28 พ.ค. 2022 เวลา 11:22 • ปรัชญา
เราสูงขึ้นได้ (อีก)
ตอน ทำไมต้องเป็นผู้นำ (2)
สวัสดีทักทายท่านที่เผลอเข้ามาติดตามเพื่อต้องการรู้จักตัวเอง และการเติบโตเป็นผู้นำทุกท่านนะครับ สำหรับ EP ที่แล้ว ผมได้เขียนถึง ทำไมต้องเป็นผู้นำ และ EP นี้เป็นตอนที่ 2 เราจะมาต่อกันครับ
ผมได้กล่าวไปในครั้งที่แล้วว่า ผู้ที่ได้ประโยชน์จากการเป็นผู้นำท้ายที่สุดก็คือตัวเราเอง ลองสังเกตดูนะครับ ว่าองค์กรที่เราทำงานอยู่ โดยส่วนใหญ่แล้ว คนที่ได้ขึ้นไปตำแหน่งสูงๆ หลายท่าน จะมีลักษณะเด่นอะไรบางอย่าง (แน่นอนครับว่าต้องบวกฝีมือการทำงานเข้าไปด้วย) และทำให้เกิดการยอมรับจากทั้งผู้บริหาร และคนรอบข้าง จนได้ขึ้นมาเป็นระดับบนๆ ขององค์กร
การที่เราขึ้นไปอยู่ข้างบนขององค์กรในระดับบริหารก็ (คง) ต้องได้รับค่าตอบแทนที่ดีตามตำแหน่ง แต่ผมไม่ได้บอกว่า เราจะต้องได้เงินจากการเป็นผู้นำครับ หรือเมื่อเราต้องการเงิน ให้ขึ้นเป็นผู้นำ ผมต้องการจะสื่อสารว่า เมื่อเราเป็นผู้นำ สิ่งที่เราได้ประโยชน์คงจะมีเรื่องเงินด้วย แต่เรื่องอื่นๆ อะไรล่ะ ที่สำคัญกว่า
เมื่อเราเป็นผู้นำที่สูงขึ้น เงินที่เราได้รับ ก็นำมาเลี้ยงดูครอบครัวได้ครับ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ ‘ความเป็นผู้นำ’ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Leadership ซึ่งเป็นคำที่ทุกบริษัทหรือองค์กรต้องการสร้างให้คนมีสิ่งนี้ คำถามคือทำไมบริษัทต้องการให้บุคลากรมีความสามารถในเรื่องนี้ คำตอบก็คือ เป็นเพราะว่า ‘ผู้นำ’ จะช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ และ ไม่เห็นแก่ตัวเองก่อน
โดยสัจธรรมแล้ว องค์กรใดมีแต่คนเห็นแก่ตัว องค์กรนั้นจะล่มสลายครับ
โดยนิยามแล้ว ผู้นำที่ดีที่สุด คือผู้นำที่ไม่ใช่เก่งกาจ เด็ดขาด หรือมีวิสัยทัศน์เท่านั้นครับ หลายคนต้องการเป็นผู้นำ โดยมองแต่ความสามารถของตน แต่มองข้ามเรื่องนี้ไปนั่นก็คือ ผู้นำ ควรจะต้องช่วยเหลือผู้อื่น แต่ความคลาสสิคมันอยู่ตรงนี้ครับ เคยได้ยินประโยคนี้ไหมครับว่า ‘ช่วยตัวเองให้รอดก่อนเหอะ’ หรือ ‘คิดว่าตัวเองดีหรือเก่งแล้วหรือ ที่จะไปช่วยเหลือคนอื่น’
หากท่านช่วยเหลือผู้อื่นมากๆ ก็อาจทำให้เราลืมมองดูตัวเองไปว่าเราก็ยังต้องจัดการตัวเองก่อน อ้าว ถ้าอย่างนั้นเคยสงสัยไหมครับว่า แล้วมันต้องทำยังไงกันล่ะ ?
ถ้าอยากเป็นผู้นำที่ประเสริฐแล้วล่ะก็ ผมแนะนำว่า เราต้องบริหารทั้ง 2 สิ่งควบคู่กันไปครับ นั่นคือการช่วยตัวเองในเรื่องที่จำเป็นได้ก่อน แล้วหลังจากนั้น เราบริหารตัวเองให้ไปช่วยเหลือผู้อื่นได้ด้วย
แน่นอนครับการจะเป็นแบบนั้นได้ ต้องอาศัยทั้งความสามารถ การบริหารจัดการเวลา และความพยายามในการสร้างและเน้นให้ตนเองมีความสามารถในการจัดการการงานหรือสิ่งที่ตนเองกำลังทำอยู่ได้ดี เสร็จสิ้นตัวงาน แล้วหลังจากนั้นก็สามารถไปช่วยคนอื่นได้
นั่นก็คือ ถ้าจะเริ่มต้นเป็นผู้นำในวันนี้ ต้องเร่งสร้างทั้งความสามารถของตัวเราเอง และบริหารจัดการเวลาให้ดี ซึ่งผมจะได้มีโอกาสมาแบ่งปันให้ฟัง ในเรื่องของการเพิ่มพูนความสามารถให้มากขึ้น เพื่อจะเป็นคนเก่ง จัดการตัวเองได้ และไปช่วยเหลือผู้อื่นต่อกันครับ
อับราฮัม ลินคอล์น ไม่ได้เก่งมาตั้งแต่เกิด และ ล้มเหลวตั้งแต่ชีวิตของเขาจำความได้ ไม่ว่าจะเป็นทั้งธุรกิจ การงาน และการเลือกตั้งเป็นตัวแทนท้องถิ่น
ทุกเรื่องของชีวิตเขาต้องพยายามแล้วพยายามอีกกับการล้มเหลว ผิดพลาด และไม่สมหวังแม้กระทั่งครั้งที่เขาพยายามสอบเป็นทนายความก็ยังสอบตกอยู่หลายครั้ง สอบตกด้านการเมืองอย่างน้อย 4 ครั้ง เมื่อเขาขึ้นเป็นประธานาธิบดี รัฐที่ไม่เห็นด้วยในเรื่องการยกเลิกระบบทาส ก็ขอแยกตัว และเกิดสงครามกลางเมืองในทันที ...
แรงจูงใจหลักของเขาก็คือ ... ต้องการช่วยเหลือผู้อื่น จึงทำให้เขาต้องก้าวต่อไป ...
นี่คือบุคคลที่ต้องช่วยตัวเองก่อน และแบ่งเวลาไปช่วยเหลือผู้อื่นครับ
Powered By Abraham Lincoln
โฆษณา