21 พ.ค. 2022 เวลา 09:23 • ไลฟ์สไตล์
ศิลปวัฒนธรรมญี่ปุ่นกับความมหัศจรรย์ที่มนุษย์สร้างขึ้น
ญี่ปุ่นเป็นดินแดน เป็นชนชาติที่ร่ำรวยไปด้วยอารยธรรมที่สวยงาม มีความเป็นมาอันยาวนาน ตั้งแต่สมัยโจมง ที่มีการทำตุ๊กตาดินเผาโดกุ อย่างแพร่หลาย จนถึงปัจจุบัน สถาปัตยกรรมญี่ปุ่นในยุคโมเดิร์น อย่างไรก็ดีเรื่องราวที่ยืนยัน คำบอกเล่าดังกล่าว ย่อมหนีไม่พ้น เหตุผลจาก การที่ญี่ปุ่นมี ศิลปะวัฒนธรรมที่มีความงดงามโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ซ้ำกับชนชาติไหนนั่นเอง
น่าจะกล่าวได้ว่า ลักษณะเด่นของการใช้เส้นสาย ลวดลาย ในงานศิลปะญี่ปุ่น จะมีลายเส้นที่อ่อนช้อยงดงาม นิยมใช้สีบางๆ ในการระบาย บางทีก็ใช้หมึกเขียนเฉยๆ ดูแล้วเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งกระด้าง
ศิลปินญี่ปุ่นมักจะบรรยายถึงธรรมชาติ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ ภูเขา หุบเขา สายธาร และความเชื่อทางด้านเทพเจ้า ถ่ายทอดออกมาเป็นผลงานในทุกรูปแบบ ตัวอย่างเช่น
ศิลปหัตถกรรมหรืองานประยุกต์ศิลป์
เครื่องปั้นดินเผา
เครื่องปั้นดินเผาญี่ปุ่นมีหลายประเภท บ้างก็มีการผลิต คิดสร้างสรรค์ขึ้นจากอิทธิพลจีน และแน่นอนว่าย่อมมีประเภทที่เกิดจากรสนิยมของชาวญี่ปุ่นเอง เช่น การผลิตเครื่องถ้วยในพิธีชงชา ที่นับว่าเป็นศิลปะที่ช่วยสนองต่อความต้องการ ตามแบบรสนิยมของชาวญี่ปุ่น โดยเฉพาะอิทธิพลจากการค้นพบวิถีการดำเนินชีวิตร่วมกับธรรมชาติ ได้อย่างลงตัว ในรูปแบบของชาวญี่ปุ่นที่เรียกว่า เซน
เพราะสามารถทำด้วยมือโดยไม่ต้องพึ่งพาเครื่องมือใดๆ ใช้ดินเป็นวัตถุดิบ ซึ่งให้รูปแบบที่อาจจะดูหยาบบ้าง บิดเบี้ยวบ้าง แต่ก็ทำให้ได้ความงามที่บริสุทธิ์ มีความเป็นธรรมชาติ ได้เครื่องปั้นดินเผาที่มีลักษณะเรียบง่าย สะท้อนให้เห็นถึงสุนทรียภาพแบบญี่ปุ่นได้เป็นอย่างดี
เครื่องปั้นดินเผาที่ใช้ในพิธีชงชาและมีชื่อเสียงมากแบบหนึ่งคือ “รากุ (Raku)” ที่มีกรรมวิธีการผลิตที่สำคัญคือ การที่ต้องนำเอาภาชนะที่ร้อนแดงออกจากเตาเผา ที่ใช้เชื้อเพลิงจากเศษไม้อย่างรวดเร็ว แล้ววางลงในถังซึ่งมีฟาง ขี้เลื่อยหรือแกลบอยู่ภายใน
จากนั้นนำไปจุ่ม ในน้ำเย็นเพื่อลดอุณหภูมิ เกิดความงามจากธรรมชาติคือ การหดและขยายตัวอย่างรวดเร็ว เพิ่มลวดลายรอยแตก ที่เกี่ยวกระหวัดอยู่ทั่วภาชนะ อันเป็นผลพลอยได้ที่สวยงาม
โคมไฟญี่ปุ่น
เป็นศิลปกรรมที่สืบทอดมายาวนาน สันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลจากจีน โคมไฟญี่ปุ่นก่อนการพัฒนา นับเป็นงานที่มีคุณค่าทางศิลปะ เนื่องจากว่ามีความเกี่ยวข้องกับพิธีกรรมเชิญดวงวิญญาณของบรรพบุรุษในศาลเจ้า หรือในวัด
ว่ากันว่าโคมไฟมีความหมายถึงวิญญาณผู้มาเยือน แสงจากโคมจะช่วยส่งวิญญาณกลับคืนสู่ภพเดิม ชนิดของโคมไฟญี่ปุ่นแบ่งตามวัสดุที่ใช้ทำ ได้แก่ อิชิ-โดโระ ทำด้วยหิน และโชะชิง (Chochin) ทำด้วยกระดาษ
อิเกะบะนะ (Ikebana)
อิเกะบะนะ หมายถึง ศิลปะการจัดดอกไม้ของญี่ปุ่น ซึ่งในระยะแรกๆ เกี่ยวข้องกับศาสนา เนื่องจากนิยมทำในวัด เพื่อใช้เป็นเครื่องบูชาเท่านั้น
การจัดส่วนประกอบต่างๆ จะเป็นการสื่อความหมายถึง ความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ หรือเขาพระสุเมรุอันเป็นสัญลักษณ์ของจักรวาล ได้รับอิทธิพลมาจากศาสนาพุทธเป็นสำคัญ
โดยองค์ประกอบการจัดยังสื่อความหมายแตกต่างกัน เช่น กิ่งสน หมายถึง หิน ดอกเบญจมาศสีขาว หมายถึงแม่น้ำลำธาร เมื่อมองโดยรวมก็เพื่อ สะท้อนพื้นฐานความเชื่อ 3 ประการ คือ สวรรค์ โลก และมนุษย์ อย่างไรก็ดีมีผู้นำ อิเกะบะนะ ออกมาสู่ตำหนักหรือเคหะสถาน เพื่อคนทุกระดับสามารถชื่นชมศิลปะนี้ได้
ลักษณะเด่นของประเพณีการจัดดอกไม้แบบญี่ปุ่น คือ ความเรียบง่าย และความเป็นธรรมชาติ อันเป็นสุนทรียภาพพื้นฐานแบบ เซน ซึ่งหากเปรียบเทียบกับการจัดดอกไม้ของชาวตะวันตกจะพบว่า
ชาวตะวันตกเน้นที่ความหรูหรา ความเป็นพุ่ม เป็นช่อ และสีสันของดอกไม้ แตกต่างกับชาวญี่ปุ่นที่เน้นความเรียบง่าย เลือกเอาเฉพาะแก่นหรือบางส่วนของดอกไม้เท่านั้น
การจัดดอกไม้ อาจแบ่งออกได้ เป็น 2 รูปแบบ คือแบบนะเงเระ (Nageire) ที่ใช้กับแจกันผอมสูง การปักกิ่งก้านดอกไม้ จะเสียบเข้ากับแกนไม้ในแจกัน มีลักษณะเฉียงหรือแนวนอน และแบบโมะริบะนะ (Moribana) ที่ใช้กระบะตื้นๆ แทนแจกัน การปักกิ่งก้านดอกไม้ จะสอดเข้าในช่องอุปกรณ์ ซึ่งทำขึ้นเฉพาะ มีลักษณะแนวตั้ง เน้นที่ความสูงสง่าเป็นสำคัญ
การจัดดอกไม้แบบนะเงเระ
การจัดดอกไม้แบบโมะริบะนะ
Contemporary Ikebana
วิจิตรศิลป์
มังงะ (Manga)
มังงะมีความสำคัญในวัฒนธรรมญี่ปุ่นและได้รับการยอมรับจากคนญี่ปุ่นว่าเป็นวิจิตรศิลป์และวรรณกรรมรูปแบบหนึ่ง คำว่า “มังงะ” แปลตรงตัวว่า ภาพตามอารมณ์ ถูกใช้อย่างกว้างขวางเป็นครั้งแรกหลังจากจิตรกรอุคิโยเอะชื่อ โฮคุไซ ตีพิมพ์หนังสือชื่อ โฮคุไซมังงะ ในคริสต์ศตวรรษที่ 19
อย่างไรก็ดีนักประวัติศาสตร์บางกลุ่มเห็นว่า มังงะอาจมีประวัติยาวนานกว่านั้น โดยมีหลักฐานคือภาพจิกะ (แปลตรงตัวว่า “ภาพตลก”) ซึ่งเป็นที่นิยมในศตวรรษที่ 12 มีลักษณะหลายประการคล้ายคลึงกับมังงะในปัจจุบัน อาทิ การเน้นเนื้อเรื่อง และการใช้เส้นที่เรียบง่ายแต่สละสลวย เป็นต้น
รูปในมังงะส่วนใหญ่จะเน้นเส้นมากกว่ารูปทรงและการให้แสงเงา การจัดช่องภาพจะไม่ตายตัวเหมือนการ์ตูนสี่ช่องหรือการ์ตูนช่องในหนังสือพิมพ์ การอ่านมังงะ จะอ่านจากขวาไปซ้ายตามวิธีเขียนหนังสือแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น
เป็นที่น่าสังเกตว่าตัวละครในมังงะมักจะดูเหมือนคนตะวันตก หรือไม่ก็มีนัยน์ตาขนาดใหญ่ ความใหญ่ของตากลายมาเป็นลักษณะเด่นของมังงะและอะนิเมะตั้งแต่ยุคปี 1960 เมื่อ โอซามุ เทซุกะ ผู้เขียนเรื่อง แอสโตรบอยซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาของมังงะในปัจจุบัน เริ่มวาดตาของตัวละครแบบนั้น โดยเอาแบบมาจากตัวการ์ตูนของดิสนีย์
อย่างไรก็ดี ไม่ใช่ว่านักเขียนการ์ตูนทุกคน จะวาดตัวละครให้มีตาใหญ่เสมอไป มังงะนั้นจะถูกแยกจาก comic อย่างเด่นชัดเพราะเป็นการเขียนเทคนิคการถ่ายทำภาพยนตร์ (cinematic style) โดยผู้เขียนจะทำการเขียนภาพระยะไกล ระยะใกล้ ระยะประชิด เปลี่ยนมุมมองและตัดต่อเนื้อหาเรื่องราวอย่างฉับไว โดยใช้หลักองค์ประกอบศิลป์ เรื่องเส้น แทน speed หรือความเร็ว
Ruroni-Kenshin-artwork
Extravagant charteuse silk embroidered dress and coat
Clive Hallett and Amanda Jihnston (2553) กล่าวว่า เปอร์เซ็นต์การบริโภคเส้นใยไหม ของประชากรชาวญี่ปุ่นต่อหัว ยังคงมีปริมาณมากที่สุดในโลก เนื่องจากเหตุผลของความเกี่ยวข้องกับชุดประจำชาติ “กิโมโน (kimono)” ที่ยังคงมีบทบาทสำคัญในวัฒนธรรมญี่ปุ่น โดยส่วนใหญ่การทอผ้าไหมในญี่ปุ่นจะเป็นการทอผ้าหน้าแคบ ที่สำหรับใช้กับกิโมโน
ในปัจจุบันมีการใช้สุนทรียภาพของหัตถกรรมผ้าทอมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย รวมกันเพื่อสร้างสรรค์สิ่งมอรูปแบบใหม่ๆ ที่ผลิตขึ้นในประเทศญี่ปุ่น เช่น Extravagant charteus silk embroidered dress and coat
ซึ่งจะเป็นงานที่ John Galliano ใช้ inspiration จาก Samourai 1947 ออกแบบสร้างสรรค์ โดยในงานจะมีการหลอมรวมของ ศิลปวัฒนธรรมญี่ปุ่น หลายๆ ประเภท เช่น Ikebana Manga รวมถึงองค์ประกอบที่มาจากแรงบันดาลใจ ในเรื่องของ ซามูไร อีกทั้งเรื่องราวของ Geisha มาสร้างเป็นผลงาน ดังรูป
สถาปัตยกรรม
ลักษณะเด่นของสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นคือ การผสมผสมผสานกันของทุกสิ่ง นับตั้งแต่รูปแบบที่เป็นมรดกที่สืบทอดต่อกันมา จากคนรุ่นหนึ่งสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง จนกระทั่งถึงรูปทรงสมัยใหม่ที่ใช้เทคนิคด้านวิศวกรรมที่ก้าวหน้าที่สุด
สถาปัตยกรรมญี่ปุ่นสมัยใหม่มีอะไรน่าสนใจ น่าศึกษา สถาปัตยกรรมญี่ปุ่นในยุคโมเดิร์นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ถึงจะเป็นสมัยใหม่ แต่ยังคงมีกลิ่นอายของความเป็นญี่ปุ่น รูปแบบตัวสถาปัตยกรรมมีความเรียบง่าย จะว่าไปแล้ว นอกจากสถาปัตยกรรมจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้น ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับดีไซเนอร์ ด้วยการสร้างสรรค์เสื้อผ้า เครื่องประดับ ผ่านลายเส้น
งานสถาปัตยกรรม (ซ้าย) & แฟชั่นได้แนวคิดมาจากงานสถาปัตยกรรม (ขวา)
สรุปได้ไม่ผิดว่า ศิลปะญี่ปุ่นได้รับอิทธิพลทั้งภายในและภายนอก จากความเชื่อพื้นฐานแบบดั้งเดิม อำนาจแห่งธรรมชาติทั้งปวง รวมถึงพื้นฐานความเชื่อจากจีน นำมาถ่ายทอด แสดงออกเป็นเอกลักษณ์ ที่เต็มไปด้วยความลึกล้ำชวนค้นหาอย่างไม่รู้จบ
บรรณานุกรม
กำจร สุนพงษ์ศรี. (2551). ประวัติศาสตร์ศิลปะญี่ปุ่น. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ปัญญา เทพสิงห์. (2548). ศิลปะเอเชีย. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร. สำนักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ฝ่ายวิชาการบริษัทสกายบุกส์. (2553). เส้นสายลวดลาย Japanese Art. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพมหานคร. สำนักพิมพ์สกายบุกส์.
Clive Halley and Amanda Jihnston. (2553). Fabric for Fashion. London. Laurence King Publishing Ltd.
JoAnne Brehm. (2554). ROSE ARRANGING-In the Oriental Manner. วันที่ค้นข้อมูล 21 พฤษภาคม 2565. จาก http://www.pet.com/arranging/art arranging oriental.html
โฆษณา