22 พ.ค. 2022 เวลา 13:42 • การเมือง
#explainer ปิดหีบเลือกตั้งผู้ว่าฯ แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ทุกคนรู้ว่าผู้ชนะคือใคร เมื่อทุกเขตในกรุงเทพมหานคร ระดมโหวตให้ รศ.ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธ์เข้าป้ายเป็นอันดับ 1 ทั้ง 50 เขต แม้ผลทางการจะยังไม่ออก แต่นาทีนี้ยากจะพลิกแล้ว
5
เอาจริงๆ เรื่องชัชชาติชนะ หลายคนก็คาดไว้แต่แรกอยู่แล้ว แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่า คือเป็นการชนะแบบถล่มทลาย หรือที่เรียกกันว่า Landslide ซึ่งยากมากที่คนกรุงเทพฯ จะพร้อมใจกันเทคะแนนเสียงให้คนคนเดียวขนาดนี้ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้ว
10
เพราะอะไร ชัชชาติถึงคว้าชัยชนะ ได้อย่างเด็ดขาด นี่คือเหตุผล 10 ข้อ จากการวิเคราะห์ของทีมงาน workpointTODAY
1
[ 1- ชัชชาติประกาศตัวลงผู้ว่าฯ ถึง 2 ปีครึ่งก่อนวันเลือกตั้ง ]
คนโหวตในกรุงเทพมหานคร เบื่อหน่ายเกมการเมือง ทุกคนต้องการคนที่ตั้งใจเข้ามาทำงานจริงๆ ไม่ใช่ลงสมัครเพียงเพราะอยากมีตำแหน่งเท่านั้น ซึ่งในบรรดาผู้สมัครทั้งหมด ชัชชาติ ประกาศตัวตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 ว่าเขาต้องการลงชิงเก้าอี้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
16
ในวันนั้นชัชชาติ บอกว่า ไม่รู้จะมีกำหนดเลือกตั้งตอนไหน แต่มันเป็นตำแหน่งที่เขาอยากทำงาน จึงมุ่งหน้ามาลงพื้นที่อย่างจริงจัง ซึ่งการมีจุดยืนที่ชัดเจนแต่แรก ทำให้เขาลงพื้นที่ก่อนใคร ได้เข้าใจและรู้ปัญหาอย่างลึกซึ้ง ไม่ใช่แค่รู้ผิวเผินเพื่อไว้ใช้หาเสียง
10
การมุ่งตรงไปที่ ตำแหน่งผู้ว่าฯ อย่างเดียว ทำให้เขารู้ภาพรวมว่า ปัญหาใดแก้ได้ทันที ปัญหาไหนต้องใช้การประณีประณอม ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่ผู้สม้ครทุกคนที่จะสามารถทำได้
3
[ 2- ชัชชาติประกาศลงในนามอิสระ ]
ชัชชาติมีความสัมพันธ์กับเพื่อไทย ตั้งแต่เป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรค แต่เขาตัดสินใจแยกตัวออกมา ลดภาพว่าตัวเองเป็นนักการเมืองที่มีฝักมีฝ่าย แต่เน้นภาพลักษณ์ใหม่ ว่าตัวเองเป็นคนตั้งใจทำงาน มุ่งมั่น
7
ในการลงสมัครผู้ว่ากรุงเทพ ชัชชาติตัดสินใจลงในนามอิสระ ไม่อิงกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็เข้าใจสถานการณ์ดี จึงไม่ส่งคนลงสมัครมาชนกับชัชชาติด้วย
8
ด้วยการลงอิสระ ทำให้เขาได้ฐานคะแนนเสียงของกลุ่มประชาธิปไตย และแฟนคลับของพรรคเพื่อไทย รวมถึงกลุ่มอนุรักษ์นิยม ที่ไม่เอียงจ๋าเกินไป เป็น Swing Voter คือบางคนของกลุ่มนี้อาจทำใจเลือกวิโรจน์ จากก้าวไกลไม่ลง แต่พอเป็นชัชชาติที่มีภาพลักษณ์คนทำงาน และดูไม่อิงกับฝ่ายไหนเป็นพิเศษ ทำให้ได้รับคะแนนจากคนทุกกลุ่มในกทม.
15
[ 3- ชัชชาติมีประวัติที่ครบเครื่องรอบด้าน ]
10
แน่นอน ว่าทุกคนอยากได้คนเก่งเข้ามาเป็นผู้นำท้องถิ่น และชัชชาติมีเกียรติประวัติที่ยอดเยี่ยม เขาเรียนจบวิศวกรรมโยธา ปริญญาตรี จุฬาฯ ,ปริญญาโทที่ MIT และ ปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์แบน่า-แชมเปญจน์
7
หลังเรียนจบมา ชัชชาติทำงานกับหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจ ทั้งมหาวิทยาลัย, การรถไฟ และ วิทยุการบิน เคยทำงานกับภาคเอกชน อย่างบริษัท Q House และเคยอยู่ในคณะรัฐมนตรี ทำงานภาคการเมืองมาแล้วด้วย ดังนั้นสิ่งที่ประชาชนมั่นใจได้คือ ชัชชาติ จะ "เข้าใจ" ทุกๆ ฝ่าย ทั้งรัฐ ทั้งเอกชน และ ทั้งฝ่ายการเมือง
10
ผู้ว่ากรุงเทพ เป็นงานที่ต้อง "เชื่อมต่อ" กับทุกหน่วยงานเข้าด้วยกัน เพื่อให้ปัญหาถูกแก้ไปได้อย่างราบรื่น ซึ่งในตัวเลือกผู้สมัครทั้งหมด บางคนอาจจะเคยทำกับภาคการเมือง บางคนอาจเคยทำงานบริษัทเอกชน แต่ไม่มีใครเลย ที่เคยทำงานกับทุกฝ่าย และเข้าใจแนวทางของทุกกลุ่มอย่างลึกซึ้ง
8
ความรู้รอบด้าน และประสบการณ์ทั้งชีวิต คือสิ่งที่ทำให้ชัชชาติแตกต่างจากผู้สมัครคนอื่นอยู่หนึ่งก้าว
3
[ 4- ผู้คนอยากเห็นชัชชาติได้ทำงานใหญ่เสียที ]
ในสมัยที่ชัชชาติ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เขามีโปรเจ็กต์ "สร้างอนาคตประเทศไทย" สร้างรถไฟความเร็วสูงทั่วประเทศ มูลค่า 2 ล้านล้านบาท อย่างไรก็ตาม รถไฟนั้นไม่สามารถถูกสร้างได้ เพราะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นำโดย นายสุพจน์ ไข่มุกด์ได้กล่าวเอาไว้ว่า "ทำถนนลูกรังให้หมดไปจากประเทศไทย ก่อนที่จะคิดถึงระบบรถไฟความเร็วสูง"
28
พร้อมกล่าวถึงชัชชาติว่า "มันยังไม่จำเป็นสำหรับประเทศไทยเลย และเงินกู้ 2 ล้านล้าน คุณชัชชาติตายไปเกิดใหม่ มารุ่นลูกรุ่นหลาน ยังใช้ไม่หมดเลย"
4
ซึ่งการโดนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแบบนั้น ทำให้เมกะโปรเจ็กต์ในไทยไม่เกิดขึ้น ซึ่งในขณะที่ชาติอื่นๆ เดินหน้าเรื่องรถไฟความเร็วสูงไปแล้ว แต่ไทยยังไม่สามารถสร้างได้จนถึงปัจจุบัน
8
ชัชชาติทำหน้าที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมได้ไม่นานนัก ประเทศก็เกิดการรัฐประหารขึ้น คสช.ยึดอำนาจ เท่ากับว่าความรู้ความสามารถของเขา จึงไม่ถูกนำมาใช้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
3
ผู้คนรู้ว่าชัชชาติมีความรู้ และมีความคิดสร้างสรรค์ ดังนั้นเมื่อเขาลงสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม. จึงยินดี เทคะแนนเสียงเพื่อให้กลับมาทำงานเพื่อสังคมอีกครั้ง และหวังว่าคราวนี้ จะได้ทำงานอย่างราบรื่นโดยไม่โดนใครถ่วงขาไว้อีก
10
[ 5- คู่แข่งฝั่งอนุรักษ์นิยมไม่มีคนเด่นพอขึ้นมาสู้ได้ ]
ถ้าชัชชาติครองความนิยมของฝั่งประชาธิปไตย ฝั่งอนุรักษ์นิยมในคราวนี้ มีตัวเลือกถึง 4 คน คือ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ จากประชาธิปัตย์, อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าคนปัจุจบัน, รสนา โตสิตระกูล อดีตวุฒิสมาชิก และ สกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่ากรุงเทพ
1
อย่างไรก็ตามทั้ง 4 คน ก็ยังมีจุดอ่อนอยู่ ดร.สุชัชวีร์ มีแผลตั้งแต่เรื่องเข้าใจผิดว่าตัวเองเป็นศิษย์สายตรงไอน์สไตน์ ทำให้เขาเสียความนิยมไป อัศวิน ขวัญเมือง ไม่มีผลงานโดดเด่นในฐานะผู้ว่า รสนามีฐานเสียงน้อย ส่วนสกลธี เคยเป็นแกนนำ กปปส. มาก่อน จึงไม่เป็นที่นิยมของคนรุ่นใหม่
7
ดร.เสรี วงษ์มณฑา ให้คำแนะนำว่า กองเชียร์ของ 4 คนนี้ ควรใช้ Strategic Vote หรือเทคะแนนเสียงไปให้คนเดียวที่เด่นที่สุดเลย เพื่อจะได้สู้กับชัชชาติได้ แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทำได้ เพราะไม่มีใครใน 4 คนนี้ ที่มีคาแรคเตอร์โดดเด่นกว่าคนอื่นเลย
9
จริงๆ ก่อนหน้านี้ พรรคพลังประชารัฐ ทาบทาม "ผู้ว่าหมูป่า" นายณรงค์ศักดื์ โอสถธนากร ลงเป็นแคนดิเดทสู้กับชัชชาติ แต่ถูกปฏิเสธเพราะต้องการทำงานราชการต่อ
26
จริงๆ ถ้าผู้ว่าหมูป่าตอบตกลงในวันนั้น การต่อสู้แย่งชิง อาจจะสูสีมากกว่านี้ แต่เมื่อไม่มีตัวเลือกที่โดดเด่นพอ เสียงโหวตกระจัดกระจาย จึงนำมาสู่ชัยชนะอย่างเด็ดขาดของชัชชาติอีกทางหนึ่ง
4
[ 6- ต้องการส่งเสียง อยากให้ประเทศเปลี่ยนแปลง ]
3
แม้การเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพ จะเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่น แต่กรุงเทพ คือศูนย์กลางของประเทศไทย การเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงจากเมืองหลวง จะนำมาซึ่งความเชื่อถึงการเปลี่ยนแปลงในจังหวัดอื่นๆ ได้เช่นกัน
7
การเลือกตั้งครั้งนี้ นอกเหนือจากเลือกที่ตัวบุคคลแล้ว ยังเป็นการต่อสู้ถึงอุดมการณ์ทางการเมือง ระหว่างฝั่งประชาธิปไตย (วิโรจน์, ชัชชาติ, ศิธา) และ ฝั่งอนุรักษ์นิยม (สกลธี, สุชัชวีร์, อัศวิน, รสนา) หลายคนเชื่อว่า นี่คือการส่งเสียงของคนกรุงเทพ ว่าฝั่งประชาธิปไตย ควรได้รับโอกาสบริหารบ้านเมืองดูบ้าง
7
[ 7- ชัชชาติเก็บรายละเอียดทุกอย่างได้ดี ]
9
จุดเด่นที่ชัชชาติสร้างความนิยมได้มากในเลือกตั้งครั้งนี้ คือการใส่ใจดีเทลทุกๆ อย่าง ตัวอย่างเช่น ป้ายหาเสียงเลือกตั้ง ชัชชาติจะทำให้มีขนาดเล็กที่สุด (0.6 x 2.4 เมตร และ 0.6x0.8 เมตร) เพื่อไม่ให้ลำบากต่อการสัญจรของคนเดินถนน นอกจากนั้นยังมีปริมาณน้อยกว่าผู้สมัครคนอื่น โดยมีปริมาณน้อยกว่า 50% ที่กฎหมายอนุญาตให้ผู้สมัครทำได้
16
นอกจากนั้นป้ายไวนิลหาเสียง แทนที่จะปล่อยให้เป็นขยะหลังเลือกตั้ง ยังมีการออกแบบให้สามารถนำไปตัดและเย็บทำกระเป๋าได้ต่อ โดยไม่ต้องเอาไปทิ้ง รวมถึงแผ่นพับที่เป็นรูปแบบของหนังสือพิมพ์ ก็สามารถนำมาเช็ดกระจกได้ก่อน แทนที่จะเป็นกระดาษที่ใช้แล้วทิ้งเฉยๆ
10
เช่นเดียวกับรถหาเสียง ที่ใช้รถไฟฟ้า (EV) เพื่อช่วยลดมลพิษของกรุงเทพให้มากที่สุด คือสิ่งที่เขาทำ จะเห็นว่า เข้าใจเทรนด์เรื่องสิ่งแวดล้อม ทำไมผู้สมัครต้องทำป้ายหาเสียงรบกวนการสัญจรของชาวบ้าน หรือเป็นคนเพิ่มมลพิษขึ้นมาเอง
10
ผู้ว่ากรุงเทพ ต้องมีไอเดีย มีความคิดสร้างสรรค์ และเป็นแบบอย่างที่ดีให้ประชาชนได้เห็น ซึ่งชัชชาติสอบผ่านในรายละเอียดเหล่านี้
8
[ 8- วิสัยทัศน์ชัดเจน รู้ว่าจะทำอะไร ]
2
ชัชชาติ เขียนไว้ในใบหาเสียงว่า กรุงเทพฯ ถูกยกย่องให้เป็นเมืองน่าเที่ยวอันดับ 1 ของโลก แต่ในความเป็นเมืองน่าอยู่ กรุงเทพฯ อยู่อันดับ 98 ของโลก คำถามคือ ทำอย่างไรที่จะทำให้ "เมืองน่าเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ" กลายเป็น "เมืองน่าอยู่ สำหรับคนที่อยู่อาศัยจริงๆ"
15
เขาอธิบายต่อว่า ในร่างกายมนุษย์ หรือในเมือง 1 เมือง จะต้องมี "เส้นเลือดใหญ่" ซึ่งหมายถึงโครงการเมกะโปรเจ็กต์ สร้างรถไฟฟ้า รถใต้ดิน กับ "เส้นเลือดฝอย" คือการลงทุนกับสิ่งเล็กๆ ในชุมชนต่างๆ ซึ่งที่ผ่านมา กรุงเทพฯ มัวแต่สนใจเส้นเลือดใหญ่ จนละเลยเส้นเลือดฝอย ซึ่งถ้าไม่ดูแลเส้นเลือดฝอยให้ดี ร่างกายมนุษย์ก็อยู่ไม่เป็นสุข
10
ยกตัวอย่างเช่น กรุงเทพฯ มีรถไฟฟ้าหลากสี ถ้าคนที่อยู่ตามแนวรถไฟฟ้าก็สบายไป แต่คนที่อยู่ไกลกว่านั้น ต้องต่อรถตู้ ต่อมอเตอร์ไซค์ จริงๆ มันควรมีการเชื่อมต่อ ที่ทำให้ผู้คนสะดวกกว่านี้
11
หรือในกรุงเทพฯ มีอุโมงค์ยักษ์ราคาหมื่นล้านไว้ระบายน้ำ แต่ในชุมชนเล็กๆ ท่อน้ำอุดตันระบายไม่ได้ ซึ่งเรื่องเหล่านี้ ชัชชาติสัญญาว่าถ้าเขาได้เป็นผู้ว่าฯ จะให้ความสำคัญกับมันมากขึ้น ส่วนเล็กๆ สำคัญไม่แพ้ส่วนที่มีขนาดใหญ่
12
ถ้าไปดูในเว็บของชัชชาติ จะมีแนวคิด "นโยบายรายเขต" เพราะกรุงเทพ ไม่สามารถเอานโยบายอย่างเดียวกันไปครอบทุกอย่างได้ แต่เขตไหนๆ ก็จำเป็นต้องมีแนวทางของตัวเองโดยเฉพาะ
13
ซึ่ง Voter หลายคน รู้สึกว่าแนวคิดเหล่านี้ เป็นการให้ความสำคัญกับชุมชน ไม่ได้โฟกัสแต่อะไรที่ยิ่งใหญ่เกินไป ดังนั้นจึงรู้สึกเป็นบวกกับชัชชาติโดยอัตโนมัติ
6
[ 9- มีฐาน Social Network ที่แข็งแกร่งมาก ]
3
ในบรรดาผู้สมัครทั้งหมด ชัชชาติ มีเฟซบุ๊กที่มีคนติดตามสูงสุด มากกว่า 960,000 คน โดยเฟซบุ๊กนั้น สามารถนำเสนอนโยบาย แนวคิด และช่วยเรื่องการหาเสียงได้ มีผู้สมัครบางท่าน ที่สนใจแต่การลงพื้นที่ โดยละเลยโลกออนไลน์ ทำให้เสียคะแนนตรงจุดนี้ไปโดยปริยาย
6
ทีมงานกราฟฟิกของชัชชาติ ก็ฉลาด และมีความคิดสร้างสรรค์ ตอนชัชชาติ จับสลากได้เบอร์ 8 ก็ออกแบบชื่อใหม่ เป็น ชัช8าติ ทันที
2
มีการวาดการ์ตูนเล่านโยบายให้ฟังแบบเข้าใจง่าย มีการทำกราฟฟิกให้ความรู้เรื่องการเลือกตั้งคือบางอย่างก็ไม่ได้ทำมาหาเสียงด้วยซ้ำ รวมถึงมีการทำแอนิเมชั่นสวยๆ อย่งต่อเนื่อง ขณะที่เว็บไซต์ก็ไม่ได้ปล่อยให้รกร้าง มีอัพเดทข้อมูลใหม่ๆ อยู่ตลอด
3
โลกยุคนี้ คือยุคโซเชียลเน็ตเวิร์ก ถ้าผู้ว่ากรุงเทพยังตามโลกไม่ทัน ตามเด็กรุ่นใหม่ไม่ทัน แล้วเมืองจะเดินหน้าไปยังไง จุดนี้ทำให้ชัชชาติได้คะแนนไปเพิ่มกับการรู้จัก "เล่น" กับโลกออนไลน์
4
[ 10- นี่คือการเดิมพันสุดท้ายในโลกการเมือง ]
2
ชัชชาติเคยประกาศว่า ถ้าแพ้เลือกตั้งผู้ว่ากทม. ครั้งนี้ เขาตอบว่า "ผมอายุ 55 ปี จะ 60 แล้ว ถ้าแพ้เลือกตั้ง แสดงว่าประชาชนเขาบอกวาอย่าทำ แล้วจะฝืนทำต่อไปทำไม อย่าไปคิดว่าโลกขาดเราไม่ได้ ถ้าประชาชนไม่อยากได้เรา เราก็ควรจะพอ มีอย่างอื่นอีกเยอะในชีวิตที่เราสามารถทำได้ อย่าไปคิดว่าโลกขาดเราไม่ได้"
19
ประชาชนจำนวนมาก เห็นศักยภาพของชัชชาติดีมากพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีในอนาคตได้ ดังนั้นถ้าหากเขาเลิกเล่นการเมืองไปตั้งแต่ตอนนี้ ประเทศไทยก็จะขาดแคลนบุคลากรคุณภาพที่จะเข้ามาช่วยพัฒนาประเทศทันที
4
ดังนั้น การเดิมพันของชัชชาติ กับการต่อสู้ผู้ว่ากรุงเทพ เขาทุบหม้อข้าวหม้อแกงแล้วทุ่มกำลังทั้งหมดที่มี และประชาชนก็ตอบแทนความแน่วแน่ของเขา ด้วยรางวัล Landslide ครั้งนี้นี่เอง
5
ด้วยคะแนนเสียงที่ชนะถล่มทลาย เป็นการส่งเสียงของประชาชนว่า อยากให้ชัชชาติได้ทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ 4 ปี ต่อจากนี้
7
และเราก็ต้องติดตามกันว่า เมื่อเขาได้รับโอกาสแล้ว จะสามารถใช้มันได้อย่างคุ้มค่ากับคะแนนเสียงแบบ Landslide ครั้งนี้หรือไม่
3
#wpTODAYBKK2022
#workpointTODAY
#สาระความรู้เพื่อวันนี้
ติดตามรายการของ workpointTODAY
ทาง YouTube https://bit.ly/2YDfyiK
ไม่พลาดข่าวธุรกิจ การตลาดที่สำคัญ
ติดตาม TODAY Bizview https://bit.ly/3picIeS
โฆษณา