31 พ.ค. 2022 เวลา 07:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
หลังจากที่สหภาพ EU มีมติเมื่อวานนี้ แสดงถึงความแตกแยกในสหภาพ EU ชัดเจน มติที่ร้องขอให้ทำการลดการพึ่งพาน้ำมันจากรัสเซียให้เหลือ 2 ใน 3 ของปริมาณที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน แต่ไม่รวมฮังการีสโลวาเกียและสาธารณรัฐเช็ก แต่ทุกอย่างก็ไม่แน่ว่าจะใช้มตินี้ได้จนถึงสิ้นปีหรือไม่
2
นักวิเคราะห์ จากทางยุโรปส่วนใหญ่จะให้ น้ำหนักไปว่าทางสหภาพ EU ต้องการแก้ไขปัญหาของความสามัคคีจากภายใน EU ด้วยกันเองโดยการอะลุ่มอล่วยให้ทั้งฝ่ายต้องการที่จะแบนและฝ่ายที่ไม่ต้องการที่จะแบนให้ไปร่วมกันได้
และมติฉบับนี้ที่ออกมายังเป็นการลดแรงกดดันจากภายนอกที่ทางสหรัฐพยายามจะให้ทาง EU ออกมติแซงชั่นทางด้านพลังงานให้กับรัสเซียรวมถึง แก้ปัญหาภายในของบางประเทศที่มีประชาชนบางส่วนต้องการให้ทางรัฐบาลตนเองขับเคลื่อนมติให้ไปในทางเดียวกันกับของคณะกรรมาธิการสหภาพ EU
1
ทั้งนี้ทางนักวิเคราะห์ฝั่งตะวันตกหลายคนได้ให้ความเห็น ว่ารายละเอียดของการที่จะแซงชั่น พลังงานในครั้งนี้ น่าจะเป็นการให้ระยะเวลา สหภาพ EU ในการแก้ไขปัญหาและลดแรงกดดันจากภายในและภายนอกให้กับทางยุโรป เพื่อที่จะได้ตัดสินใจอีกทีก่อนจะถึงสิ้นปี
หลายคนไม่เชื่อว่าทาง EU จะสามารถปฏิบัติตามฉันตามมติฉบับนี้ได้ และค่อนข้างเชื่อมั่นว่ามติฉบับนี้เป็นการแก้ไขปัญหาทางการเมืองระยะสั้น และรักษาหน้าให้กับฝ่ายที่ต่อต้านรัสเซียแบบจริงจังเท่านั้น
โดยตั้งข้อสังเกตว่า มติดังกล่าวมีจุดอ่อนค่อนข้างมากเพราะรายละเอียดที่แจ้งให้กับสาธารณะชนนั้นค่อนข้างจะไม่ได้ระบุอะไรตายตัวสักเท่าไหร่ ทั้งยังไม่ได้บอกถึงรายละเอียดและงบประมาณที่จะลงทุนในการเปลี่ยนแปลงแหล่งพลังงานจากรัสเซียอย่างชัดเจน
เพราะหากไม่ลงรายละเอียดในมติฉบับนี้ให้ชัดเจนมันจะทำให้เป็นไปได้ยากมากในการปฏิบัติจริง ยกตัวอย่างเช่นการที่บอกว่าจะไม่ให้เรือของทางรัสเซียส่งพลังงานเข้าทางยุโรปยกเว้น 3 ประเทศคือฮังการีสโลวาเกียและเช็คโกสโลวาเกียนั้น ทั้งนี้ปริมาณพลังงานที่ถูกส่งให้ทั้ง 3 ประเทศยังมีสัดส่วนการใช้พลังงานจากรัสเซียเพียงไม่ถึง 1 ใน 10
ฮังการี สโลวาเกียและ สาธารณรัฐเช็ก 3 ประเทศรวมกันยังใช้น้ำมันจากรัสเซียไม่ถึงสัดส่วน 1 ใน 10
แต่ตามที่มติได้แจ้งไว้ว่าจะพยายามลดให้เหลือ 1 ใน 3 และยังมีช่องว่างในเรื่องการปฏิบัติจริง อยู่ข้างๆมากเพราะว่าไม่ได้ระบุปริมาณและจำนวนที่แท้จริงออกมาว่าจำนวนเท่าไหร่ เพียงแต่กำหนดแค่กรอบคร่าวๆเท่านั้น
และในการขนส่งพลังงานทางเรือที่ออกจากรัสเซีย มีจำนวนหรือมากกว่า 60% ที่ EU จะไม่มีทางทราบได้ว่าน้ำมันที่อนุญาตให้เข้าไปยุโรปเป็นน้ำมันที่ส่งไปยังชาติใด เพราะถ้าหากเรือขนส่งลำดังกล่าวไม่ได้ระบุจุดหมายปลายทางการ แซงค์ชั่น ก็จะใช้ไม่ได้ในเรือลำนั้น จากที่กล่าวมา มติแซงชั่นฉบับนี้มีจุดอ่อนมากมายจึงเชื่อได้ว่ามติฉบับนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้นำมาใช้จริงในการปฏิบัติ
ที่ผ่านมาในช่วงหลังหรือบรรทุกน้ำมันที่ออกจากทางรัสเซียมากกว่า 60% จะไม่ระบุจุดหมายปลายทางว่าจะไปยังที่หมายใดเพื่อไม่ให้ถูกตรวจสอบได้
การออกมติฉบับนี้เป็นการแสดงให้เห็นว่ามีการแตกแยกในประเทศในสหภาพ EU ค่อนข้างมากเพราะ ตอนก่อนเข้าประชุมเพื่อขอมติทาง ประธานาธิบดีของฮังการียังบอกว่าไม่มีข้อตกลงอะไรทั้งนั้น อย่าเพ้อฝัน แต่สมาชิกอีกฝ่ายบอกว่าไม่ต้องไปสนใจอะไรกับฮังการีมากนักในเรื่องนี้เดี๋ยวเราก็มีทางออกเอง
สุดท้าย มติที่ออกมาก็ไม่มีอะไรชัดเจนมากมายนอกจากเป็นแค่มติคร่าวๆเพื่อแก้ไขปัญหาทางการเมือง ภายใน EU เท่านั้น มีหลายอย่างยังไม่ได้ข้อสรุปแม้มติฉบับนี้จะออกมาแล้วก็ตาม
จากมติดังกล่าวทำให้หลายประเทศใน EU ต้องซื้อน้ำมันแพงกว่าทางฮังการี สโลวาเกียและสาธารณรัฐเช็ก อย่างเช่นเนเธอร์แลนด์และเบลเยียมซึ่งจะต้องได้รับน้ำมันแพงกว่าประเทศฮังการี ซึ่งความไม่เท่าเทียมนี้ทางประธานคณะกรรมการ EU บอกว่า ยังไม่มีหนทางแก้และจะต้องหาทางแก้ไขกันต่อไป
1
the important point was to not unfairly burden certain EU members, adding that "this exact question has not yet been solved
European Commission President Ursula von der Leyen
ทางนักวิเคราะห์ได้ขอให้จับตาว่าช่วงเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายนนั้นมติดังกล่าวจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เพราะจะเป็นช่วงที่ทาง สงครามระหว่างประเทศกับยูเครนในภาพชัดเจนขึ้นและภาพความเสียหายของทางเศรษฐกิจใน EU ที่เกิดจากผลกระทบทางด้านอาหารและพลังงานก็จะเริ่มชัดเจนขึ้นก่อนที่จะเข้าหน้าหนาว ข้อมูลทั้งหมดนี้จะถูกนำมาประเมินอีกทีในช่วงเดือนสิงหาคม
เพราะหากทาง EU พบกับสภาพล้มเหลวทางเศรษฐกิจอย่างที่ทางประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ปูตินได้คาดการณ์ไว้ เพราะขณะนี้อัตราเงินเฟ้อในยุโรปเกือบทุกประเทศสูงเกินกว่า 8% ทั้งหมดแล้ว และกำลังจะสูงขึ้นอีกจากราคาน้ำมันที่มีผลหลังจากมติการให้เริ่มหยุดสั่งพลังงานจากรัสเซียฉบับนี้ นั่นก็อาจจะเป็นจุดที่ทำให้ทางสหภาพ EU กลับมาพลิกมติฉบับนี้อีกครั้งหนึ่ง
และสิ่งที่สำคัญอีกประการก็คือการอนุมัติงบประมาณเพื่อให้ทางสหภาพ EU สามารถปฏิบัติได้ตามฉันตามมติฉบับดังกล่าว
มติการลดการพึงพาพลังงานจากรัสเซียฉบับนี้จะปฏิบัติได้จริงจำเป็นต้องมีงบประมาณขนาดใหญ่ซึ่งจะต้องผ่านวาระของทางสหภาพยุโรปอีกครั้งหนึ่ง
EU ได้ทำแผนงบประมาณคร่าวๆสำหรับการลดการพึ่งพาน้ำมันให้เหลือ 2 ใน 3 ไว้แล้ว แต่กำหนดการในการจัดสรรงบประมาณนี้ก็จะเริ่มกันตั้งแต่หลังเดือนสิงหาคม
นาง Ursula van der Leyen ประธานกรรมาธิการสหภาพยุโรป หรือ EU ให้สัมภาษณ์ไว้ เมื่อช่วงที่ผ่านมาว่า แผนดังกล่าวมีระยะเวลา ที่จะ ลงทุนและเห็นผลในช่วง ปี 2030 เพื่อจะปลดแอกจากการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซีย
โดย EU จะเริ่มแบนถ่านหินจากรัสเซีย ในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ ซึ่งจะพยายาม และจะพยายามลดการพึ่งพาน้ำมันให้เหลือเพียง 2 ใน 3 ที่เราใช้อยู่ในขณะนี้ให้ทันช่วงปลายปีนี้ให้ได้
นาง Ursula กล่าวว่า 'REPowerEU เป็นแผนงานระยะยาวเพื่อลดการใช้พลังงาน และหันมาใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้น ซึ่งแผนงานนี้จะช่วยเร่งให้เกิดการลดการพึ่งพาการใช้พลังงานฟอสซิลและเป็นการเริ่มต้นการลงทุน ขนาดใหญ่สำหรับกลุ่ม EU เพื่อที่จะให้ถึงเป้าหมาย European Green
งบลงทุนที่ดูไว้สำหรับ REPower EU ตั้งงบไว้อยู่ประมาณ 3 แสนล้านยูโร โดยจะเป็นการกู้สักประมาณ 2.25 แสนล้านยูโร
โดย 10,000 ล้านยูโร สำหรับ สร้าง LNG terminal สถานีแปลงก๊าซ LNG เพื่อรองรับ การเชื่อมต่อก๊าซ LNG ในระหว่างกลุ่มยูโรด้วยกัน
2 พันล้านยูโร สำหรับสาธารณูปโภคและอุปกรณ์ในการตรวจจับเรือขนส่งน้ำมัน เพื่อที่จะอุดช่องทางลำเลียงการขนส่งน้ำมันจากรัสเซียเข้าสู่กลุ่ม EUได้ หากเรือดังกล่าวไม่ได้รับการอนุมัติจากทางรัฐบาลของแต่ละประเทศ
ส่วนที่เหลือจะเอาไปลงทุน ในส่วนของพลังงานทางเลือก เพื่อจะใช้พลังงานสะอาดให้ได้ทัน ในปี 2030
หากมติผ่านในเรื่องการของบประมาณแล้ว ความเป็นไปได้ของมติที่ผ่านมาก็จะเริ่มดูเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น แต่อย่างไรก็ดีหากดูเนื้อเรื่องโดยละเอียดของแผงงบประมาณก็ตามก็จะเป็นแผนระยะยาวทั้งสิ้น ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรเป็นการเร่งด่วนในการที่จะหยุดการสั่งพลังงานจากทางรัสเซียให้ลบถึง 2 ใน 3 ได้ภายในสิ้นปี อย่างที่มติดังกล่าวได้เสนอมา
การตั้งงบประมาณรอไว้มีความจำเป็นสำหรับแผนงานในอนาคตไม่ว่าจะมีการแซงชั่นหรือไม่แซงชั่นรัสเซียก็ตาม เป้าหมายโดยรวมของสหภาพมีอยู่ยังเป็นเหมือนที่ผ่านมาคือ การลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิล
ซึ่งจากแผนดังกล่าว ไม่มีทางที่ทางทุกประเทศใน EU จะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะการแบกหนี้มากขึ้น เนื่องจากแผนดังกล่าว 70 กว่าเปอร์เซ็นต์ถึง 80% เป็นการกู้ยืมทั้งนั้น
แต่หากทางเศรษฐกิจภายใน EU มีปัญหาก่อนถึงเดือนกันยายนนั่นหมายความว่าแผนงานทุกอย่างอาจจะต้องเลื่อนออกไปเพราะต้นทุนการเงินจะสูงกว่าสิ่งที่ควรจะเป็นมากเกินไป
ทั้งหมดคือแผนงานของทางคณะ กรรมาธิการของสหภาพ EU วางแผนไว้ที่จะใช้จ่ายงบประมาณ หากแผนนี้ได้รับการอนุมัติจากกลุ่มประเทศสมาชิก สหภาพ EU มีแผนที่จะลงทุน มากถึง 300,000 ล้านยูโรเพื่อที่จะลด การพึ่งพาพลังงานฟอสซิลจากรัสเซีย
จนกว่าที่จะเห็นการอนุมัติแผนงาน และบูรณาการสาธารณูปโภคเกี่ยวกับทางด้านพลังงานภายในยุโรปอย่างจริงจัง ถึงจะเชื่อได้ว่า ฉันทามติฉบับนี้สามารถนำไปใช้จริงได้
แต่หากในระยะเวลาจากเดือนมิถุนายนจนถึงเดือนกันยายนยังไม่มีความคืบหน้าทางด้านมติทางงบประมาณ ในส่วนของการช่วยเหลือด้านพลังงานก็เป็นไปได้ว่ามติฉบับนี้อาจจะต้องถูกแก้ไขภายหลังเดือนสิงหาคมอีกครั้งหนึ่ง
สืบเนื่องจากเหตุผลด้านสภาพอากาศของภายในยุโรปเองซึ่งจะกลับเข้าหน้าหนาวภายในเดือนตุลาคม ยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องการปฏิบัติจริงจากทางกลุ่มสหภาพ EU นั่นก็หมายความว่าฉันทำมติฉบับนี้มีความเสี่ยงที่จะถูกปรับและแก้ไขหรือยกเลิกในภายหลัง
และสงครามระหว่างยูเครนกับทางรัสเซียซึ่งหลายฝ่ายคาดหมายว่าจะจบได้ภายในเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม อาจจะ เป็นอีกปัจจัยที่ ทำให้ทางสหภาพ EU อาจจะกลับหรือเปลี่ยนแปลงมติฉบับนี้
เพราะเนื่องจากประเทศใหญ่ๆที่เป็นคนคอยคุมเสียงสหภาพ EU อย่างเยอรมันและฝรั่งเศสหากยังไม่สามารถพบทางออกในเรื่องพลังงานได้ก็จะสามารถแจ้งในที่ประชุมให้เปลี่ยนแปลงมติฉบับนี้หรือออกมติฉบับใหม่เกี่ยวกับทางด้านพลังงานได้อีกที
เนื่องจากความจำเป็นในการใช้พลังงานที่ยังมีจำนวนสูงในช่วงที่ผ่านมา ทำให้จำเป็นต้องเร่งให้ทุกฝ่ายหาทางเร่งด่วนโดยใช้มติฉบับนี้ในการบังคับให้ทุกประเทศเห็นความสำคัญของเรื่องนี้
เป้าหมายว่าจะลดให้ได้ภายในปลายปีนี้จำเป็นต้องมีอยู่ในมติฉบับดังกล่าวเพราะหากภายในสิ้นปีนี้ทางยุโรปยังไม่สามารถลดการพึ่งทานน้ำมันจากทางรัสเซียได้ให้เหลือ 1 ใน 3 นั่นหมายความว่าทางยุโรปจะไม่สามารถต่อกรกับงานรัสเซียได้อีกเลย
Putin says EU ditching Russian oil is 'economic suicide'
EU divided over sanctions on Russian oil
EU leaders agree to 'immediate' ban on 'more than two-thirds' of Russian oil imports
Via Euronews: EU leaders endorse watered-down ban on Russian oil, excluding pipeline imports
Via Euronews: EU leaders hash out deal over Russian oil ban at special Brussels summit
โฆษณา