18 พ.ค. 2022 เวลา 14:33 • ธุรกิจ
-- เปิดร้านมาซักพักแล้วอยากจดบริษัทควรเริ่มยังไงดี ? --
เชื่อว่าคงมีหลายคนที่กำลังคิดว่า เราเปิดร้านมาตั้งนานแล้วไม่เคยคิดจะจดบริษัทมาก่อน ที่ผ่านมาก็จัดการแบบบ้านๆ มาตลอด
ที่นี้พอวันนึงอยากทำให้มันถูกต้องเพื่อที่จะได้โตต่อได้แบบไม่ต้องกลัวโดนภาษีย้อนหลัง ควรจะต้องเริ่มยังไงดี ขั้นตอนจะยุ่งยากมั้ย
วันนี้ผมเลยทำการสรุปขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนจดบริษัท ออกมาเป็นลำดับขั้นตอนง่ายๆ เพื่อที่คุณจะสามารถเอาไปปรับใช้ และให้มีความพร้อมก่อนจะทำการจดบริษัทได้ ดังนี้
1. ทำการจดทะเบียนพาณิชย์ (ทะเบียนการค้า)
กฎหมายได้กำหนดไว้ว่าหากคุณประกอบธุรกิจไม่ว่าจะอยู่ในรูปของบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลนั้นจะต้องทำการจดทะเบียนพาณิชย์หรือที่เราเรียกว่าทะเบียนการค้าหลังจากเริ่มธุรกิจแล้วไม่เกิน 30 วัน ไม่เช่นนั้นจะถูกปรับ
จริงๆแล้วการจดทะเบียนพาณิชย์นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการจดนิติบุคคล เพราะเป็นคนละเรื่องกัน
การจดทะเบียนพาณิชย์นั้นเป็นการบอกว่า คุณได้เริ่มต้นประกอบกิจการอย่างถูกต้องและเปิดเผย มีหลักแหล่งและสถานที่ตั้งของกิจการชัดเจน มีชื่อปรากฎอยุ่ในระบบการค้าของประเทศอย่างถูกต้อง เป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือมากขึ้น
ฉะนั้นต่อให้ยังไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคคลอย่างน้อยก็ควรรีบไปจดทะเบียนพาณิชย์ให้เรียบร้อยก่อนที่จะโดนปรับและส่งผลต่อธุรกิจคุณ
2. แยกเงินส่วนตัวกับเงินร้าน
อันนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ร้านอาหารที่เปิดมานานที่ไม่ได้จดบริษัทส่วนใหญ่มักจะไม่ได้ทำการแยกเงินส่วนตัวของเจ้าของกับเงินของร้านออกจากกันออกชัดเจน เมื่อไหร่ที่เงินขาดก็หยิบเงินจากทางร้านไปใช้ส่วนตัว ร้านหมุนเงินไม่ทันก็เอาส่วนตัวไปจ่ายแทน
ทำให้สุดท้ายไม่รู้ว่าธุรกิจเรากำไรหรือขาดทุนจริงๆเท่าไหร่
หากไม่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมนี้ก่อนจดบริษัทแล้วรับรองได้ว่าจะยิ่งปวดหัวหนักกว่าเดิมแน่นอน
ทางที่ดีคือการตั้งเงินเดือนตัวเองให้ชัดเจนให้พอต่อการใช้จ่ายในแต่ละเดือน จะมีพี่น้องพ่อแม่กี่คนก็ควรจะตั้งเป็นเงินเดือนให้หมด แต่ถ้าไม่อยากจะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปลายปีก็แนะนำให้ตั้งเงินเดือนตัวเองไม่เกินเดือนละ 25,000 บาทโดยประมาณ เพราะเป็นเรตรายได้ต่อเดือนที่ต่ำที่สุดที่จะไม่ต้องเสียภาษี (แต่ก็ต้องทำการยื่นภาษีนะ)
3. แยกค่าใช้จ่ายออกเป็นหมวดๆให้ครบ
พอคุณทำการตั้งเงินเดือนส่วนตัวของเจ้าของร้านเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่จำเป็นต้องทำต่อมาคือ การแยกค่าใช้จ่ายทั้งหมดออกมาให้ชัดเจนเป็นหมวดหมู่ ไม่ว่าจะเป็น ค่าวัตถุดิบ ค่าพนักงาน ค่าเช่าร้าน ค่าน้ำไฟ ค่าการตลาด ไปจนถึงค่าใช้จ่ายจิปาถะ ฯลฯ
เพื่อที่จะทำให้คุณรู้ว่าคุณมีค่าใช้จ่ายในแต่ละหมวดอยู่เท่าไหร่ต่อเดือนเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ โดยที่ต้องมีการบันทึกค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้ครบและถูกต้องทั้งหมด ไม่เช่นนั้นข้อมูลที่คุณได้มาอาจไม่สะท้อนภาพรวมธุรกิจคุณทั้งหมด
4. จ้างนักบัญชีมาวางระบบบัญชี
หลายคนอาจจะงงว่าในเมื่อเรายังไม่จดบริษัท แล้วเราจะรีบจ้างนักบัญชีมาทำไม การที่ร้านคุณจ้างนักบัญชีมาวางระบบไว้ก่อนที่จะทำการจดบริษัทนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง
เพราะหากคุณทำการจดบริษัทก่อนแล้วค่อยว่าจ้างนักบัญชีมาวางระบบบัญชี จะสร้างความปวดหัวให้กับทั้งทางร้านที่จะต้องทำการเปลี่ยนวิธีการทำงานการจัดการเอกสารใหม่ทั้งหมด รวมถึงตัวนักบัญชีเองที่ก็คงไม่เข้าใจรูปแบบการทำธุรกิจของคุณและสับสนกับรูปแบบเอกสารที่ควรจะเป็น ส่งผลให้อาจมีปัญหาตอนส่งข้อมูลให้สรรพากรในแต่ละเดือนได้
การจ้างนักบัญชีมาวางระบบให้ร้านก่อนจะทำให้คุณมีเวลาในการเรียนรู้ขั้นตอนการจ่ายเงินทั้งเงินเดือนพนักงาน ค่าวัตถุดิบ ค่าเช่า ฯลฯ อย่างเป็นระบบ ไม่ใช่อยากจ่ายเมื่อไหร่ก็จ่าย รวมถึงการนับเงิน การฝากเงินเข้าบัญชีเพื่อป้องกันการทุจริตจากพนักงานในอนาคตหากวันนึงคุณไม่อยู่ที่ร้าน
5. เก็บเอกสารทุกอย่างให้ครบ
ต่อให้คุณยังไม่ทำการจดบริษัทและต้องนำเอกสารทั้งหมดไปยื่นสรรพากร แต่อย่างน้อยก็ควรเริ่มเก็บเอกสารทุกอย่างให้ครบโดยแยกออกมาเป็นเอกสารที่เกี่ยวกับรายรับและรายจ่ายไม่นำมาปนกัน เพราะจะทำให้ยากต่อการลงบันทึกและสรุปงบกำไรขาดทุนประจำเดือน รวมถึงการรวบรวมเอกสารส่งนักบัญชีในแต่ละอาทิตย์ด้วย
ถ้าจะให้แนะนำทริคง่ายๆ คุณอาจแยกลิ้นชักไว้สองเก๊ะ คือเก๊ะรายรับกับเก๊ะรายจ่าย เวลามีเอกสารหรือใบเสร็จก็โยนเข้าไปในเก๊ะ แล้วพอสิ้นอาทิตย์มีเวลาก็ค่อยมาลงบันทึก ไม่จำเป็นต้องทำทุกวัน
สำหรับค่าใช้จ่ายไหนที่ไม่มีบิลหรือใบเสร็จเป็นหลักฐาน เช่น ค่าแท็กซี่ ค่าซ่อมอุปกรณ์ คุณอาจเขียนเป็นบิลเงินสดแล้วให้ผู้รับเงินเซ็นรับก็ได้ เพื่อที่จะได้เอามาเป็นหลักฐานในการจ่ายเงินของคุณ
พอคุณฝึกทำไปเรื่อยๆก็จะเกิดเป็นนิสัยและความเคยชิน พอวันนึงคุณได้ทำการจดบริษัทแล้วก็จะไม่ยากต่อการปรับเปลี่ยนการทำงาน
6. จดบริษัทและจด VAT
พอคุณได้ฝึกทำทุกอย่างก่อนหน้านี้จนเกิดความเคยชินแล้วก็สามารถไปจดบริษัทได้ ซึ่งปัจจุบันสำนักงานบัญชีหลายๆที่ก็รับดำเนินการจดบริษัทไม่ต้องเสียเวลาไปทำเอง ซึ่งหากคุณคิดว่าร้านคุณมีรายได้เกินปีละ 1.8 ล้านบาทแน่นอน คุณก็ควรทำการจดภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT ไปพร้อมกันเลย
ซึ่งหากคุณไม่ได้มีการคิดต้นทุนตรงนี้ที่เพิ่มขึ้นไว้ในราคาขายตั้งแต่แรก แล้วทำการผลักภาระ VAT นี้ไปให้ลูกค้ารับผิดชอบทั้งหมด ก็อาจจะกระทบต่อลูกค้าเก่าของคุณได้เพราะจะทำให้ราคาที่ลูกค้าต้องจ่ายจริงนั้นสูงขึ้น
ฉะนั้นอาจจะต้องมีการสื่อสารกับลูกค้าให้ดีก่อนว่าทำไมคุณถึงมีการคิด VAT ตรงนี้เพิ่ม หรืออาจจะมีการปรับรูปแบบเมนูใหม่โดยทำการรวม VAT ลงไปในต้นทุนแล้ว ไม่เช่นนั้นจะกระทบต่อความรู้สึกของลูกค้าอย่างแน่นอน
#torpenguin #ต่อเพนกวิน #จดทะเบียนบริษัท #เตรียมตัว #ภาษี #เทคนิคร้านอาหาร #เปิดร้านอาหาร #อยากเปิดร้านอาหาร #ทำร้านอาหาร #ความรู้ร้านอาหาร #ร้านอาหาร #ธุรกิจ #ทำธุรกิจ #business #restaurant #restaurantmanagement
.
ติดตาม Torpenguin - ผู้ชายขายบริการในช่องทางอื่นๆได้ที่
.
Facebook : Torpenguin - ผู้ชายขายบริการ
Youtube : Torpenguin
Blockdit : Torpenguin - ผู้ชายขายบริการ
Twitter : Torpenguin
Instragram : torpenguin
TikTok : torpenguin
ติดต่องาน E-mail : torpenguin.channel@gmail.com
โฆษณา