29 พ.ค. 2022 เวลา 23:45 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
คนเราจะมีพรุ่งนี้ได้อีกกี่วัน และ ชายชรากับหมาบ้า
ขอบคุณ ภาพจาก Thai PBS
เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้น คนก็มีทางเลือกมากขึ้นในการเสพสื่อต่างๆ ยิ่งมี Netflix การเข้าถึงหนัง ละคร ซีรีย์ต่างชาติ ทั้งเกาหลี จีน ฝรั่ง อินเดีย ก็มีความหลากหลายมากขึ้น ซีรีย์เกาหลีมีความนิยมไปทั่วโลก สร้าง Soft Power ส่งออกวัฒนธรรมและสร้างรายได้อย่างมากมายมหาศาล ต้องยอมรับว่าซีรีย์เกาหลีมีจุดแข็งคือ บทที่แปลกใหม่ ขาดเดาไม่ถูก ทำให้ต้องตามดูตอนถัดไปแบบอดหลับอดนอนเลยทีเดียว
สำหรับซีรีย์ไทยนั้น บางคนบอกว่ามีแต่เรื่องผัว ๆ เมีย ๆ น้ำเน่า แย่งผู้ชาย ไม่มีอะไรพัฒนา โดยเฉพาะบทละคร อันนี้อยากเป็นกระบอกเสียงเล็ก ๆ ว่าซีรีย์ไทยที่ดีก็มีอยู่นะ เพียงแต่คุณต้องเลือกดู อย่างเช่น เรื่องที่จะกล่าวถึงในวันนี้ เป็นซีรีย์ที่ฉายทางช่องไทยพีบีเอส ชื่อเรื่องว่า “ชายชรากับหมาบ้า” ชื่อภาษาอังกฤษว่า “TEA BOX” อยากรู้ว่าทำไมถึงชื่อ TEA BOX ต้องลองไปดู
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สะเทือนใจ ดูแล้วชวนให้ฉุกคิดเรื่องการใช้ชีวิตอย่างมาก เนื้อหาเล่าถึงชีวิตของชายต่างวัยสองคน คนหนึ่งเป็นชายแก่วัยเกษียณ ชีวิตอยู่ในกรอบที่ดีที่ควร มีครอบครัวที่ดี ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่บั้นปลายกลับต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวพร้อมกับโรคประจำตัวที่ทำให้สิ้นหวังกับการมีชีวิตอยู่ ชายชราจึงใช้ชีวิตอย่างซังกะตายไปวัน ๆ นอกจากนั้นบางครั้งยังถึงกับพยายามปลิดชีวิตตัวเองอีกด้วย
ขณะที่ตัวเอกอีกคนคือชายหนุ่มรุ่นหลาน ใช้ชีวิตแบบไม่เป็นโล้เป็นพาย ไม่มีเป้าหมายของชีวิต เรียนจบมาหลายปีก็ไม่คิดจะหางานทำจริงจัง ทำตัวเหมือนคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ อ้างแต่ว่าอยู่ระหว่างค้นหาตัวเอง ใช้ชีวิตตามใจตัวเองเต็มที่ไม่สนใจว่าทำความเดือดร้อนให้ใครบ้าง จึงโดนแฟนทิ้ง โดนญาติพี่น้องตัดขาด
ด้วยโชคชะตาทำให้ 2 คนนี้จำเป็นต้องพึ่งพากันและกัน ความผูกพันและมิตรภาพต่างวัยจึงก่อตัว ความต่างของทั้งสองคนช่วยเติมเต็มซึ่งกันและกัน นักแสดงนำทั้ง 2 คนถ่ายทอดออกมาได้ดีมาก เหมือนไม่ได้แสดง แต่เป็นการดูความเป็นไปของชีวิตชายทั้ง 2 นั้นจริง ๆ
โดยเฉพาะนักแสดงที่รับบทชายชรา (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) ดูแล้วมันจริงมาก นึกถึงภาพพ่อและลุงของตัวเองเลย ไม่ว่าจะเป็นท่าทางการยืน เดิน ถือไม้เท้า รวมถึงอาการของโรคพาร์กินสัน ทำให้เราเข้าใจคนแก่มากขึ้นว่าเวลาที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ เนื่องจากสังขารที่ร่วงโรยทำให้เคลื่อนไหวไม่สะดวก การหยิบจับสิ่งของ ไขกุญแจ การมองเห็นที่เสื่อมลง มันทำให้หงุดหงิดได้มากเพียงใด
ส่วนนักแสดงที่รับบทชายหนุ่ม (สุทธิรักษ์ ทรัพย์วิจิตร) ก็เล่นได้เนียนมากเช่นกัน มีความวัยรุ่นที่ยียวนกวนประสาท แต่ก็รู้ได้ว่าลึก ๆ ไม่ได้เป็นคนเลวร้าย
แม้เนื้อหามีความดราม่าแต่ก็แฝงด้วยความอบอุ่น ให้ข้อคิดในการใช้ชีวิตได้ดี มันทำให้ย้อนคิดถึงตัวเอง ทุกคนเกิดมาแล้วก็ต้องแก่ ต้องป่วย ต้องเจ็บ ต้องตาย เป็นสัจธรรมของชีวิต แต่เราเลือกไม่ได้ว่าจะตายเมื่อไหร่
เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเงินที่เราเตรียมไว้ จะมีเพียงพอต่อการดำรงชีวิตจนกระทั่งถึงวันที่เราจากโลกนี้ไป เรามีสุขภาพแข็งแรงพอที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายได้อย่างมีความสุขพอประมาณหรือไม่ หรือต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บป่วย เพราะทุกนาทีที่เพิ่มขึ้น หมายถึงเซลล์และสังขารที่เสื่อมลง เราจะมีบุตร หลาน ญาติพี่น้องคอยดูแลเอื้อเฟื้อในยามชรา หรือพวกเขาเหล่านั้นจะจากเราไปก่อน ไม่ว่าจะจากเป็นหรือจากตาย
คนที่เหลืออยู่เป็นคนสุดท้ายจึงต้องเข้มแข็งที่สุด
ทุกอย่างคงขึ้นอยู่กับกรรมที่เราทำไว้ กรรมในที่นี้ก็คือการกระทำ การกระทำของเราทุกอย่าง ณ วันนี้ มันย่อมส่งผลถึงอนาคตในบั้นปลาย การทุ่มเททำงาน เครียด ไม่ดูแลสุขภาพ ก็มีโอกาสที่จะเจ็บป่วยมากกว่า การใช้เงินฟุ่มเฟือย ไม่วางแผนการเงิน ก็อาจทำให้เราต้องอยู่อย่างขัดสน การยึดมั่นยึดติด ไม่ว่าจะกับคนรัก หรืออดีตอันหอมหวาน ก็อาจก่อให้เกิดภาวะซึมเศร้า จนทนใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันไม่ได้
การใช้ชีวิตนั้นไม่ง่าย มันต้องพร้อมปรับเปลี่ยนในทุกวัน ปรับใจให้ยอมรับความเสื่อมถอยของร่างกาย ปรับตัวให้ทันโลกที่ก้าวไปข้างหน้า ปรับตัวให้รับความเห็นต่าง
ขอบคุณซีรีย์เรื่องนี้ที่ทำให้ได้ข้อคิดดี ๆ การแบ่งปันสิ่งดี ๆ ให้ผู้คน ก็สร้างความหมายให้กับชีวิตเราได้ หวังว่าจะมีคนหันมาดูซีรีย์ไทยเพิ่มนะ
โฆษณา