25 พ.ค. 2022 เวลา 02:15 • ประวัติศาสตร์
สาเหตุที่กษัตริย์และราชินีในยุคกลางอาบน้ำเพียงไม่กี่ครั้งตลอดพระชนม์ชีพ
“สุขอนามัย” คือสิ่งที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง
การชำระล้างร่างกาย การรักษาความสะอาด ช่วยป้องกันเชื้อโรคและโรคภัยไข้เจ็บ หากแต่ย้อนไปในสมัยโบราณ เรื่องของสุขอนามัยไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนให้ความสำคัญมากนัก โดยเฉพาะในยุคกลาง ซึ่งสามัญชนกลับให้ความสำคัญต่อความสะอาดมากกว่าพระราชวงศ์
1
นักประวัติศาสตร์หลายรายต่างบอกว่าผู้คนในสมัยโรมัน ล้วนแต่สะอาดกว่าผู้คนในยุคกลาง
1
โรคระบาดต่างๆ ล้วนแต่เกิดขึ้นในยุคกลาง โดยในเวลานั้น ผู้คนไม่ได้ให้ความสำคัญกับความสะอาดมากนัก ไม่มีการชำระล้างร่างกายมากเท่าที่ควร
2
การอาบน้ำ ถือเป็นการชำระล้างร่างกายที่เก่าแก่ที่สุด และง่ายที่สุดตั้งแต่ยุคโบราณ หากแต่ในสมัยก่อน มีเพียงคนรวยเท่านั้นจึงจะมีห้องอาบน้ำส่วนตัว ในขณะที่ผู้คนส่วนมากจะอาบน้ำโดยใช้หม้อน้ำใหญ่ หรือไม่ก็อาบน้ำในแม่น้ำ
นักประวัติศาสตร์บางรายกล่าวว่าชาวยุโรปเริ่มอาบน้ำบ่อยๆ ก็เนื่องจากอิทธิพลของจักรวรรดิออตโตมัน ซึ่งชาวออตโตมันนั้นเป็นผู้ที่รักษาความสะอาดและสุขอนามัยอย่างดี
2
จริงอยู่ที่ว่าชาวยุโรปในยุคกลางส่วนมากมีฐานะที่ไม่ได้ร่ำรวย ค่อนข้างยากจน เช่นเดียวกับผู้คนทั่วโลกในเวลานั้น แต่คำถามก็คือ
“ทำไมพระราชวงศ์ที่มั่งคั่งจึงไม่ค่อยชำระล้างร่างกาย?”
พระราชวงศ์ส่วนใหญ่มองว่าพระองค์นั้นอยู่เหนือประชาชน พระองค์เป็นผู้วิเศษ มีรังสีบางอย่างหรือ “ออร่า” ที่เหนือคนทั่วไป และออร่านี้ก็จะหายไปหากชำระล้างร่างกาย
6
บางคนก็ว่าพระราชวงศ์นั้นเป็นผู้ศักดิ์สิทธิ์ ไม่สามารถจะสกปรกได้ และมีพระราชวงศ์เพียงไม่กี่องค์เท่านั้นที่ยอมรับว่าตลอดพระชนม์ชีพ พระองค์สรงน้ำเพียงไม่กี่ครั้ง
“สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยา (Isabella I of Castile)” ผู้ซึ่งครองราชย์ตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 15-ต้นศตวรรษที่ 16 ได้ทรงยอมรับว่าตลอดพระชนม์ชีพ พระองค์สรงน้ำเพียงแค่สองครั้งเท่านั้น
2
ครั้งแรกก็คือเมื่อคราวที่พระองค์เสด็จพระราชสมภพ อีกครั้งก็คือก่อนวันอภิเษกสมรสของพระองค์
สมเด็จพระราชินีนาถอิซาเบลที่ 1 แห่งกัสติยา (Isabella I of Castile)
แต่ถึงจะไม่ได้สรงน้ำ ก็ไม่ได้หมายความว่าพระองค์จะไม่ชำระล้างส่วนต่างๆ ของพระวรกายเลย คืออาจจะมีการล้างพระพักตร์ พระหัตถ์ หรือส่วนต่างๆ ของพระวรกาย
และในสมัยนั้น การอาบน้ำก็ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในพิธีกรรมทางศาสนา เป็นสิ่งพิเศษที่นานๆ ครั้งจึงจะทำซักที
ในช่วงศตวรรษที่ 17 และศตวรรษที่ 18 ชนชั้นสูงชาวฝรั่งเศสต่างพยายามเลี่ยงการอาบน้ำ และสิ่งที่นำมาแทนที่น้ำและสบู่ ก็คือแป้งทาหน้า น้ำมัน และน้ำหอม เพื่อใช้ในการทำความสะอาดและปกปิดกลิ่นที่เหม็น
1
“พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส (Louis XIV)” จะทรงแต่งพระพักตร์ทุกเช้า และใช้น้ำหอมครึ่งขวดเพื่อปกปิดกลิ่นพระวรกาย
3
พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส (Louis XIV)
มีเรื่องเล่าว่าพระองค์ทรงกลัวน้ำ และตลอดพระชนม์ชีพก็สรงน้ำเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
นี่ก็เป็นเกร็ดทางประวัติศาสตร์ ซึ่งอาจจะแตกต่างจากค่านิยมของคนในสมัยนี้
โฆษณา