25 พ.ค. 2022 เวลา 07:55 • ครอบครัว & เด็ก
วันนี้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับข่าวน่าเศร้าใจที่สุด เกิด Mass Shooting อีกแล้วในอเมริกา คราวนี้เกิดที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในรัฐเท็กซัส เด็กนักเรียน 19 คนและคุณครูอีก 2 คน ต้องมาเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจ ขอแสดงความเสียใจและเป็นกำลังใจให้แก่ชาวเท็กซัสทุกคนนะคะ
www.abcnews.com
จำได้ว่าตอนเกิดเหตุยิงกราดเด็กนักเรียนประถมที่ Sandy Hook เมื่อปี 2012 เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญคนทั้งประเทศ School District ของเราจึงมีมาตรการเตรียมรับมือเรื่องน่ากลัวพวกนี้ ทางโรงเรียนเชิญผู้ปกครองเข้าร่วมฟังวิธีรับมือ และแจ้งผู้ปกครองว่าพวกเขาจำเป็นที่จะต้องฝึกซ้อมเด็ก ๆ อย่างน้อยสองครั้งต่อปี เรียกการซ้อมนี้ว่า Active-Shooter Lockdown Drill
ถ้าหากว่าใครคิดจะพาลูกย้ายประเทศไปเรียนที่อเมริกา คงจะต้องรู้ศัพท์พวกนี้ไว้สักหน่อย เรื่องเล่านี้มาจากประสบการณ์ตรงเพราะเคยติดอยู่ใน Lockdown กับเขาด้วยเหมือนกัน เพราะเป็นแม่สาย volunteer ประจำโรงเรียน การ Lockdown คือ การที่ทั้งโรงเรียนปิดประตูลั่นกลอน ปิดม่าน ดับไฟ เด็กซ่อนใต้โต๊ะ หรือนั่งรวมกลุ่มกันบนพื้น หยุดการพูดคุย ปิดเสียงเครื่องไฟฟ้า ทุกอย่างเงียบกริบ
Third graders at Van Duyn Elementary School participate in a lockdown drill. - www.cnn.com
จำได้ว่าตอนนั้นกำลังช่วยคุณครูของลูกชายถ่ายเอกสารอยู่ ก็ต้องหยุดกลางคันและไปนั่งที่เก้าอี้ที่หัวมุมในความมืดกับ Paraeducator (ผู้ช่วยครูและนักเรียน) อีกคนหนึ่ง นั่งมองหน้าให้กำลังใจกันไปเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก ใจเต้นระทึกอยู่อย่างนั้นได้สักห้านาที ครูใหญ่ก็ประกาศออกเสียงตามสายว่าปลอดภัยแล้ว ทุกคนออกจาก Lockdown ได้ แล้วชีวิตในโรงเรียนก็กลับสู่สภาพปกติ ในใจตอนนั้นอยากจะพาลูกกลับบ้านทันที
แต่โชคดีว่าโรงเรียนใกล้เลิกแล้วก็เลยปล่อยเลยตามเลย และนั่งทำงานอาสาสมัครจนเสร็จ คุณครูใหญ่บอกว่าตำรวจได้รับแจ้งจากเพื่อนบ้านว่าเห็นเด็กวัยรุ่นชายสองคนถือปืนเดินเลียบสนามมุ่งหน้าไปทางโรงเรียน ตำรวจมาแบบรวดเร็วและปรากฏว่าเป็นแค่ BB Gun ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับเด็กวัยรุ่นสองคนนั้น แต่คิดว่าคงได้รับการตักเตือนอย่างหนักและรู้ถึงหูผู้ปกครองของเด็กอย่างแน่นอน
ตอนที่เด็ก ๆ กลับมาถึงบ้านเย็นวันนั้น เรานั่งกอดกัน ลูกสาวบอกว่าถ้ามีมือปืนเข้ามาจริง ๆ พวกเราจะทำอย่างไร หนูอาจจะตายและไม่ได้เห็นหน้าแม่อีก ฟังแล้วก็รู้สึกสะท้อนใจยิ่งนัก พลางคิดไปว่านี่คงเป็นความรู้สึกก่อนออกจากบ้านไปโรงเรียนของเด็กอเมริกันส่วนใหญ่ โชคร้ายเหลือเกินที่เกิดมาอยู่ในสังคมของคนรักปืน แถมการซื้อปืนก็แสนง่ายดายยังกะซื้อผักซื้อปลา
ถ้าจะถามว่าทำไมคนอเมริกันรักปืนกันขนาดนั้น แล้วทำไมไม่มีกฎหมายมาครอบคลุมการซื้อขาย เรื่องมันยาวค่ะ เรื่องมันยาว แถมละเอียดอ่อนมากด้วย เอาไว้คุุยกันคราวหน้าละกัน ส่วนลูกชายบอกว่าถ้า Shooter เข้ามาหนูกับเพื่อนจะต่อสู้ เราก็ต้องรีบเตือนลูกว่า จำได้ไหมคะที่คุณครูบอก อันดับแรกคือ Run อันดับสองคือ Hide และอันดับสามคือ Fight แต่ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าต่อสู้กับคนยิงเด็ดขาด จำได้คร่าว ๆ ว่าตอนฝึกซ้อม Drill
คนสอนซึ่งเป็นตำรวจบอกว่าห้ามดึง Fire Alarm เพราะคนอื่นในอาคารอาจจะเข้าใจผิดว่าคือไฟไหม้เฉย ๆ ห้ามแกล้งตายเพราะอาจโดนยิงซ้ำ ให้หาทางหนีออกทางหน้าต่างเป็นหลัก ถ้าอยู่ใกล้ประตูให้ปิดลงกลอนและหาสิ่งของมาขวาง การวิ่งออกจากอาคารให้ยกมือขึ้นสูง ตำรวจจะได้แยกออกว่าเราไม่ใช่บุคคลอันตราย ฯลฯ ยังมีอีกเยอะค่ะ สงสารสมองน้อย ๆ ของเด็ก ๆ ที่ต้องมาจดจำเรื่องพวกนี้
ใครที่คิดจะมาอยู่อเมริกาก็คงต้องคิดคำนวณเรื่องสังคมรักปืนนี้ไว้ด้วย เราเรียกคนกลุ่มนี้ว่าพวก Pro-gun (กลุ่มสนับสนุนให้ครอบครองปืน) สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีปืนมากที่สุดในโลก ทั้งประเทศมีปืนอยู่ 393 ล้านกระบอก ซึ่งมีมากกว่าจำนวนประชากรของตัวเองเสียอีก การเลือกย่านที่อยู่อาศัยให้ปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้
https://www.reddit.com/r/progun/comments/c5iibt/merica/
เมืองที่พวกเราอาศัยอยู่นั้นนับได้ว่าค่อนข้างปลอดภัย แต่ก็มักจะได้ยินข่าวว่าทางตอนใต้มีการ Drive-by shooting กันบ่อยๆ ก็คือพวกเด็กแก๊งค์ยิงกระสุนสาดใส่คนหรือบ้านเรือนตอนขับรถผ่าน บางคนนั่งดูทีวีอยู่ในบ้านดี ๆ ก็ตายได้ เป็นข่าวมาแล้วนักต่อนัก อเมริกามีทั้งดีทั้งเสีย เคยนึกอยู่ว่าควรจะย้ายไปอยู่รัฐไหนที่ปลอดภัยจากลูกกระสุนมากที่สุด
กูเกิ้ลบอกฮาวายปลอดภัยที่สุด แต่ค่าครองชีพก็แสนแพงมากด้วยเช่นกัน สงสัยมากว่าทำไมฮาวายถึงปลอดภัย อ่านไปจับใจความได้ว่า ฮาวายมีกฎหมายการซื้อขายปืนที่แข็งแกร่งมากและอีกอย่างที่สำคัญก็คือ ปืนไม่ใช่วิถีของคนฮาวาย
ฮาวายสวรรค์บนดินนี้น่าจะถูกโฉลกกับคนไทย เพราะไม่หนาว ไม่ร้อนจนเกินไป คนเอเชียหรือหน้าตาเอเชียเยอะมาก อาหารการกิน ก็เป็นอาหารเอเชียแบบลูกผสม ผู้คนเป็นมิตรมาก ไม่มี Asian Hate เอ้า...ก็คนส่วนใหญ่หน้าเอเชียทั้งนั้นจะมาเกลียดกันได้อย่างไร เพราะฉะนั้นจะเดินไปไหนทำอะไร หน้าตาเอเชียอย่างเราก็ไม่ต้องกังวลมาก
พูดถึงเรื่องเมืองที่พวกเราอยู่ ก็นับได้ว่าปลอดภัยมาก เพราะเป็นเมือง Liberal และ Progressive จ๋าแบบ เยอะมาก จนพวกรีพับลิกันบางคนถึงกับย้ายหนี เพราะทนความเป็น Liberal Snowflake (พวกเสรีนิยมเหลาะแหละ) ไม่ไหว และทนความเป็น Woke (การตื่นรู้ถึงความเหลื่อมล้ำทางสังคม) ไม่ได้
https://www.bingedaily.in/article/what-is-woke-culture
พวกเราคิดว่าย่านที่พวกเราอยู่มีความ Woke มากถึงมากที่สุดแล้ว แต่ว่า...ก็ยังได้เจอดีค่ะ... วันนั้นเดินออกกำลังกายอยู่ดี ๆ ก็มีคนชะโงกหน้ามาตะโกนด่าว่าเป็นตัวปล่อยเชื้อโคโรน่า แล้วนางก็ขับรถผ่านเลยไป เพื่อนคนลาวขับรถเบนซ์ เผลอเปิดหน้าต่างไว้ เพราะอากาศดีไง มีคนมาจอดเทียบรถนางที่ไฟแดง แล้วก็ถ่มน้ำลายใส่ทันที โอ้ย..ดีไม่ถูกปืนจ่อร่วมด้วย อย่าหาทำเปิดหน้าต่างเวลาขับรถนะคะทุกท่าน
ช่วง Asian Hate นี่แทบจะไม่ได้ออกบ้านไปไหนเลย เพราะรู้สึกไม่ปลอดภัย และก็จะมีข่าวความรุนแรงยิบย่อยออกมาให้ได้ยินอยู่เรื่อย ๆ และนี่ก็อาจจะเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่สามีไม่พอใจเป็นอย่างมาก ถึงต้องลงทุนย้ายหนีบ้าง ตอนนี้เก็บหอมรอมริบ รอบหน้าจะไปอยู่ฮาวายกันค่ะ ฝันไว้ก่อนนะคะ...
Photo by Troy Squillaci: https://www.pexels.com/photo/sea-2521619/
โฆษณา