30 พ.ค. 2022 เวลา 03:30 • ธุรกิจ
ทำไม LVMH ยังเลือกขาย “ขนสัตว์” ในวันที่สังคมรณรงค์ให้เลิกใช้
รู้หรือไม่ ในทุก ๆ ปี จะมีสัตว์กว่า 100 ล้านตัว ที่ถูกฆ่า เพื่อนำ “ขน” ไปใช้ในอุตสาหกรรมแฟชั่น
และถ้าหากใครยังนึกภาพความโหดร้ายของอุตสาหกรรมขนสัตว์ไม่ออก
2
หนึ่งในตัวอย่าง ความทารุณที่เกิดขึ้นก็คือ ที่ประเทศจีน มีการทำฟาร์มขนกระต่ายพันธุ์ Angora ด้วยการจับพวกมันมัดเท้าทั้ง 4 ข้าง แล้วขึงไว้บนโต๊ะ หลังจากนั้นพวกเขาก็จะใช้มือ “กระชากขน” ของพวกมันออกมา “ทั้งเป็น” และกระต่ายก็จะดิ้นรนด้วยความเจ็บปวด..
3
นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวของความโหดร้ายในอุตสาหกรรมขนสัตว์ ที่ทำให้ทั้งผู้บริโภค และแบรนด์ต่าง ๆ เริ่มเปลี่ยนมาใช้ทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสัตว์มากขึ้น
แต่ในทางกลับกัน บริษัทเจ้าของพอร์ตแบรนด์หรูที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง LVMH กลับเลือกที่จะใช้ขนสัตว์แบบสวนกระแสสังคม
แล้วทำไม LVMH ยังเลือกขาย “ขนสัตว์” ในวันที่สังคมรณรงค์ให้เลิกใช้ ? ลงทุนเกิร์ลจะเล่าให้ฟัง
อย่างที่ทราบกันดีว่า “แกะ” บางสายพันธุ์ไม่สามารถผลัดขนได้เองตามธรรมชาติ
ดังนั้น มันจึงต้องอาศัยมนุษย์คอยตัดขนให้อยู่ตลอด เพราะไม่เช่นนั้น ขนของมันก็จะหนา และหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนส่งผลเสียต่อสุขภาพของมัน
แต่จริง ๆ การที่แกะไม่สามารถผลัดขนได้เอง ก็เป็นผลมาจาก “มนุษย์”
เพราะปกติแล้ว แกะป่าที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ มันก็สามารถผลัดขนได้เอง โดยไม่ต้องง้อมนุษย์
แต่สำหรับแกะเลี้ยง โดยเฉพาะสายพันธุ์ Merino ที่มนุษย์นิยมนำขนไปใช้ทำเสื้อผ้า กลับไม่สามารถผลัดขนได้เอง เนื่องจากแกะ Merino ถูกมนุษย์ผสมพันธุ์ขึ้น จนได้เป็นแกะที่มีขนเยอะ และนุ่มมาก จนได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในขนแกะที่ดีที่สุด
แต่ในทางกลับกัน แกะ Merino ก็ถูกเรียกว่าเป็น “ฝันร้ายของการวิวัฒนาการ” เนื่องจากแกะ Merino จะไม่สามารถอยู่รอดได้เองในธรรมชาติ หากปราศจากการตัดขน โดยมนุษย์..
2
นอกจากกรณีของแกะ Merino แล้ว การเก็บขนสัตว์บางประเภทก็ยังมีการฆ่าสัตว์ แล้วถลกหนัง เพื่อให้ได้เส้นขนที่อยู่ติดกับผิวหนัง หรือบางกรณีก็อาจมีการทำฟาร์มสัตว์ ด้วยการเลี้ยงสัตว์ในกรงแคบ และสกปรก ราวกับว่ามันเป็นเพียงเครื่องจักรผลิตขน ที่ไร้ชีวิตจิตใจ
2
ความโหดร้ายทั้งหมดนี้ ทำให้หลายคนตัดสินใจเลิกซื้อสินค้าที่ทำมาจากขนสัตว์ และกดดันให้บริษัทต่าง ๆ ยุติการทารุณกรรมสัตว์
ซึ่งหนึ่งในกรณีที่เกิดขึ้นจริง ก็คือ Canada Goose แบรนด์เสื้อกันหนาวระดับโลก ที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพในการกันหนาว เนื่องจากมีการใช้ขนสัตว์ โดยเฉพาะขนห่านคุณภาพเยี่ยม ที่ช่วยรักษาความอบอุ่นได้ดี
แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ การถูกกดดันจากผู้บริโภค และองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรต่าง ๆ อยู่ตลอด
จนในที่สุด บริษัทก็ได้ประกาศว่า ได้ยุติการซื้อขนสัตว์ไปแล้วในปี 2021 และตั้งเป้าที่จะเลิกผลิตสินค้าด้วยขนสัตว์ให้ได้ภายในปี 2022 นี้
ซึ่งนี่ถือเป็นข่าวใหญ่แห่งวงการขนสัตว์เลยก็ว่าได้ ที่แบรนด์ใหญ่ ๆ ออกมาหันหลังให้กับการใช้ขนสัตว์
แต่ในขณะเดียวกัน บริษัทเจ้าของพอร์ตแบรนด์หรูที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่าง LVMH กลับเลือกทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม และยังประกาศว่าบริษัทไม่มีแผนที่จะเลิกใช้ขนสัตว์ในเร็ว ๆ นี้อีกด้วย
แล้วทำไม LVMH ถึงยังคงเดินหน้าใช้ขนสัตว์ ?
คุณ Antoine Arnault ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายภาพลักษณ์ และสิ่งแวดล้อมของ LVMH รวมถึงยังเป็นลูกชายคนโตของคุณ Bernard Arnault เจ้าของบริษัท LVMH ได้ให้คำตอบในเรื่องนี้ว่า
1. เนื่องจากต้นตอของการต่อต้านขนสัตว์ ส่วนหนึ่งมาจากเรื่องการทารุณกรรมสัตว์
แต่สำหรับ LVMH ที่ถึงจะมีการใช้ขนสัตว์ แต่บริษัทก็ได้เน้นย้ำในการใช้ขนสัตว์จากแหล่งผลิตที่มีจริยธรรม และตรวจสอบได้
อย่างกรณีของ Loro Piana แบรนด์ที่ขายเสื้อผ้าขนสัตว์โดยเฉพาะ ซึ่งอยู่ในเครือ LVMH ก็พยายามทำทุกขั้นตอนให้เป็นมิตรต่อสัตว์มากที่สุด
โดยเริ่มตั้งแต่ การเลี้ยงสัตว์ ที่เลี้ยงในพื้นที่กว้าง รวมถึงสร้างเขตอนุรักษ์สัตว์ เพื่อให้สัตว์ได้ใช้ชีวิตตามธรรมชาติมากที่สุด และยังเป็นการปกป้องพวกมันจากการถูกมนุษย์ไล่ล่า เนื่องจากขนสัตว์บางประเภทมีราคาสูง จนเป็นที่หมายปองของใครหลายคน
1
ส่วนขั้นตอนการเก็บขน หากเป็นแพะ พวกเขาก็จะค่อย ๆ หวีขนมันอย่างเบามือ และนำเอาขนที่หลุดร่วงออกมาไปใช้ทอผ้า และแพะบางสายพันธุ์ก็จะถูกเก็บขน แค่ปีละ 200-250 กรัมต่อหนึ่งตัว
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการยืนยันกับผู้บริโภคว่า ขนสัตว์ที่นำมาใช้ มาจากแหล่งที่มีความรับผิดชอบจริง ๆ
LVMH จึงร่วมมือกับ IFF (International Fur Federation) เปิดตัว Furmark เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถสแกนป้ายที่อยู่ในเสื้อขนสัตว์ เพื่อดูถึงที่มาของขนสัตว์ ว่ามาจากแหล่งผลิตไหน
1
2. หากมีการเลิกใช้ขนสัตว์ จะส่งผลกระทบกับการจ้างงาน ผู้คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมเหล่านี้
ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจฟาร์มเลี้ยงสัตว์, โรงฟอกสี, โรงทอ ไปจนถึงบริษัทที่ผลิตสินค้าต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมขนสัตว์
3. ถ้าหาก LVMH ไม่ขายขนสัตว์ ผู้บริโภคก็จะซื้อผลิตภัณฑ์จากขนสัตว์อยู่ดี แต่อาจไปซื้อจากแหล่งผลิตที่ไม่มีความรับผิดชอบแทน
เพราะถึงแม้ว่าจะมีคนบางกลุ่มที่ต่อต้าน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ยังมีคนอีกจำนวนมากที่ให้ “มูลค่า” กับขนสัตว์แท้ ๆ และมองว่ามันเป็นสินค้าหรูหรา รวมไปถึงเรื่องคุณภาพของขนสัตว์แท้ ๆ ก็ยังยากที่ขนเทียมจะเลียนแบบได้
1
ดังนั้น ถึง LVMH จะไม่ขายขนสัตว์ แต่สุดท้ายความต้องการตรงนี้ก็ยังไม่ได้หายไปไหน..
เพราะสุดท้ายแล้ว มันก็อาจจะขึ้นอยู่กับ “ผู้ซื้อ”
และที่บริษัทเหล่านี้ยังผลิตสินค้าออกมาขายได้เรื่อย ๆ ก็เป็นเพราะมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ต้องการ
แต่ถ้าหากในวันหนึ่ง ผู้คนไม่ให้คุณค่ากับสิ่งนี้แล้ว
พวกเขาจะผลิตขึ้นมาขายใคร..
โฆษณา