21 พ.ค. 2022 เวลา 09:09 • กีฬา
เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ เด็กจากกาญจนบุรี ที่ไม่ได้เริ่มจากทีมดังๆ แต่วันนี้เขาย้ายตัว ด้วยราคา 33.5 ล้านบาท เรื่องราวเป็นอย่างไร วิเคราะห์บอลจริงจังจะเล่าให้ฟัง
1
การย้ายทีมของเจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ จากสมุทรปราการไปสู่สโมสรบีจี ปทุม ด้วยราคา 33.5 ล้านบาท มีความหมายสำคัญต่อวงการฟุตบอลไทย ในแง่ว่านักเตะทุกคนต่อให้เริ่มจากทีมเล็ก แต่ถ้าพัฒนาอย่างถูกต้องก็สามารถมีค่าตัว และค่าจ้างมหาศาลได้เหมือนกัน
1
เจริญศักดิ์คือเด็กต่างจังหวัดที่ไต่เต้ามาจากลีกรอง แถมเจอดราม่าในชีวิตมาหลายหน แต่สุดท้ายก็ได้ย้ายไปเล่นให้ทีมระดับลุ้นแชมป์ ได้เล่นรายล้อมด้วยตัวหลักทีมชาติทั้งธีรศิลป์ แดงดา และ สารัช อยู่เย็น พร้อมทั้งเตรียมตัวไปเจลีกในอนาคตอันใกล้
แน่นอน ถ้ามองย้อนกลับไปสัก 5-6 ปีก่อน คงเชื่อยาก ว่าเจริญศักดิ์จะมาได้ไกลขนาดนี้
จุดเริ่มต้นของเจริญศักดิ์ เขาเกิดที่จังหวัดกาญจนบุรี คุณพ่อมีอาชีพเลี้ยงวัว คุณแม่เป็นแม่บ้าน โดยรวมครอบครัวมีรายได้ปานกลาง
1
เจริญศักดิ์เคยไปเรียนฟุตบอลกับอะคาเดมี่ของทีมเมืองกาญจน์ ยูไนเต็ดในช่วงสั้นๆ ก่อนช่วงมัธยมจะไปเข้าสังกัดโรงเรียนกีฬาฯ นครปฐม โดยผลงานการเล่นฟุตบอลก็อยู่ในระดับที่โอเค แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเป็น Wonderkid ของวงการ อะไรขนาดนั้น
1
จุดเปลี่ยนในชีวิตเขาจริงๆ เกิดขึ้นช่วงต้นปี 2558 เมื่อสโมสรแอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล ทีมในระดับ T2 (ชื่อเดิมขณะนั้นคือ ดิวิชั่น 1) ประกาศคัดตัวผู้เล่นหน้าใหม่ ทำให้เจริญศักดิ์ในวัย 17 ปี จึงหิ้วสตั๊ดไปลองคัดตัวด้วย
1
ระหว่างการคัดตัว เจริญศักดิ์ลงสนามและยิงได้ 1 ประตู ทำให้โค้ชเตี้ย-สะสม พบประเสริฐ เฮดโค้ชทีมแอร์ฟอร์ซ จึงมองว่าเด็กคนนี้ มีพรสวรรค์บางอย่าง เลยยื่นข้อเสนอสัญญา 4 ปี ค่าจ้าง 8,000 บาทต่อเดือน เพื่อเอามาปลุกปั้นต่อ
3
ตัวเลข 8,000 บาท อาจจะไม่เยอะ แต่มองในแง่ว่า เจริญศักดิ์เพิ่งเรียนอยู่ชั้น ม.5 และได้โอกาสเล่นฟุตบอลอาชีพเป็นที่แรก ก็ถือว่าเป็นรายได้ที่พอยอมรับได้
1
เจริญศักดิ์ มีส่วนสูง 168 เซนติเมตร รูปร่างเล็ก แต่จุดเด่นของเขาคือ สปีดที่จัดจ้านมาก นี่คือจรวดทางเรียบของจริง ถ้าดวลกันจังหวะ 1 ต่อ 1 ยากมากที่จะจับเขาอยู่
1
ในช่วง 3 ซีซั่นแรกกับแอร์ฟอร์ซ เจริญศักดิ์ค่อยๆ ก้าวขึ้นมา
ปีแรก (2558) ได้ลงเล่นเฉลี่ย 20 นาทีต่อเกม จากนั้นในปีที่สอง (2559) เริ่มขยับมาเป็นตัวจริงบ่อยขึ้น และพาทีมจบอันดับ 4 ในตาราง พลาดการเลื่อนชั้นแบบฉิวเฉียดจริงๆ (ไทยฮอนด้า, อุบล ยูเอ็มที, ท่าเรือ สามอันดับแรกเลื่อนชั้น)
1
จากนั้นปีที่ 3 (2560) ด้วยความสามารถของเจริญศักดิ์ บวกกับผู้เล่นฝีเท้าดีๆ เช่น สันติภาพ จันทร์หง่อม และ นพพล พลคำ ทำให้แอร์ฟอร์ซ จบอันดับ 2 ในตาราง T2 ได้สิทธิ์เลื่อนชั้นมาเล่นไทยลีกในที่สุด
1
ดูเผินๆ แล้ว เส้นทางของเขาก็น่าจะไปได้สวยอยู่ แต่ปัญหาแรกสุดที่เขาต้องเผชิญเริ่มต้นตรงนี้ เพราะเจริญศักดิ์เหลือสัญญากับแอร์ฟอร์ซแค่ 1 ปี โดยสโมสรต้องการขยายสัญญาออกไป 5 ปีเต็ม โดยพร้อมให้ค่าจ้างเพิ่มเป็นเดือนละ 30,000 บาท และสัญญาว่าจะให้บรรจุเป็นทหารอากาศอีกด้วย
2
สำหรับนักเตะที่ได้เงินเดือน 8,000 อัพมาเป็น 30,000 ตามหลักก็น่าจะพอใจแล้ว แต่ปรากฏว่า เอเยนต์ส่วนตัวของเจริญศักดิ์คิดต่างกัน เขารู้มูลค่าในตัวลูกค้าของตัวเอง โดยมองว่าเจริญศักดิ์อายุก็ 20 ปีแล้ว ฝีเท้าได้รับการยอมรับจากแฟนบอลในระดับหนึ่งแล้ว มันควรจะได้รับรายได้มากกว่านั้น อย่างน้อยก็ควรอัพเพิ่ม 4 เท่าจากเดิม (40,000 บาท) ก็ยังดี
1
นอกจากนั้น ในดีเทลเอกสารของแอร์ฟอร์ซ บางอย่างก็ยอมรับไม่ได้เช่น ถ้ามีการยกเลิกสัญญาเกิดขึ้น สโมสรจะจ่ายค่าชดเชยแค่ 1 เดือนเท่านั้น
2
เมื่อรายละเอียดไม่น่าพอใจ เอเยนต์และครอบครัว จึงตอบปฏิเสธไม่ให้เจริญศักดิ์ต่อสัญญา 5 ปีกับแอร์ฟอร์ซ นั่นทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดในวงการบอลไทยมาก่อน คือฝั่งสโมสรออกมาโพสต์โจมตีนักเตะในหน้าเฟซบุ๊กของตัวเอง
3
โค้ชสะสม พบประเสริฐ บอกว่า "เอเยนต์มาขอเงินเพิ่ม 400% นั่นจะทำให้เขาจะกลายเป็นผู้เล่นที่เงินเดือนสูงกว่านักเตะอาวุโสในทีม และมันจะทำให้โครงสร้างเงินเดือนเยาวชนพังทลาย ผมยังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเด็ก จากเด็กที่เคยเป็นเด็กบ้านๆ มีใจมุ่งมั่นอยากจะพัฒนาตัวเอง กลับกลายเป็นเด็กที่มีเอเยนต์หัวหมอ มีเงื่อนไขนู่นนี่นั่นอยู่ตลอดเวลา"
2
"ถ้าหากการเจรจายังไม่ได้ข้อสรุป สโมสรก็คงต้องทำตามกฎที่ได้ตั้งเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นการงดส่งชื่อเข้าร่วมเก็บตัวทีมชาติ และไม่ส่งรายชื่อเข้าร่วมการแข่งขันในฤดูกาลใหม่"
เรื่องนี้ สังคมก็แบ่งความเห็นเป็นสองฝ่าย ฝ่ายแรกบอกว่านักเตะก็เวอร์เกิน แทนที่จะอยู่ช่วยแอร์ฟอร์ซที่เพิ่งเลื่อนชั้น อย่าลืมว่าเขาเป็นคนปลุกปั้นคุณขึ้นมานะ แต่อีกฝ่ายก็ตอบโต้ว่า นี่แหละคือวิถีทางของมืออาชีพ ถ้าสัญญาไม่ลงตัวก็แยกย้ายกันไปแค่นั้น
2
แอร์ฟอร์ซ ตั้งราคาเจริญศักดิ์ สูงถึง 3 ล้านบาท แม้จะเหลือสัญญาอีกแค่ 1 ปีก็ตาม สำหรับนักเตะไทยที่ไม่เคยติดทีมชาติระดับ U-23 มาก่อน นี่เป็นตัวเลขที่สูงเอามากๆ
1
ด้วยราคาที่สูงลิ่ว บวกกับกิตติศัพท์ของเด็ก ที่ถูกสโมสรเปิดหน้าด่าว่า "หน้าเงิน" กลายเป็นว่าเจริญศักดิ์มีภาพลักษณ์ที่ดูไม่ค่อยดีนัก สุดท้ายผ่านไปเป็นเดือน ก็ไม่มีสโมสรไหนสนใจอยากจะซื้อเขามาเสริมทัพเลย
1
ปัญหาอยู่ตรงนี้ เพราะถ้าหากเจริญศักดิ์โดนดองยาว 1 ปี (ซึ่งเป็นสิทธิ์ของสโมสรที่จะทำได้) นักเตะที่เพิ่งพุ่งทะยานขึ้นมา อาจจะฟอร์มร่วงไปเลยก็ได้
ตามธรรมชาติของฟุตบอล ผู้เล่นอายุ 19-20 ปี นี่เป็นช่วงวัยที่จะพัฒนาได้ดีที่สุด แต่ในเงื่อนไขที่คุณต้องได้ลงสนามต่อเนื่อง ถ้าเจริญศักดิ์โดนดองไม่ได้เล่นเป็นปี เขาอาจจะหายไปจากสารบบได้ง่ายๆ
1
มันเหมือนเป็นเกมกลยุทธ์ของฝั่งแอร์ฟอร์ซที่จะบีบให้เจริญศักดิ์ต่อสัญญาฉบับใหม่ ซึ่งท่ามกลางความกระอักกระอ่วนใจนั้น ก็เหมือนสวรรค์ทรงโปรด เมื่อโค้ชอั๋น-สุรพงษ์ คงเทพ เฮดโค้ชจากสโมสรพัทยา ยูไนเต็ด เห็นฟอร์มของเจริญศักดิ์มานาน และมองว่าเด็กคนนี้มันมีของอยู่ จึงติดต่อขอซื้อตัวจากแอร์ฟอร์ซอย่างเป็นทางการ
2
แต่ฝั่งแอร์ฟอร์ซ ยังไงก็ไม่ลดจาก 3 ล้านบาทที่ตั้งเอาไว้ จะเอาก็ต้องจ่ายราคานี้ สุดท้าย โค้ชอั๋น-สุรพงษ์ ก็ตัดสินใจว่า "เอาวะ" เขาขอให้ผู้บริหารจ่ายค่าตัวในราคา 3 ล้านบาท เพื่อคว้าตัวเจริญศักดิ์มาครอง
3
ในมุมของแอร์ฟอร์ซ นักเตะที่เซ็นมาฟรีๆ แต่ปล่อยได้ 3 ล้านก็นับว่าคุ้มค่ามากแล้ว ส่วนฝั่งพัทยา ว่ากันจริงๆ ก็เป็นหมากที่เสี่ยง เพราะเงิน 3 ล้าน กับผู้เล่นที่ไม่เคยเล่นลีกสูงสุดแม้แต่เกมเดียว ไม่ใช่ตัวเลขที่น้อยๆ เลย
พัทยา ยูไนเต็ด ยอมจ่าย นอกจากนั้นยังให้ค่าจ้างเจริญศักดิ์เดือนละ 100,000 บาท กับสัญญาฉบับแรก 4 ปี คือรายได้ เพิ่มจากตอนอยู่แอร์ฟอร์ซ 12 เท่า ดังนั้นถ้ามองเรื่องตัวเงิน การปฏิเสธแอร์ฟอร์ซ อาจเป็นคำตอบที่ถูกต้องแล้วก็ได้
2
ปัญหาของเจริญศักดิ์ ในปีแรกกับพัทยา ยูไนเต็ด (2561) คือเขาปรับตัวไม่ได้เลยกับเกมระดับ T1 ลีกสูงสุดในประเทศมันแข็งแกร่งกว่าที่เขาจินตนาการไว้มากนัก ช็อตเด็ดที่ผู้คนจดจำเขาได้ คือในเกมเจอบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เจริญศักดิ์โดนส่งมาเป็นตัวสำรองและสัมผัสแรกก็จับบอลวืดลอดขา เห็นได้ชัดเลยว่ามีความลนลานมากทีเดียว
1
หลังจบซีซั่นแรกใน T1 พัทยา ยูไนเต็ด Relocate ย้ายทีมมาอยู่จังหวัดสมุทรปราการ ถึงตรงนี้ ผู้บริหารทีมเริ่มมองว่า เจริญศักดิ์ไม่น่าจะเล่นได้ จึงเตรียมปล่อยเลหลังให้ทีมในลีกรองเพื่อลดค่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตาม เจริญศักดิ์ขอร้องสโมสรอย่าเพิ่งปล่อย เขาขอสู้อีก 1 ปี ถ้าหากไม่สามารถทำประโยชน์เพื่อทีมได้ ก็จะยอมย้ายไปแต่โดยดี
2
วันนั้นเจริญศักดิ์บอกว่า "ผมไม่อยากหนี ถ้าผมหนีวันนี้ ก็ต้องหนีไปตลอด อย่างน้อยอยากทำให้เต็มที่ในลีกสูงสุดก่อน"
เมื่อเด็กมันสู้ โค้ชอั๋น-สุรพงษ์ จึงจับเจริญศักดิ์ซ้อมแบบเคี่ยวเข็ญสุดๆ หลังจากจบรูทีนปกติ เขาสั่งให้เจริญศักดิ์อยู่ต่อ เพื่อซ้อมกับวินิซิอุส โค้ชฟิตเนสจากบราซิล ให้เสริมสร้างร่างกายให้แกร่งกว่านี้ คือในเกมระดับ T1 แค่เร็วอย่างเดียวไม่พอ บอดี้คุณต้องแข็งด้วย
2
นอกจากนั้นโค้ชอั๋น จับเจริญศักดิ์มาซ้อมการส่งบอล และลูก Early Cross เพราะถ้าคิดจะเล่นปีก แต่ลูกครอสไม่แม่น กระชากหลบคู่แข่งไปก็เท่านั้น
2
การซ้อมมหาโหดจึงเกิดขึ้น เจริญศักดิ์ถูกติวเข้มจากโค้ช และรุ่นพี่-สราวุธ กัลยาณบัณฑิต จนทำเอาเสียน้ำตาไปหลายรอบ แต่การซ้อมหนักไม่เคยทำร้ายใคร สิ่งที่เปลี่ยนแปลงจริงๆ คือฝีเท้าของเขาที่พัฒนาขึ้นจากเดิม
1
20 เมษายน 2562 สมุทรปราการไปเยือนเชียงราย โดยปกติแผนของสมุทรปราการคือ 3-4-3 ปัญหาคือ วิงแบ็กขวาตัวจริง จักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ ไปหาปลา ทอดแห แล้วฝาหอยบาดเท้าจนมีอาการเจ็บกะทันหันลงไม่ได้ ทำให้โค้ชอั๋น-สุรพงษ์ ไม่มีชอยส์อื่นแล้ว เขาตัดสินใจส่งเจริญศักดิ์ มาเล่นในตำแหน่งวิงแบ็กขวาเป็นการเฉพาะกิจ
5
ณ เวลานั้น ไทยลีกเริ่มมาแล้ว 7 เกม เจริญศักดิ์ได้ลงสำรองแค่ 2 นัด ยังไม่เคยเป็นตัวจริง ดังนั้น นี่คือเกมที่จะชี้วัดว่า เขาจะอยู่หรือไป
ปรากฏว่า เกมกับเชียงรายเขาทำหน้าที่ได้ดีมาก ปิดกั้นตัวรุกของเชียงราย ทั้งวิลเลียม เอ็นริเก้ และ ศิวกรณ์ เตียตระกูลได้อยู่หมัด จบเกมนั้นสมุทรปราการไปยันเจ๊าได้ถึงบ้านเชียงราย 1-1
2
นั่นเอง เป็นการคอนเฟิร์มให้โค้ชได้รู้ว่า เจริญศักดิ์เล่นได้ในฟุตบอลเลเวลนี้ จบซีซั่นที่สอง (2562) สมุทรปราการจบอันดับ 6 ของตาราง คราวนี้เจริญศักดิ์สบายใจได้แล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนปล่อยให้ใครยืมตัวอีก
1
ซีซั่นที่ 3 ของเจริญศักดิ์กับสมุทรปราการ (2563-64) คราวนี้ ต้นสังกัดเปลี่ยนโค้ชจากสุรพงษ์ คงเทพ เป็นอิชิอิ มาซาทาดะ อดีตโค้ชแชมป์เจลีก มาคุมทัพแทน และเขาจับเจริญศักดิ์ไปเล่นปีกขวาเต็มๆ เพื่อให้สนใจที่เกมรุกอย่างเดียว ซึ่งผลลัพธ์คือ เจริญศักดิ์แอสซิสต์กระจุยไป 14 ครั้ง เป็นดาวแอสซิสต์ของลีก คว้ารางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี พร้อมทั้งติดทีมชาติชุดใหญ่ของอากิระ นิชิโนะด้วย
1
ด้วยผลงานมาสเตอร์พีซ ทำให้เจริญศักดิ์ ได้รับการติดต่อจากทีมใหญ่ในไทยลีก รวมถึงทีมในเจลีก 2 ชื่อ มอนเตดิโอ ยามางาตะ ขอคว้าตัวไปร่วมทีมด้วย
2
สำหรับเจริญศักดิ์ การได้ไปเล่นต่างประเทศ มันคือความฝันอันสูงสุด แน่นอนว่าเขาพร้อมจะไปญี่ปุ่น โดยยามางาตะกับเอเยนต์ เริ่มต้นเจรจากันแล้ว แต่ทว่าวันที่ 31 ตุลาคม 2564 ก็เกิดเหตุเศร้า เมื่อเจริญศักดิ์ ได้รับบาดเจ็บหนักระหว่างลงแข่งเกมไทยลีก กับราชบุรี มิตรผล
1
ผลการสแกนระบุว่า หมอนรองกระดูกเข่าขวาฉีกขาด ต้องผ่าตัด และพักฟื้น 6 เดือน เมื่อเกิดเรื่องขึ้น ทำให้ข้อเสนอจากญี่ปุ่นถอยกรูดทันที ใครจะอยากไปเสี่ยง
1
เช่นเดียวกับทีมใหญ่ในไทยลีกก็หนีหมด เพราะไม่มีอะไรการันตีเลยว่า เจริญศักดิ์จะหายเมื่อไหร่ และพอหาย จะกลับมาเล่นได้ดีเหมือนเดิมหรือเปล่า
เจริญศักดิ์ร้องไห้เสียใจที่เหมือนจังหวะชีวิตของเขาไม่เป็นใจเลย มันอาจเป็นแค่ครั้งเดียว ที่จะได้ไปเล่นที่ญี่ปุ่นก็ได้
เขานอนจมความทุกข์อยู่ราวๆ 1 เดือน แต่ฝั่งสโมสรสมุทรปราการ ก็พยายามกระตุ้นให้เจริญศักดิ์ฮึดสู้ มีการส่งวินิซิอุสเข้ามาช่วยจัดโปรแกรมกายภาพบำบัดและย้ำเตือนว่าชีวิตนักฟุตบอลของเขาอีกยาวไกล อย่าเร่งที่จะกลับมา ค่อยๆ ฟื้นฟูไปตามสเต็ปของมัน
2
ในระหว่างนั้นเอง มีหนึ่งสโมสร ที่เข้ามาแสดงความเป็นห่วงเจริญศักดิ์อยู่ตลอด นั่นคือ บีจี ปทุม
5
บีจี ปทุม รักษามารยาทด้วยการไม่เคยคุยกับตัวนักฟุตบอลแม้แต่ครั้งเดียว เพราะนี่คือผู้เล่นของสโมสรอื่น แต่บีจีคุยผ่านเอเยนต์ส่วนตัวตามระเบียบ และยืนยันว่าอนาคตถ้าเจริญศักดิ์อยากย้ายทีมในประเทศไทย และสมุทรปราการพร้อมจะขาย บีจี ปทุม พร้อมเป็นตัวเลือกเสมอ ไม่ต้องห่วงว่าชีวิตของเจริญศักดิ์จะไม่ก้าวหน้าไปกว่านี้
การแสดงความเป็นห่วง ไม่ใช่เรื่องที่ทำยาก แต่มันสร้างความรู้สึกดีๆ ให้กับผู้คนได้อย่างไม่น่าเชื่อ ในวันนั้นเจริญศักดิ์เอง ก็รู้สึกขอบคุณบีจี ปทุมอยู่ตลอด ที่ดูจะเชื่อมั่นในความสามารถของเขา ทั้งๆ ที่เขาเจ็บยาวครึ่งปีขนาดนี้
2
4 เดือนผ่านไป หลังการทำกายภาพบำบัดอย่างเข้มข้น ในที่สุดเจริญศักดิ์ก็หาย ถือว่าเร็วกว่าที่หลายคนคาดไว้มาก และสามารถกลับมาลงเล่นได้ในช่วงปลายฤดูกาล 2564-65
1
เจริญศักดิ์เล่นได้โอเค แต่เขากลับคืนสู่สนามช้าเกินไป ทำให้ไม่สามารถช่วยต้นสังกัดทำแต้มได้ทัน สุดท้ายสมุทรปราการจึงตกชั้นจากไทยลีกในที่สุด
1
เมื่อสมุทรปราการตกชั้นแล้ว คราวนี้มีหลายสโมสรยื่นข้อเสนอเข้ามา มีทีมในไทยลีกจำนวน 5 ทีมพร้อมจ่ายเงินทันที หนึ่งในนั้นคือบีจี ปทุม กับค่าตัว 33.5 ล้านบาท รวมถึงมีทีมจากเจลีก 1 ที่อยากได้จริง แต่เข้ามาด้วยข้อเสนอ "ยืมตัว" ถ้าเล่นดีค่อยซื้อขาดในอนาคต
1
ใจจริง เจริญศักดิ์อยากไปเล่นที่ญี่ปุ่นที่สุด เพราะเป็นความฝันของเขา แต่อีกมุมเขารู้สึกเป็นห่วงสมุทรปราการที่ตกชั้น เพราะทีมต้องขาดสภาพคล่องอย่างหนักแน่ๆ เผลอๆ ถ้าหาเงินไม่ได้มากพอ สโมสรอาจล่มสลายได้เลย นั่นทำให้เจริญศักดิ์เกิดความลังเลใจ
1
ญี่ปุ่นก็อยากไป แต่ก็ไม่อยากทิ้งสมุทรปราการไว้แบบนี้ เพราะครั้งหนึ่งสโมสรเคยช่วยดึงเขาออกมาจากวิกฤติ ยอมจ่ายเงิน 3 ล้านให้แอร์ฟอร์ซ ให้โอกาสเขาได้เล่นฟุตบอลอีก แถมตอนเขาเจ็บสโมสรก็ดูแลอย่างดีมาตลอด ดังนั้นคราวนี้ มันก็สมควรบ้างที่เขาจะตอบแทนอะไรบางอย่าง คืนกลับไปให้สมุทรปราการเช่นกัน
4
เมื่อทบทวนดีแล้ว เจริญศักดิ์จึงยอมตัดชอยส์ไปญี่ปุ่น แล้วเหลือพิจารณาแค่ทีมจากไทยลีกเท่านั้น ด้วยหลักการบุญคุณต้องทดแทน
2
จุดนี้ถามว่าสมุทรปราการจะขายให้ใคร? คำตอบคือโอเคหมด ถ้าได้ค่าตัวระดับ 30 ล้านบาทขึ้นไปแล้วล่ะก็ ตัวนักเตะจะย้ายไปไหนก็ได้ สโมสรจะให้อิสระในการเลือก
แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ รายงานว่า มีหนึ่งสโมสรชั้นนำพร้อมจ่ายค่าเหนื่อยสูงกว่า 500,000 บาทต่อเดือน อย่างไรก็ตาม เจริญศักดิ์คิดดีแล้ว และตัดสินใจเลือกบีจี ปทุม ทั้งๆ ที่ได้รับค่าเหนื่อยน้อยกว่านั้นพอสมควร
1
ทำไมเจริญศักดิ์เลือกแบบนั้น? สาเหตุคือ
1) บีจีถือเป็นทีมในระดับลุ้นแชมป์ในไทยทุกรายการ และได้ไปเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ดังนั้นการค่อยๆ อัพเลเวลกับทีมใหญ่ในไทย ได้เรียนรู้ ACL ครั้งแรก แล้วค่อยไปเล่นลีกต่างประเทศ น่าจะเป็นสเต็ปที่เหมาะสมอยู่
1
2) บีจีให้คำสัญญาว่า ถ้าหากอนาคตมีสโมสรจากเจลีก ยื่นข้อเสนอเข้ามา ต่อให้เป็นเงินน้อยกว่าที่บีจีจ่ายให้สมุทรปราการ สโมสรสัญญาว่าจะยอมปล่อยแน่นอน โดยไม่ดึงเช็งถ่วงราคา เพื่อให้นักเตะได้ไปเล่นที่ญี่ปุ่นตามความฝัน สโมสรจะขาดทุนก็โอเค
1
และ 3) บีจี แสดงความเป็นห่วงเป็นใยมาตลอด ตั้งแต่เจริญศักดิ์บาดเจ็บ มันเป็นการแสดงความจริงใจกันตั้งแต่แรก ว่าเชื่อมั่นในตัวเขาจริงๆ ดังนั้นก็พอการันตีได้ว่า เมื่อย้ายทีมไป เขาจะได้รับการ Treat ที่ดี ไม่ต้องรู้สึกอึดอัดใจอะไร
ในโลกของฟุตบอลเรื่องเงินสำคัญก็จริง แต่เงื่อนไขอื่นๆ และความจริงใจของคู่เจรจาก็สำคัญไม่ด้อยไปกว่ากัน นี่คือจุดชี้ขาดที่ทำให้เจริญศักดิ์มองว่าบีจี ปทุม เหมาะที่สุดสำหรับก้าวต่อไปในอาชีพ
1
ตอนนี้เจริญศักดิ์ ชูเสื้อแล้ว คอนเฟิร์มว่ายังไงก็ย้ายไปบีจีแน่ๆ แต่ในข้อเท็จจริง เขายังไม่ได้เซ็นเอกสารขั้นตอนสุดท้าย แบบ Official
สิ่งสุดท้ายที่เจริญศักดิ์ขอสโมสรคือ ในวันเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ เขาอยากให้พ่อ-แม่ มาถ่ายรูปกับผู้บริหารได้หรือไม่ เหมือนเวลาต่างประเทศ ที่จะเซ็นสัญญากับนักบอลก็จะมีครอบครัวมาร่วมงานด้วย
2
สาเหตุเพราะตอนเขาเซ็นสัญญาฉบับแรก กับแอร์ฟอร์ซ พ่อแม่ก็ไม่ได้มา เช่นเดียวกับตอนเซ็นกับสมุทรปราการพ่อแม่ก็ไม่ได้มา ดังนั้นในคราวนี้ กับสัญญาฉบับใหญ่ที่สุดในชีวิต เขาอยากให้ครอบครัวได้อยู่ร่วมเฟรม ในโมเมนต์ที่ดีที่สุดด้วย
1
บีจี ปทุม ตอบตกลงและยอมทำให้ เพราะรู้ว่านี่คือสิ่งที่มีความหมายกับใจนักเตะ โดยตอนนี้ผู้บริหารไปคุยงานที่สเปน และจะกลับมาปลายเดือน แล้วเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการกับเจริญศักดิ์ในวันที่ 27 พฤษภาคมนี้
เรื่องราวของ เท่ห์-เจริญศักดิ์ วงษ์กรณ์ ปีกขวาจอมแอสซิสต์ของประเทศไทยก็จบลงตรงนี้ กับความท้าทายใหม่ กับสโมสรที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
1
ในวัย 25 ปี ถือว่าชีวิตของเขาไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เคยเจอสโมสรด่าว่าหน้าเงิน, เคยเกือบโดนปล่อยทิ้งเพราะเล่นแย่, เคยบาดเจ็บหนักจนเสียโอกาสไปญี่ปุ่น สารพัดปัญหาที่เข้ามา แต่เจริญศักดิ์ก็ผ่านมันไปทีละสเต็ปอย่างอดทน ซ้อมหนักขึ้น ตั้งใจเล่นในสนามมากขึ้น เครดิตทุกอย่างในวันนี้เขาควรได้รับมันทั้งสิ้น
4
ต้องรอดูกันต่อไป ว่าเขาจะประสบความสำเร็จถึงระดับไหน เจลีกที่ฝันไว้จะเป็นจริงหรือไม่ เดี๋ยวเราคงจะได้รู้คำตอบ
และอีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจก็คือ เจริญศักดิ์ก็เป็นเด็กต่างจังหวัด ไม่ได้มีโอกาสเรียนศาสตร์ฟุตบอลแบบเข้มข้นเหมือนเด็กในเมืองใหญ่ตั้งแต่เล็กๆ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าของวงการบอลไทยได้
1
มีคนบอกเสมอว่า จริงๆ นักบอลช้างเผือกตามจังหวัดต่างๆ ยังมีซ่อนอยู่มากมายในประเทศไทยนั่นแหละ เพียงแต่เด็กๆ เหล่านั้นอาจไม่รู้ว่าทำยังไงตัวเองจะเก่งขึ้นกว่านี้
1
คนที่เจอโค้ชดีๆ เอเยนต์เก่งๆ ช่วยส่งเสริมก็ดีไป แต่ถ้านักเตะไม่เจอคนเหล่านี้ล่ะ พวกเขาจะไปต่ออย่างไรก็ไม่รู้ บางคนรู้สึกตื้อตัน ก็พาลทำให้เบื่อหน่าย ตัดสินใจทิ้งฟุตบอล ทิ้งพรสวรรค์ไปอย่างน่าเสียดายก็มี
1
ก็หวังแต่ว่า เยาวชนที่เล่นฟุตบอล จะมีโอกาสได้พบเจอคนรอบตัวที่ดี เพื่อช่วยผลักดันให้พวกเขา ก้าวหน้าไปได้แบบไม่มีกรอบอะไรมาขวางไว้
2
#FIGHTERWINGER
โฆษณา