24 พ.ค. 2022 เวลา 09:30 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
LOVE DEATH + ROBOTS ตอน ฆีบาโร : ผู้กำกับ ฯ อัลเบอร์โต้ มีลโก้ กับการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านท่าเต้นร่วมสมัย
ชื่อของแอนิเมเตอร์นามว่า อัลเบอร์โต้ มีลโก้ น่าจะกำลังเป็นที่จับตาไม่น้อยครับ หลายคนอาจจะไม่คุ้นหูด้วยซ้ำ หากแต่เครดิตผลงานเขาคือการออกแบบงานศิลป์หลักในแอนิเมชันอย่าง Spider-Man: Into the Spider-Verse
และเป็นมือเขียนบทและผู้กำกับ ฯ ในสองตอนจากซีรีส์แอนิเมชั่น LOVE DEATH + ROBOTS ในตอนอย่าง Witness จากซีซั่นแรกและ Jibaro ในซีซั่นล่าสุด รวมถึง เพิ่งไปคว้าออสก้าร์สาขาภาพยนตร์แอนิเมชั่นสั้นมาได้หมาด ๆ จากงานอย่าง The Windshield Wiper ก็พอจะการันตีเส้นทางที่รุ่งโรจน์ของบุคคลผู้นี้ไม่น้อย
โดยหลังการสตรีมมิ่ง LOVE DEATH + ROBOTS ซีซั่นล่าสุดในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา นอกเหนือจากสิ่งที่ผู้คนมักจะพูดถึงตอน Bad Travelling ของเดวิด ฟินเชอร์ ก็คือผลงานของมีลโก้อย่าง Jibaro ซึ่งได้รับเกียรติให้เป็นตอนสุดท้ายปิดซีซั่น ด้วยเรื่องราวของนักรบยุคกลางที่เผชิญหน้ากับปีศาจไซเรนที่แต่งองค์ทรงเครื่องด้วยเครื่องประดับเพชรนิลจินดา
ด้วยสไตล์งานภาพที่ยังคงเป็นเอกเทศ มีลโก้ ผสมผสานเทคนิคแอนิเมชันระหว่างการเขียนภาพฉากหลังแบบสองมิติ ผสมด้วยงานออกแบบตัวละครแอนิเมชันแบบสามมิติ เพื่อสะท้อนถึงความสัมพันธ์อันเป็นพิษ ระหว่างนักรบยุคกลางผู้ก่อความสัมพันธ์กับปีศาจไซเรน
แต่ขณะที่งานภาพก็ดึงดูดมากพออยู่แล้ว มีลโก้ ตัดสินใจจะบอกเล่าเรื่องราวผ่าน “อวัจนภาษา” ซึ่งทำให้ในเรื่องไม่มีบทพูดเลยแม้แต่ประโยคเดียวครับ
“ผมอยากจะสร้างสรรค์เรื่องราวที่บอกเล่าผ่านการเต้นแบบร่วมสมัย”
“มันน่าสนใจมากที่ได้เห็น วิธีที่เหล่านักเต้นได้สื่อสารด้วยภาษากายของพวกเขา ด้วยลีลาท่าทางต่าง ๆ ซึ่งดูรุนแรงยิ่งยวด เพราะการเคลื่อนไหวของพวกเขาที่ทั้งดุดันและรวดเร็ว” มีลโก้ กล่าว
โดยขั้นตอนงานสร้างก็ไม่ธรรมดา เพราะก็ได้ ทีมนักเต้นของซาร่า ซิลกินส์ มาออกแบบท่าเต้น รวมถึงบันทึกภาพการเต้นเอาไว้ด้วยหลาย ๆ มุมกล้อง เป็นเวลาร่วมหลายอาทิตย์ เพื่อใช้สำหรับการอ้างอิงออกแบบท่าทางตัวละครในขั้นตอนการสร้างแอนิเมชันของ pinkman.tv สตูดิโอผลิตของมีลโก้ โดยไม่ได้ใช้เทคนิคที่สะดวกกว่าอย่าง โมชั่นแคปเจอร์ ด้วยเหตุผลส่วนตัวที่ว่า เขาไม่ชอบเทคนิคนั้น
นอกเหนือจากนี้ ทีมของมีลโก้ก็ได้ออกสำรวจทัศนียภาพป่าไม้ที่พวกเขาต้องการในแถบ แคลิฟอร์เนียตอนเหนือ, วอชิงตันและโอเรกอน เป็นเวลากว่าสามอาทิตย์ รวมถึงการถ่ายภาพใต้น้ำเพื่อใช้ในการอ้างอิงสำหรับลักษณะพื้นผิวและแสงที่ตกกระทบ เพราะโดยส่วนตัว เขาอยากจะให้ลักษณะใต้น้ำออกมาดำทะมึนกว่าปกติ
แถมด้วยงานออกแบบลักษณะเครื่องแต่งกายและฉากหลังแบบวาดมือที่เสมือนมาจากยุคเรเนสซองส์ ก็เป็นสิ่งที่เขาวางแผนไว้ในหัว แต่ก็ต้องถูกออกแบบมาในลักษณะที่ฉากหลังจะไม่ดึงสายตาคนดูมากจนเกินไป แถมสไตล์งานภาพในเรื่องนี้ แม้จะดูคล้ายกับผลงานก่อน ๆ ของเขา แต่เรื่องนี้มีความสมจริงทางด้านภาพมากกว่าในเชิงรายละเอียดครับ
“แทนที่จะแสดงให้เห็นเป็นลักษณะทางสถาปัตยกรรม มันควรจะฉากหลังที่เป็นภูมิประเทศของธรรมชาติ”
“สไตล์ของการวาดก็เป็นรูปแบบเดียวกันกับหนังสั้นเรื่องก่อน ๆ ของผม เพียงแต่แสงที่แสดงออกมาจะถูกต้องกว่า ผมมักจะวางรากฐานงานวาดและศิลปะของผม ด้วยลักษณะเชิงกายภาพของแสง เช่น วิธีการที่แสงตกกระทบกับวัตถุและแสงกระจายออกมาด้วยสี โทนและเงาที่ถูกต้อง แต่เราก็จัดการกำจัดรายละเอียดที่เรารู้สึกไม่จำเป็นออกไปเยอะ เพื่อที่จะไม่ดึงดูดสายตามากจนเกินไป”
“ถ้าคุณเข้าใกล้งานภาพมากเกินไป บางครั้งคุณจะเข้าใจยาก ผมชอบที่จะสร้างงานวาดจากการลงเส้นและสีที่ใช้ ฉะนั้นเมื่อคุณยอมถอยห่างออกไป คุณก็จะเห็นภาพกว้างทั้งหมด” มีลโก้ กล่าว
โดยส่วนที่ยากสุด คือการต้องใส่ลักษณะพื้นผิวและเรนเดอร์ชุดนางปีศาจไซเรนสีทอง รวมถึงชุดเกราะของฆีบาโรและเหล่าอัศวินกว่า 20 นาย ซึ่งส่วนหนึ่งในการถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ รวมถึงการใช้เทคนิคมุมกล้องสั่น ๆ ตลอดทั้งเรื่อง มีลโก้ เผยว่า เขาได้รับแรงบันดาลใจจาก The Revenant ของ อาเลฆันโดร กอนซาเลซ อิญญาร์ริตู ซึ่งสามารถถ่ายทอดความโกลาหลและอันตรายจนเขาหยิบยืมเทคนิคนี้มาใช้
“มันอาจจะรู้สึกส่วนตัวไปบ้าง ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่ผมต้องการ โดยเฉพาะการใช้ช็อตแฮนด์เฮลด์ในเรื่อง เพราะผมอยากให้รู้สึกเหมือนกับว่า ผู้ชมเป็นผู้ถือกล้องด้วยตัวเอง”
“และเมื่อทุกอย่างจบลง ผมหวังว่าผู้คนจะรู้สึกพึงพอใจกับงานด้านภาพ แต่ส่วนเนื้อหา ผมอยากให้มันออกมารู้สึกอึดอัดและไม่ได้เป็นนิทานชวนฝันที่สวยงามอะไรแบบนั้น” มีลโต้ กล่าวทิ้งท้าย
สามารถรับชม LOVE DEATH + ROBOTS ได้ทั้งสามซีซั่นแล้ววันนี้ ทาง Netflix ครับ
ที่มา : IndieWire
โฆษณา