31 พ.ค. 2022 เวลา 07:55 • การศึกษา
สวัสดีค่ะ หายไปนานเลย เพราะมัวแต่ดู Stranger Things ที่เพิ่งออกใหม่ เด็ก ๆ ชอบดู ก็เลยนั่งดูด้วยกัน คิดว่าเด็ก ๆ คงเห็นว่าเป็นเรื่องแปลกหูแปลกตา ได้เห็นฉากหนังในยุค 80's รถราบ้านเมือง ทรงผมเสื้อผ้า ฉากที่มีคอมพิวเตอร์รุ่นแรก ๆ เมาส์หน้าตาแปลก ๆ ในตอนหนึ่งมีสาวเนิร์ด (nerd) เอ่ยถึงคำว่า 'อินเตอร์เน็ต' หนุ่ม ๆ ถามเป็นเสียงเดียวกันว่าคืออะไร เธอตอบว่า It will change the world! นึกถึงตรงนี้ก็ขำ
พวกเรามีชีวิตแบบไร้อินเตอร์เน็ตกันมาได้ยังไงในกาลก่อน ตอนนี้แทบจะนึกสภาพไม่ออกเลย สาเหตุที่นั่งดูกับลูก ๆ ก็ด้วยความอยากรู้อยากเห็น อยากรู้ว่าวัยรุ่นอเมริกันเขามีปฏิสัมพันธ์กันอย่างไร การมีเพื่อน การเข้ากลุ่มเป็นอย่างไร ดูแล้วก็หวั่นใจไป เพราะเขาอิสระเสรีกันมาก แบบที่บรรดาแม่ ๆ รุ่นพับเพียบเรียบร้อยคงรับไม่ได้ ในส่วนของตัวซีรี่ส์ก็สนุกดีนะคะ ดูเพลินๆ ลุ้นๆ แต่ภาพน่ากลัวเยอะเกิน ความรุนแรงก็เยอะไป
https://lehren.com/
พอได้เห็นภาพชีวิตเด็กนักเรียนที่โน่น เด็ก ๆ ก็บ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าคิดถึงโรงเรียน คิดถึงเพื่อน เพื่อนที่โรงเรียนนานาชาติไม่มีใครที่พูดด้วยได้ หรือเข้าอกเข้าใจพวกเขาแบบเพื่อนอเมริกัน ตอนนี้ก็ถึงคราวแม่รู้สึกผิดอีกแล้ว ที่ย้ายลูกมาเข้าโรงเรียนหลักสูตรอังกฤษ โรงเรียนที่เรียนอยู่ตอนนี้ไม่มีครอบครัวอเมริกัน หรือแม้แต่ลูกครึ่งอเมริกันก็ไม่มี หรือถ้ามีก็คงอยู่ในระดับชั้นอื่น ไม่ได้อยู่ในชั้นลูกเรา
พูดถึงความแตกต่างของสองระบบการศึกษานี้ หากฟังจากเด็ก ๆ ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์โดยตรง แม่ก็รวบรวมเสียงบ่นมาได้ใจความว่า คุณครูที่โรงเรียนนานาชาติสอนได้แบบน่าเบื่อสุด ๆ ไม่มีอะไรที่มากระตุ้นความสนใจ ให้น่าติดตาม ส่วนใหญ่ครูจะเอาแต่บ่นหรือโกรธอยู่หน้าห้อง แล้วก็ไม่มีโปรเจคท์อะไรมาให้นักเรียนร่วมกันทำ ในขณะที่ตอนเรียนที่อเมริกา แม้ว่าเราจะเรียนในโรงเรียนรัฐบาลหน้าบ้านธรรมดา ๆ
แต่คุณครูก็สอนได้น่าสนใจมาก สนุกไปกับบทเรียนและทำกิจกรรมร่วมกันเกือบตลอดเวลา คุณครูที่นี่ส่วนใหญ่จะทำงานด้วยใจรักและเป็นครูมาแล้วหลายสิบปี ทั้งยังต้องมีการเรียนรู้เพิ่มเติม (Continuing Education) การอบรม การประเมินเพื่อต่อใบอนุญาตตามที่รัฐกำหนดตลอดอายุงานอีกด้วย
ห้องเรียนของครูแต่ละคนจะตกแต่งในรูปแบบที่น่าสนใจ เคยเข้าไปเยี่ยมชมโรงเรียนมัธยมต้นแถวบ้าน ห้องของครูสังคมศึกษาตกแต่งในรูปแบบศาล คุณครูนั่งสอนบนบัลลังก์ผู้พิพากษา นักเรียนสลับกันว่าความและตกเป็นจำเลย ดูแล้วอยากเรียนกับคุณครูท่านนี้ขึ้นมาทันใด
ห้องของครูวิทยาศาสตร์ก็ตกแต่งได้น่าสนใจไม่แพ้กัน คุณครูท่านนี้สะสมอุปกรณ์ทดลองวิทยาศาสตร์สมัยโบราณที่ทำจากเครื่องทองเหลือง แกเอามาตั้งโชว์ เหมือนยกมาจากพิพิธภัณฑ์เลยก็ว่าได้ พอเด็ก ๆ ได้เห็น ก็เป็นการจุดประกายความสนใจขึ้นมา ผู้ปกครองอย่างเรามาเห็นก็ยังมองด้วยความตื่นตาตื่นใจ
พูดถึงความสนุกในการให้นักเรียนมีส่วนร่วมของคุณครู ยังจำได้ถึงคุณครูชั้นประถมของลูกชาย แกมีบริษัทจับปลาที่อลาสก้า คุณครูท่านนี้จะออกเรือหาปลาในช่วงฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงปิดเทอมพอดี ลูกชายมักจะได้รับรางวัลกลับบ้านเป็นปลาแซลมอนรมควันบ่อย ๆ ซึ่งก็น่ารักดีที่คุณครูตั้งรางวัลได้ล่อใจลูกศิษย์ แถมอร่อยถูกใจแม่
การสอบของระบบอเมริกันก็ไม่ได้เคร่งเครียดมากแบบระบบอังกฤษ ระบบอเมริกันจะสอบเก็บคะแนนไปเรื่อย ๆ แบบสบาย ๆ ในขณะที่ระบบอังกฤษจะสอบแบบทีเดียว และความเครียดจะอยู่ในระดับสูงมาก คุณครูทุกคนจะดูตื่นกลัว พูดถึงแต่เรื่องสอบนี่ล่ะ จนแทบไม่ต้องทำอะไร ลูกชายบอกว่าออกจากห้องสอบ IGCSE มาแทบจะทานข้าวไม่ลง เพราะรู้สึกเครียดจนใจสั่น น่าสงสารที่สุด ทางเราก็พยายามบอกลูกถึงข้อดีของระบบอังกฤษ ว่าเป็นที่ยอมรับไปทั่วโลก
ไปเรียนต่อที่ไหนก็ได้ น่าจะได้รับการยอมรับมากกว่าระบบอเมริกัน อย่างน้อยถ้าสอบ IGCSE ได้ C ทุกวิชา เธอก็สามารถไปเรียนต่อ Foundation Year ที่มหาวิทยาลัยดัง ๆ ใน UK หรือออสเตรเลียได้เลย ไม่ต้องไปเรียน A-Level หรือสอบแข่งกับคนทั้งโลกเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยดัง ๆ อีกต่อไปให้เสียเวลา ถือว่าเป็นเรื่องน่าสนใจมาก อารมณ์ประมาณเดียวกับสอบเทียบ แถมประหยัดเงินพ่อแม่ไปได้หลายปี และยังได้เข้ามหาวิทยาลัยชั้นดีอีกด้วย
ที่ Oxford ก็มี Foundation Year นะคะ แต่เขาเก็บไว้ให้เด็กด้อยโอกาสแต่เก่งมากจากทั่วโลกค่ะ ส่วนมหาวิทยาลัยชื่อดังอื่น ๆ เช่น Durham, Edinburgh etc. เขาก็จะมี Foundation Year ที่เข้าได้ง่ายกว่า ถ้ามีคุณสมบัติตรงตามกำหนด ส่วนใหญ่ก็เน้นที่คะแนน IGCSE หรือคะแนนในระดับ AS นั่นเอง
photo from www.studygreen.info
ทางคุณแม่ก็ตื่นเต้นกับเรื่อง Foundation Year มาก ส่วนทางคุณพ่ออเมริกันจ๋า ก็ไม่เห็นด้วยเด็ดขาด บอกว่าอยากให้ลูกเรียนตามวัย ไม่ต้องเร่ง ไม่ต้องกระโดดข้ามชั้น และข้อเสียของ Foundation Year ก็คือ จะสมัครเข้าได้แต่มหาวิทยาลัยที่มีโครงการนี้ ไม่มีสิทธิ์เลือกมหาวิทยาลัยอื่น แล้วถ้าลูกยังไม่พร้อมกับชีวิตมหาวิทยาลัย เราก็อาจจะสูญเงินเปล่า เพราะอาจต้องเรียนซ้ำชั้นหรือเรียนไม่สำเร็จ
ส่วนตัวลูกชายก็เหมือนกัน เขาเบะปากให้แม่แล้วบอกว่าไม่ไปเรียน UK หรอก แค่ IGCSE นี้ก็เข็ดจะแย่แล้ว เขาบอกว่าคุณแม่คิดดูสิว่าใครทำให้โลกพัฒนาก้าวไกลได้ขนาดนี้ ไมโครซอฟท์มาจากไหน เฟซบุ๊คมาจากไหน ฮอลลีวู้ดมาจากไหน คนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกมาจากไหน ก็มาจากอเมริกาทั้งนั้น
ทำงานที่อเมริกาได้เงินเยอะกว่าทำงานฝั่งยุโรป ก็จริงค่ะทุกท่าน ถ้าใครมีลูกที่ชอบสาย STEM มั่นใจได้เลยว่าเงินเดือนรายปีเริ่มต้นที่หกหลักอเมริกันดอลล่าร์ขึ้นไปแน่นอน แต่ลูกชายไม่ใช่สาย STEM เลยแม้แต่นิดเดียว หนุ่มคนนี้เป็นนักประวัติศาสตร์ นักคิด นักเขียน ซึ่งเหมาะกับเรียนที่ UK มากที่สุด แต่เขาจะเชื่อแม่ไหมนี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
www.wattagnet.com
ความจริงอีกข้อคือ ค่าเทอมที่ UK ถูกกว่าอเมริกาแบบครึ่งต่อครึ่ง หลานสาวของสามีเพิ่งสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแบบ Ivy League ได้ แต่ค่าเทอมรวมค่าที่พักก็ปาไปแล้ว 90,000 เหรียญ คิดเป็นเงินไทยตอนนี้ก็ตกราว ๆ 2.97 ล้านบาทต่อปี แม่ขอเป็นลมแป๊บ ลูกคงต้องกู้เงินรัฐบาลและหาทุนเรียนเองนะ ไม่มีทางที่พ่อกับแม่จะจ่ายไหว
แถมกว่าจะเข้าได้ หลานสาวก็ต้องมีคะแนน SAT แบบไม่มีที่ติ บวกกับเป็นนักเทนนิสระดับแถวหน้าของรัฐอีกต่างหาก โปรไฟล์ต้องเลิศเลอขนาดนั้นถึงจะเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำได้ ในขณะที่ลูกชายปานกลางทุกอย่าง ไม่ได้มีโปรไฟล์ขนาดนั้นจะไปสู้กับใครเขาได้ ในใจคิดว่าสุดท้ายมาคงนึกเสียใจที่ไม่ไปเรียน Foundation Year และเป็นทางลัดเดินเข้ามหาวิทยาลัยดัง ๆ แบบง่าย ๆ อย่างที่แม่แนะนำ
หากใครสนใจหลักสูตรนี้ลองดูได้จากที่นี่ค่ะ https://www.kaplanpathways.com/study-abroad/education-option/foundation-courses/ นี่เป็นแค่สถาบันเดียวที่ยกตัวอย่างให้ดูนะคะ ยังมีสถาบันอื่นอีกหลายสถาบันให้เลือกค่ะ เช่น INTO www.intostudy.com, ออสเตรเลียก็จะมี Monash U. เป็นต้นค่ะ
ขอให้โชคดีกับการปวดหัวเพื่อหาที่เรียนให้ลูก ๆ นะคะ ตอนนี้สรุปว่าลูกชายไม่เรียน A-Level ค่ะ แต่เลือกไปเรียน Grade 11-12 IB Diploma ตามคำแนะนำของคุณพ่อนั่นเอง (ไม่มีลูกแม่แถวนี้) ลูกสาวก็เห็นดีเห็นงามกับหลักสูตร IB ไปด้วยและอยากย้ายโรงเรียนมาก ๆ เดือนสุดท้ายของเทอมแล้วก็ไม่อยากรอ อยากย้ายไปเลย อะไรจะไม่ชอบโรงเรียนของตัวเองปานนั้น รอบหน้าจะมาเล่าให้ฟังนะคะ ว่าเดินสายหาโรงเรียนนานาชาติในไทยเป็นยังไง
โฆษณา