให้นางแก้วไปยกเขาพระสุเมรุมาไว้ในวังภายใน ๗ วัน หากทำไม่สำเร็จต้องรับโทษประหาร ถ้าทำได้จะจัดพิธีสมรสกับพระปิ่นทองให้
ระหว่างรอนแรมหาเขาพระสุเมรุ นางแก้วได้พบกับพระมุนีฤาษีศิลป์ ข้าวปลาไม่ชอบกิน กินแต่ผัก นางเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง พระฤาษีมีเมตตาให้คาถาถอดหน้าม้าออกได้กลายเป็นหญิงงดงามโสภา มอบเรือเหาะกับมีดอีโต้ให้ไว้เป็นอาวุธประจำกาย นางแก้วจึงไปยกเขาพระสุเมรุมาถวายท้าวภูวดลได้สำเร็จ
นางแก้วหน้าม้า คราแปลงโฉม
แต่ท้าวภูวดลยังตีรวนหาทางโยกโย โดยการส่งพระปิ่นทองให้ไปอภิเษกกับเจ้าหญิงทัศมาลี ราชธิดาของท้าวพรหมทัต ก่อนเดินทางไป พระปิ่นทองบอกแก้วว่าถ้ายังไม่มีลูกกับพระองค์จะถูกประหาร...555...แม่แก้วหน้าม้าจะทำยังงัย นอกจากต้องปล้ำพระปิ่นทองเท่านั้นแหละ
แต่แม่แก้วไม่ทำอย่างนั้นหรอก นางนั่งเรือเหาะเพื่อไปดักรอพระปิ่นทอง โดยถอดหน้าม้าออก แล้วไปขออาศัยอยู่กับสองตายายในป่า
เมื่อพระปิ่นทองผ่านมา นางแก้วก็ไปอ่อย...เอ้ย ! ไปอาบน้ำที่ท่าน้ำที่พระปิ่นทองจะต้องเดินทางผ่านมา
พระปิ่นทองเห็นเข้าก็เกิดหลงรักขึ้นทันใด และไปเกี้ยวพาราสี จนได้นางแก้วเป็นเมีย ต่อมานางแก้วตั้งครรภ์พระปิ่นทองต้องกลับกรุงมิถิลา และได้มอบแหวนให้นางแก้วเพื่อเป็นเครื่องหมายยืนยันว่าเด็กในท้องนางแก้วเป็นลูกของพระปิ่นทองจริง
พระปิ่นทองจีบนางแก้วหน้าม้า (ถอดรูป)
ระหว่างกลับกรุงมิถิลา พระปิ่นทองถูกพวกยักษ์จับไป นางแก้วคลอดลูกออกมาให้ชื่อปิ่นแก้ว แต่ได้ทราบข่าวจากพระฤาษีว่าสามีถูกยักษ์จับไป จึงฝากลูกกับพระฤาษีไว้ ตัวเองแปลงร่างเป็นชายแล้วขึ้นเรือเหาะควงอีโต้ไปรบกับท้าวพาลราช เจ้าเมืองยักษ์ เพื่อช่วยพระปิ่นทอง
เมื่อช่วยสำเร็จสังหารท้าวพาลราชแล้ว นางแก้วในร่างชายหนุ่มก็ให้พระปิ่นทองครองเมือง ส่วนตัวเองขอธิดายักษ์ คือสร้อยสุวรรณและจันทา ไว้เป็นชายา แต่ก็ได้เล่าเรื่องราวต่างๆให้ ๒ ธิดายักษ์ฟัง พร้อมแปลงร่างกลับเป็นร่างเดิมให้ดู ธิดายักษ์เห็นใจและจะรักษาความลับนี้ไว้
ต่อมาท้าวกายมาต ญาติท้าวพาลราชที่ถูกนางแก้วสังหาร แค้นใจเลยยกทัพมาบุกเมืองมิถิลา พระปิ่นทองสู้ไม่ได้ สร้อยสุวรรณและจันทา เลยให้ไปขอความช่วยเหลือจากนางแก้วหน้าม้า โดยเล่าความจริงให้ฟังว่านางแก้วหน้าม้าคือใคร
พระปิ่นทองรีบไปง้อนางแก้ว แต่แก้วยังโกรธพระปิ่นทองอยู่ที่ไม่เชื่อว่าปิ่นแก้วเป็นโอรสของพระองค์ แต่ความที่เห็นแก่พระนางนันทา ราชมารดาที่ดีกับตน นางแก้วจึงออกไปรบกับท้าวกายมาต และรบชนะในที่สุด
พระปิ่นทองก็ตามง้อนางแก้ว จนนางแก้วใจอ่อนยอมถอดหน้าม้าออก ท้าวภูวดลกับพระนางนันทา ก็จัดพิธีอภิเษกสมรสให้อย่างยิ่งใหญ่ และให้นามแม่แก้วเสียใหม่ว่า "นางมณีรัตนา"
ต่อจากแก้วหน้าม้า ก็มาว่ากันด้วยเรื่อง
ปลาบู่ทอง 🐡
นางเอื้อยกับแม่ปลาบู่ทอง
เศรษฐีชื่อทารกะ มีภรรยา ๒ คน เมียหลวง ชื่อ ขนิษฐา มีลูกสาวชื่อ เอื้อย เมียน้อยชื่อนางขนิษฐี มีลูกสาวชื่อ อ้าย นางขนิษฐีเมียน้อยมีความอิจฉาริษยาเมียหลวง จึงพูดจาใส่ร้ายป้ายสีนางขนิษฐาให้สามีฟังตลอดเวลา
วันหนึ่งทารกะออกหาปลากับนางขนิษฐา ทอดแหได้ปลาบู่ทองมาตัวเดียว นางขนิษฐาจึงขอปลาเพื่อไปให้เอื้อยเลี้ยง ทารกะโมโหจึงคว้าพายมาตีขนิษฐาจนสลบ และผลักตกน้ำไป ส่วนเอื้อยก็ถูกนางขนิษฐีและลูกสาวกลั่นแกล้งตลอดเวลา
วันหนึ่ง เอื้อยมานั่งท่าน้ำ ร้องไห้คิดถึงแม่ นางขนิษฐาที่ตายไปแล้วไปเกิดเป็นปลาบู่ทอง ได้ว่ายน้ำมาหาลูกสาว เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง ดังนั้นทุกๆวันเอื้อยจะนำข้าวคลุกรำมาให้แม่ปลาบู่ทองกิน
ต่อมานางขนิษฐีสืบได้ว่านางขนิษฐากลับมาเกิดเป็นปลาบู่ทอง จึงให้อ้ายไปจับปลาบู่ทองมาเป็นอาหาร เมื่อเอื้อยเอาอาหารมาให้แม่ร้องเรียกเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เป็ดเห็นเช่นนั้นก็เล่าเรื่องให้ฟังว่าแม่ปลาบู่ทองตายเสียแล้ว จากนั้นก็คายเกล็ดปลาบู่ทอง ที่อ้ายขอดเกล็ดทิ้งไว้ออกมาให้เอื้อย
เอื้อยจึงนำเกล็ดปลามาอธิษฐาน ให้แม่มาเกิดเป็นต้นมะเขือเปราะ แล้วเฝ้ารดน้ำจนมีลูกงอกงามเต็มต้น
นางขนิษฐีรู้เรื่องก็สั่งให้อ้ายมาตัดทำลายต้นมะเขือทิ้งเสีย เอื้อยก็แอบเก็บเมล็ดมะเขือมาอธิษฐานให้ปลูกต้นงอกงามกลายพันธุ์มาเป็นต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองเปล่งประกายสวยงามระยิบระยับ
ท้าวพรหมทัต เสด็จประพาสป่าเห็นต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทอง ก็ต้องใจยิ่งนัก สั่งทหารให้ถอนเอาไปปลูกในวัง แต่ถอนเท่าไหร่ก็ไม่ขึ้น จึงถามหาเจ้าของ เมื่อพบเอื้อยก็ถูกพระทัยยิ่งนัก จึงได้ทั้งต้นไม้และสาวงามกลับเข้าวัง โดยเอื้อยเป็นผู้เดียวที่ขุดต้นโพธิ์เงินโพธิ์ทองได้ เมื่อเข้าวังท้าวพรหมทัตก็แต่งตั้งให้เอื้อยเป็นพระมเหสี
นางขนิษฐี แม่เลี้ยงผู้มีจิตริษยาก็ออกอุบายให้นางอ้ายลูกใจร้ายของนาง เข้าวังไปบอกเอื้อยว่า พ่อป่วยหนักให้กลับบ้านด่วน เมื่อเอื้อยกลับมาบ้านเหยียบกระดานที่แม่เลี้ยงทำกับดักไว้ ก็ลื่นตกลงไปในกระทะร้อนที่กำลังเดือดอยู่ ขาดใจตายในทันที
เอื้อยตกลงไปในกระทะน้ำร้อน
นางขนิษฐี ให้นางอ้ายแต่งตัวเข้าไปอยู่ในวังแทนเอื้อย วิญญาณของเอื้อยไปเกิดเป็นนกแขกเต้า แล้วบินกลับมาหาท้าวพรหมทัต ท้าวพรหมทัตเกิดจิตผูกพันจึงเลี้ยงนกแขกเต้าไว้ในกรงทองแล้วแขวนไว้ในห้องบรรทม
วันหนึ่งเสด็จออกนอกวัง เพื่อคล้องช้าง นางอ้ายถือโอกาสจับนกแขกเต้าถอนขนเอาไปทำแกงคั่ว แต่นกแขกเต้า หนีรอดมาได้มาพบกับพระฤาษีและเล่าเรื่องให้ฟัง พระฤาษีมีเมตตาจึงชุบชีวิตให้นกแขกเต้ากลับมาเป็นร่างนางเอื้อยตามเดิม และยังเสกกุมารน้อยให้เป็นลูกของเอื้อย ชื่อ ลบกุมาร
ลบกุมารขอเอื้อยไปพบเสด็จพ่อ ท้าวพรหมทัต เอื้อยจึงมอบพวงมาลัยปริศนาคล้องคอลบกุมารไปด้วย เมื่อลบกุมารพบท้าวพรหมทัต เห็นพวงมาลัยก็แน่พระทัยว่าเอื้อยต้องมีชีวิตอยู่ จึงไปรับเอื้อยกลับเข้าวัง เอื้อยจึงขอรับพ่อและแม่เลี้ยงเข้ามาอยู่ในวังด้วย
ส่วนอ้ายกลัวถูกประหารชีวิต จึงชิงฆ่าตัวตายด้วยการกินยาพิษ ท้าวพรหมทัต นางเอื้อย และลบกุมารก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
พิกุลทอง 🌼🌼🌼
พิกุลทอง-ภาพแบบการ์ตูน
พิกุลทอง-ภาพวาด
เจ้าหญิงองค์ต่อไป คือ เจ้าหญิงพิกุลทอง ค่ะ สัญลักษณ์ของเธอ เวลาเอ่ยเอื้อนวจี เธอจะมีดอกพิกุลทองร่วงหล่นออกมาจากปาก...ถ้าชายใดมีภรรยาแบบนี้คงจะให้ศรีภรรยาบ่นได้ทั้งวันทั้งคืน ตรูคอยเก็บแต่ดอกพิกุลทองไปขายพอ...มารู้ตำนานเจ้าหญิงพิกุลทองกันค่ะ
พิกุลทอง เป็นพระธิดาของท้าวสันนุราชกับนางพิกุลจันทรา พระธิดาเกิดมามีรูปโฉมงดงาม แถมยังมีผมหอมอีกด้วย เมื่อนางพูดครั้งใดจะมีดอกพิกุลทองร่วงออกจากปากทุกครั้ง
วันหนึ่งนางลงสรงในแม่น้ำ เห็นพญาแร้งจิกกินสุนัขเน่าลอยน้ำมา ก็ด่าว่าพญาแร้งด้วยความรังเกียจ
พระธิดาพิกุลทอง ลงสรงในแม่น้ำ
พญาแร้งสุดแสนอาฆาต จึงแปลงร่างเป็นชายหนุ่มรูปงามไปอาศัยอยู่กับตายายในป่า แล้วเนรมิตแก้วแหวนเงินทองให้ตายายกลายเป็นเศรษฐี และให้ไปสู่ขอพิกุลทองมาให้แก่ตน
ทัาวสันนุราชจะยกให้ แต่ต้องสร้างสะพานทองจากบ้านมาถึงวังให้เสร็จสิ้นภายใน 3 วัน พญาแร้งเรียกบริวารมาสร้างสะพานเสร็จทันตามกำหนด นางพิกุลทองจึงต้องอภิเษกกับพญาแร้งแปลง
หากแต่พญาแร้งกับไม่ร่วมอภิรมย์กับนาง คิดจะจับนางกินเสีย...🎵 เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย ฉันทำอะไรให้เธอเคืองขุ่น...🎶
พญาแร้งออกอุบายพานางล่องเรือยอร์ชไปบ้านเมืองตน ระหว่างทางจอดเรือพักอยู่แถวมัลดีฟส์ ก็ส่งสัญญาณให้บริวารมากินคนบนเรือให้หมด ส่วนพิกุลทองพญาแร้งจะจับกินเอง แม่ย่านางประจำเรือสงสารจึงให้นางซ่อนในเสากระโดงเรือจนพันภัย
วันหนึ่งออกมาสรงน้ำและสางผม ผมของนางหลุดมาปอยนึง จึงเก็บใส่ผอบและเขียนเล่าเรื่องราวของตนไว้บนฝาผอบ อธิษฐานหากใครเป็นคู่ครองขอให้ได้พานพบผอบนี้เทอญ
พระพิชัยมงกุฎ โอรสท้าวสังข์ศิลป์ไชยกับนางสุพรรณ ได้พบผอบบรรจุผมหอมและข้อความจารึก จึงออกตามหาพิกุลทอง ระหว่างทางพบนางยักษ์กาขาวแปลงกายมาหลอกลวงว่าเป็นเจ้าของผมหอม พระพิชัยมงกุฎหลงเชื่อจึงได้นางยักษ์เป็นชายา
ต่อมาพระพิชัยมงกุฎทราบความจริงจึงใช้มนตร์สะกดนางไว้ แล้วออกตามหาพิกุลทองจนพบ และพระองค์ได้ต่อสู้กับพญาแร้ง แล้วฆ่าพญาแร้งตาย
พิกุลทองมีโอรสกับพระพิชัยมงกุฎ ๒ องค์ ชื่อรักกับยม
แหม ! แม่เหน่งพบละต้นกำเนิดกุมารทอง รัก ยม
วันหนึ่งครอบครัวพิกุลทองออกไปประพาสทุ่ง นางยักษ์กาขาวได้เนรมิตดอกบัวใหญ่ขึ้นและแอบซ่อนอยู่ในน้ำ เมื่อพิกุลทองเอื้อมเด็ดดอกบัว ก็ถูกนางยักษ์ฉุดลงน้ำแล้วสาปให้เป็นชะนี ส่วนนางยักษ์กาขาวแปลงร่างกายเป็นพิกุลทองแทน รักและยมบอกพระบิดาว่านี่ไม่ใช่แม่ของตน พระพิชัยมงกุฎไม่เชื่อและทรงกริ้วลูกทั้งสองขับไล่ลูกทั้งสองไป แล้วพานางยักษ์แปลงกลับวังไป
รักและยมพาชะนีพิกุลทองไปอยู่ด้วยกันในป่า เก็บดอกพิกุลทองที่ร่วงจากปากมารดาออกมา ไปแลกอาหารที่ตลาดมากิน พวกวิเสท (คนครัวในวัง) มาพบ จึงไปทูลนางสุพรรณ พระมารดาของพระพิชัยมงกุฎ
เมื่อพระพิชัยมงกุฎทราบความจริงจึงไปหาแม่ชะนีและถามวิธีแก้คำสาป พิกุลทองบอกว่าต้องใช้เลือดนางยักษ์กาขาวมาอาบร่าง พระพิชัยมงกุฎจึงออกอุบายให้นางยักษ์กาขาวนอนหลับ แล้วสั่งให้เพชฌฆาตฟันเอาเลือดไปรดร่างชะนี นางพิกุลทองจึงกลายกลับเป็นมนุษย์ดังเดิม
ยังๆ กรรมของนางพิกุลทองยังไม่หมด นางยักษ์กาสุวรรณน้องของนางยักษ์กาขาว คิดแค้นจึงใช้กระบองฟาดเรือสำเภาของครอบครัวพระพิชัยมงกุฎแตก พิกุลทองพลัดพรากจากพระสวามีกับพระโอรสอีกครั้ง แต่ได้พระสมุทรช่วยไว้ให้ขึ้นฝั่งได้
แต่ก็ถูกท้าววิรุฬจักร เจ้าเมืองยักษ์ มาลักตัวไปเป็นชายา แต่นางไม่ยอมจึงถูกส่งไปเป็นทาสทำงานในครัว
ส่วนพระพิชัยมงกุฎกับโอรสทั้งสองออกตามหานางพิกุลทอง จนมาพบพระฤาษี...อิอิ...ไม่รู้เป็นองค์เดิมจากเรื่องก่อนๆหรือเปล่านะคะ...พระฤาษีก็ให้แหวนวิเศษ ๓ พ่อลูกไว้ แล้วทั้ง ๓ คนก็แปลงกายเป็นนกสาลิกา ๓ ตัว อาศัยอยู่ในอุทยานของท้าววิรุฬจักร
นางอรุณวดี ธิดาท้าววิรุฬจักร นำนก ๓ ตัว ไปเลี้ยงในวัง พระพิชัยมงกุฎกลับร่างเป็นมนุษย์แล้วได้นางเป็นชายา
นางพิกุลทองสงสัยว่ามนุษย์ ๓ คนที่สังหารท้าววิรุฬจักร จะเป็นพระสวามีและพระโอรส จึงทดสอบด้วยการทำอาหารแล้วใส่ดอกพิกุลทองลงไป ในที่สุดทั้งหมดก็ได้พบกัน
นางอรุณวดีใส่ความพิกุลทองว่าประพฤติชั่วเป็นเมียพ่อของตนไปแล้ว พิกุลทองจึงขอลุยไฟเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน ด้วยความดีของนางพิกุลทองเหล่าเทวดาจึงโปรยปรายดอกไม้ทิพย์ลงมาดับกองไฟ
พระพิชัยมงกุฎประจักษ์ความจริงจึงจะลงโทษนางอรุณวดีที่ใส่ร้ายนางพิกุลทอง นางอรุณวดีคิดฆ่าตัวตาย แต่มารดาเกลี้ยกล่อมไว้ให้นางยอมอ่อนน้อมถ่อมตนต่อพิกุลทอง ส่วนพิกุลทองนั้นก็ไม่ถือสานาง แต่นั้นมาทั้งหมดก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
ต่อจากพิกุลทอง น้องขอจบด้วยนางสิบสองนะคะ
นางสิบสอง 👩👸👱♀️👩🦰👩🦳👰🙎♀️👩🦱🧕👩💼👧👩🌾
นานมาแล้วมีเศรษฐี ชื่อ นนท์ มีเมียชื่อนางพราหมณี มีลูกสาว ๑๒ คน จึงยากจนลงทุกวัน นนท์จึงออกอุบายเอาลูกสาวทั้ง ๑๒ คน ไปปล่อยไว้กลางป่า
นางยักษ์สันตรา มาพบเกิดความเอ็นดูรักใคร่ จึงเอาไปเลี้ยงไว้ในเมืองทานตะวัน และให้ทุกคนแปลงร่างเป็นคนเพื่อไม่ให้นางสิบสองกลัว ส่วนตัวเองก็เปลี่ยนชื่อเป็นสันธมาลา
ทั้ง ๑๒ คนเติบโตเป็นสาวสะพรั่ง นางเภาน้องนุชสุดท้องเกิดความสงสัยเหตุใดเมืองนี้จึงไม่มีสัตว์เลย จึงชวนพี่ๆไปท้ายวัง ก็พบเข้ากับกองกระดูกที่พวกยักษ์กินไว้ พวกนางจึงพากันหนีออกจากเมืองทานตะวัน
นางเภา น้องนุชสุดท้อง
นางยักษ์กลับเข้าเมืองไม่พบเหล่านางสิบสอง จากความรักกลายเป็นความแค้น
ณ เมืองกุตลนคร มีพระราชาชื่อรถสิทธิ์ปกครองเมือง เมื่อมาพบนางสิบสองก็เกิดความรักใคร่ โดยเฉพาะนางเภานั้น รถสิทธิ์รักมากที่สุด ท้าวรถสิทธิ์รับทั้ง ๑๒ นาง เข้าวังแต่งตั้งให้เป็นมเหสี
ส่วนนางยักษ์สันตราใช้มนตร์มองผ่านกระจกวิเศษจึงรู้ว่านางสิบสองไปอยู่กับท้าวรถสิทธิ์ นางจึงไปยังเมือง
กุตลนคร และใช้เวทมนตร์ดลให้ท้าวรถสิทธิ์หลงรัก และตั้งให้ตัวเองเป็นพระมเหสีเอก
นางยักษ์สันตรา : Cr. photo by Partida
นางสิบสองอยากรู้ว่ามเหสีใหม่ คือใครจึงมาดู เมื่อเห็นเป็นนางสันตรา ต่างก็ตกใจกลัวและร้องขอชีวิต
แต่นางสันตราไม่ยอมกลับเป่ามนตร์ให้รถสิทธิ์หลงไหลตัวเองมากยิ่งขึ้น ให้รถสิทธิ์เอานางสิบสองที่ตั้งครรภ์ไปขังไว้ในถ้ำ แล้วออกอุบายว่าตนเป็นโรคประหลาด ต้องรักษาอาการป่วยโดยใช้ลูกตานางสิบสองมาปรุงยากินจึงหาย
ท้าวรถสิทธิ์จึงให้รีบจัดการควักลูกตานางสิบสองมาให้นางยักษ์ทันที นางค่อมทาสผู้ซื่อสัตย์ไปอ้อนวอนท้าวรถสิทธิ์อย่าควักลูกตานางสิบสอง แต่กว่าจะนำราชโองการมาถึง พี่ๆของนางเภาทั้ง ๑๑ คน ถูกควักตาไปหมดแล้ว นางเภาถูกควักตามาเพียงข้างเดียว นางค่อมก็เอาราชโองการมาถึงพอดี
ทั้งนี้เป็นกรรมแต่หนหลังของทั้งสิบสองนาง ที่ตอนเด็กได้ควักตาปลาออกมาเล่น แต่นางเภาควักตาปลาออกมาเพียงข้างเดียว จึงไม่โดนควักลูกตาทั้ง ๒ ข้าง
เวลาผ่านไปนางสิบสองคลอดลูก แต่ด้วยความอดอยาก พี่ๆทั้ง ๑๑ คน จำต้องกินลูกๆเป็นอาหาร เหลือแต่นางเภา ที่แอบเอาเนื้อเก็บไว้แล้วค่อยๆเอาออกมาให้พี่ๆกิน
ในที่สุดนางเภาก็ได้เลี้ยงลูกมาจนเติบโตให้ชื่อว่า
รถเสน ทั้งฉลาดและรูปงาม เป็นหัวแก้วหัวแหวนของแม่และป้าๆ คอยหาอาหารมาเลี้ยงดูนางสิบสอง
เรื่องราวของนางสิบสอง จบภาคแรกไว้เพียงเท่านี้ นะคะ ขืนเขียนต่อไป อาจทุบสถิติบทความยาววววของเพจบางเพจ ที่แม่เหน่งเป็น FC อยู่...คริคริ
ภาคสองของนางสิบสอง คือ พระรถ-เมรี ค่ะ
นิทานของดิสนีย์จะมีเหล่านางฟ้าใจดีคอยช่วยเหลือเจ้าหญิง แต่นิทานไทยจะมีพระฤาษีเป็นผู้ช่วยเหลือเหล่าเจ้าหญิง
อย่างไรก็ตามนิทานพื้นบ้านไทยก็สนุกไม่น้อย มีเรื่องราวตื่นเต้น ผจญภัย เรื่องของบุญทำกรรมแต่ง แฝงข้อคิดมากมาย อย่าลืมนิทานพื้นบ้านไทยของเรา นะคะ
Reference :
https://sites.google.com/site/nithanphunbans/nithan.kaew-hna-ma
https://sites.google.com/site/wannakadeethai606/pla-bu-thxng/reuxng-yx
http://www.sac.or.th/databases/thailitdir/detail.php?meta_id=389
1 บันทึก
15
22
5
1
15
22
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย