ทำไมเลวานดอฟสกี้ถึงอยากย้ายทีม การอยู่บาเยิร์น มิวนิค สโมสรระดับโลก ที่การันตีแชมป์ทุกปี ก็น่าจะมีชีวิตสบายๆ อยู่แล้ว เราไปวิเคราะห์พร้อมๆ กัน
โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ประกาศตัวอย่างชัดเจน ว่าไม่ขอลงเล่นให้บาเยิร์น มิวนิคต่อไปในฤดูกาลหน้า และยังไงก็ขอย้าย แม้จะเหลือสัญญากับทีมอยู่ 1 ปีก็ตาม
สื่อเยอรมันรายงานว่า นี่เป็นปัญหาที่บาเยิร์น ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น พวกเขาไม่ได้วางแผนว่า เลวานดอฟสกี้จะขอย้ายทีมในซีซั่นนี้ เพราะนี่คือซีซั่นก่อนฟุตบอลโลก ตามปกตินักเตะระดับโลกจะไม่ค่อยย้ายทีมกัน คืออยากรักษาฟอร์มดีๆ เอาไว้ พอไปบอลโลกจะได้ระเบิดฟอร์มทันที
แต่เลวานดอฟสกี้ บอกว่าเขา "พอแล้ว" กับการเล่นให้ทีมเสือใต้
375 เกม เลวานดอฟสกี้ ยิงไป 344 ลูก ค่าเฉลี่ยเวอร์วังมากๆ และ ความสำเร็จใดๆ ที่เกิดขึ้นกับบาเยิร์น รวมถึงแชมป์ยุโรป ในปี 2020 ก็เกิดขึ้นจากความสามารถของเลวานดอฟสกี้นี่ล่ะ
การที่บาเยิร์น วางใจว่าจะยังไม่เสียเลวานดอฟสกี้ ทำให้พวกเขาไม่เดินเกมรุกซื้อเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ จากดอร์ทมุนด์แบบเต็มร้อย จนสุดท้ายฮาแลนด์เลือกย้ายไปแมนฯ ซิตี้ เท่ากับว่า ถ้าเสียเลวานไป บาเยิร์นจะไม่มีกองหน้าเบอร์ 9 ขนานแท้เอาไว้ใช้งานเลยสักคน
รายงานบอกว่า ทั้งบอร์ดบริหาร และ ตัวโค้ช ยูเลียน นาเกลส์มันน์ ก็มีความกังวล เพราะกองหน้าตัวเป้าระดับโลกขนาดนี้ คุณไม่สามารถหาตัวแทนได้ในชั่วข้ามคืน
คำถามคือ ทำไมเลวานดอฟสกี้ ถึงไม่อยากอยู่บาเยิร์นต่อ เขาอยู่กับทีมมาแล้ว 8 ปี จริงๆ อยู่ต่ออีกสัก 2 ปี ก็สามารถจัดเทสติโมเนียล แมตช์ได้แล้ว คือสามารถปิดฉากอย่างเป็นตำนานกับสโมสรไปได้เลย
แต่เลวานดอฟสกี้กลับตัดสินใจในทิศทางนี้ หักดิบกับทีมแบบไม่กลัวเสียน้ำใจกันเลย
แม้แต่ คาร์ล-ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้ ประธานสโมสรก็ไม่เข้าใจ เขากล่าวว่า "ผมนึกไม่ออกเลยว่าไปอยู่กับบาร์เซโลน่าแล้วคุณจะมีโอกาสชนะอะไรๆ มากกว่าที่บาเยิร์นหรือ? อะไรที่บาร์เซโลน่าจะให้คุณได้ตอนนี้ ผมคิดไม่ออกเลยนะ ด้วยความสัตย์จริง"
คำถามว่า "ทำไม" สื่อหลายสำนัก พยายามวิเคราะห์ออกมาในแง่มุมต่างๆ ผมรวบรวมเอาไว้เป็นข้อๆ ซึ่งก็มีแนวโน้มว่าเหตุผลก็จะเป็นตามนี้
---------------------------
1) ผู้บริหารไม่สามารถชักจูงใจเลวานดอฟสกี้ได้
สำนักข่าวแดร์ สปีเกล รายงานว่า ฮาซาน ซาลิฮามิดซิช ผู้อำนวยการกีฬาของสโมสร มักจะทำให้นักเตะรู้สึกไม่เป็นที่ต้องการอยู่บ่อยครั้ง อย่างก่อนหน้านี้ ดาวิด อลาบา เด็กปั้นจากอะคาเดมี่ของสโมสร ที่อยู่กับทีมมา 13 ปี ถูกสโมสรส่งเป็นตัวแถม ในการซื้อเลรอย ซาเน่ มาจากแมนฯ ซิตี้ (ซึ่งสุดท้าย อลาบาไม่ยอมย้าย ทำให้บาเยิร์นต้องจ่ายเป็นเงินสดเพียวๆ แทน)
อลาบาบอกว่า การกระทำแบบนี้เหมือนโดนตบหน้า สโมสรไม่ให้เกียรติเขาเลย ดังนั้นพอหมดสัญญาเลยย้ายไปเรอัล มาดริดแบบฟรีๆ ทั้งๆ ที่ฝีเท้าของเขาก็ยังเป็นระดับโลกอยู่
หรืออย่างกรณีของนิคลาส ซูเล่ กองหลังทีมชาติเยอรมัน ที่พอหมดสัญญาก็ย้ายไปดอร์ทมุนด์แบบฟรีๆ อีกคน โดยให้เหตุผลว่า เขารู้สึกไม่เป็นที่ต้องการของสโมสร
ในเคสของเลวานดอฟสกี้ก็เช่นกัน ราวๆ 2 เดือนก่อน หนังสือพิมพ์บิลด์ รายงานว่า ซาลิฮามิดซิช ไปนัดคุยกับเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ที่มิวนิคอย่างเป็นเรื่องเป็นราว เพื่อเตรียมเจรจาให้มาเป็นกองหน้าคนใหม่ของทีม ซึ่งจุดนี้เอง ทำให้เลวานดอฟสกี้ฉุนขาดเพราะเขาเองก็ยังอยู่ ยังสามารถเล่นได้อีกหลายปี และสถิติการยิงประตูก็ยังถล่มทลาย แต่สโมสรกลับเลือกไปทาบทามกองหน้ารุ่นน้องเตรียมพร้อมจะมาเสียบแทนซะอย่างนั้น
รวมถึงอีกหนึ่งประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกัน คือ บาเยิร์นไม่ยอมต่อสัญญาให้ผู้ช่วยโค้ช มิโรสลาฟ โคลเซ่ ทำให้สุดท้ายโคลเซ่อำลาสโมสรหลังจบฤดูกาล ซึ่งเลวานดอฟสกี้ กับ โคลเซ่ นั้นสนิทกันมาก ทั้งคู่คุยกันด้วยภาษาโปแลนด์ การที่โคลเซ่อำลาทีมไป มันก็เหมือนเขาเสียเพื่อนสนิทไป 1 คน เป็นบรรยากาศที่ชวนให้ไม่น่าอยู่ในทีมเพิ่มขึ้นเข้าไปอีก
---------------------------
2) เรื่องสัญญาที่เจรจากันไม่ลงตัว
เลวานดอฟสกี้ปัจจุบัน อายุ 33 ปี เขาจะหมดสัญญากับทีมในซัมเมอร์ปี 2023 แต่ ปินี่ ซาฮาวี่ เอเยนต์ของเลวานดอฟสกี้ขอต่อสัญญาเพิ่มอีก 2 ปี (ถึงซัมเมอร์ 2025) และขอเพิ่มค่าเหนื่อยเป็นสัปดาห์ละ 460,000 ยูโร
ตามธรรมเนียมของบาเยิร์นนั้น จะต่อสัญญานักเตะอายุเกิน 30 แค่ปีต่อปีเท่านั้น เป็นมาตรฐานเดียวกับมานูเอล นอยเออร์ และ โทมัส มุลเลอร์ ดังนั้นการจะมายื่นข้อเสนอที่เลวานดอฟสกี้ต้องการ ก็อาจทำให้ระบบการเงินของทีมเสียหมด
ฝั่งบาเยิร์นพยายามจะกดดันให้ เลวานดอฟสกี้ ต่อสัญญาให้ได้ รุมเมนิกเก้ ให้สัมภาษณ์ว่า "ตอนเขาย้ายมาอยู่กับเราในปี 2014 เราคิดเสมอ ว่าเขาไม่ได้มองบาเยิร์นเป็นแค่ก้อนหินที่จะเหยียบต่อไปยังสโมสรอย่างเรอัล มาดริด ในวันนี้โรเบิร์ตอายุ 33 แล้ว เขาไม่ใช่วัยรุ่นอีก แต่เขาก็ไม่มีปัญหาอะไร เขาเล่นดี ไม่เคยบาดเจ็บ ดูแลร่างกายยอดเยี่ยมมาก ผมว่าเขาเล่นได้ถึง 36-37 สบายๆ"
อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่เจรจาสัญญากันไม่ลงตัว โดยบาเยิร์น กับ ปินี่ ซาฮาวี่ เอเยนต์ของเลวาน เคยมีความขัดแย้งอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว ครั้งหนึ่งอูลี่ เฮอเนส อดีตผู้บริหารคนสำคัญของสโมสรเคยด่า ซาฮาวี่ว่า "ปิรันญ่าจอมโลภ" นั่นทำให้การเจรจาระหว่างสองฝ่ายยากขึ้นเข้าไปอีก
---------------------------
3) หมดความท้าทาย
นี่คือเหตุผล ที่เลวานดอฟสกี้ ให้กับซาลาฮามิดซิช นั่นคือ "ผมต้องการลองทำอะไรใหม่ๆ" เพราะเลวานดอฟสกี้ ได้ทุกแชมป์มาหมดแล้วที่บาเยิร์น
ตั้งแต่ย้ายมาบาเยิร์นฤดูกาลแรก 2014-15 จนถึงปัจจุบัน เลวานดอฟสกี้ ได้แชมป์บุนเดสลีกา "ทุกซีซั่น" ไม่เว้นแม้แต่ปีเดียว ได้แชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ, ฟีฟ่า คลับเวิลด์, เดเอฟเบ โพคาล
ดาวซัลโวของลีก 5 สมัยติดต่อกัน (รวมทั้งหมด 7 ครั้ง) รวมถึงสถิติยิงประตูสูงสุดตลอดกาลในซีซั่นเดียว แซงหน้าแกร์ด มุลเลอร์ คือเขากวาดมาแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง ดังนั้นจึงต้องการมูฟ ไปเล่นที่ลีกอื่นเสียที กับบทพิสูจน์ใหม่ๆ ในช่วงที่เขายังร่างกายไหวอยู่ อายุ 33-36 ช่วง 3 ปีนี้ เขาน่าจะยังพอยืนหยัดเล่นในลีกสูงสุดได้
ยิ่งการอยู่บาเยิร์น มา 8 ปี ทำทุกสิ่งทุกอย่างมาครบแล้ว ยังไปไม่ถึงบัลลงดอร์ บางทีการย้ายทีม อาจทำให้ความฝันบัลลงดอร์ของเขาเป็นจริงก็ได้ ใครจะรู้
ซึ่งรับฟังดู ก็เป็นเหตุผลที่เข้าใจได้ เมื่อคนต้องการหมดไฟแล้วกับที่ทำงานเดิม ก็ต้องย้ายไปที่ทำงานใหม่แค่นั้นเอง
---------------------------
4) รู้สึกเดียวดาย
เลวานดอฟสกี้ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในปี 2018 ว่า "ผมรู้สึกไม่ได้รับการปกป้องจากใครเลย กับสโมสรแห่งนี้ ผมรู้สึกโดดเดี่ยว โอเค ผมยิงประตูไม่ได้มา 2-3 เกมสำคัญ แต่ทันใดนั้น ทุกคนก็จะบอกว่า 'พุ่งเป้าเล่นงานเลวานดอฟสกี้มันเลยละกัน' ผมไม่เห็นว่าใครจะสนับสนุนผมจริงๆ ไม่มีใครปกป้องผม ผมไม่ได้รู้สึกดีที่บาเยิร์นในขณะนั้น และผมก็ไม่แน่ใจว่าสโมสรเหมาะกับผมจริงๆ หรือเปล่า"
"แต่สิ่งที่ผมรับรู้ได้ คือ แฟนบอลที่มิวนิคสนับสนุนผม ผมรับรู้ได้ว่าพวกเขาต้องการผม ดังนั้นผมจึงไม่เคยทำตัวมีปัญหา ไม่เคยงอแงกับสโมสร"
หลายคนเชื่อว่า เลวานดอฟสกี้ อาจมีความคิดอยากย้ายทีมในช่วงนั้น แต่จังหวะมันไม่ลงตัว เพราะเกิดโควิดพอดี จนทุกอย่างลากยาวมา 2-3 ปี แต่ ความรู้สึกโดดเดี่ยว ระหว่างตัวเขากับฝั่งผู้บริหาร ก็กัดกินในใจของเลวานมาโดยตลอด
ในเดือนเมษายน 2022 ตอนที่บาเยิร์นตกรอบแชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยการแพ้บียาร์เรอัล เลวานดอฟสกี้ ก็เป็นคนที่โดนเพ่งเล็งในการตำหนิ จนเขาถึงกับพูดขึ้นมา หลังเกมชนะดอร์ทมุนด์ในสัปดาห์ต่อมาว่า "สถานการณ์ทั้งหมดตอนนี้มันยากกับผมจริงๆ"
จากเหตุผลทั้งหมดที่สั่งสมกันในใจ ทำให้เลวานดอฟสกี้ กับบาเยิร์น มิวนิคไปต่อกันไม่ได้แล้ว แม้จะเหลือสัญญาร่วมกันอีก 1 ปีก็ตาม เขาแจ้งความจำนงกับซาลิฮามิดซิช ให้ขายเขาไปเถอะ อย่างน้อยบาเยิร์นจะได้เงินก้อนบ้าง จบกันตรงนี้สวยๆ ดีกว่า
แต่เฮอร์เบิร์ต ไฮเนอร์ ผู้บริหารของบาเยิร์นกล่าวว่า "โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ มีสัญญากับบาเยิร์น ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2023 และเขาต้องเคารพสัญญาที่เซ็นไว้" กล่าวคือเลวานดอฟสกี้จะยังไงไม่รู้ แต่ถ้าสโมสรไม่ปล่อย เขาจะไปทำอะไรได้
นั่นคือเหตุผล ที่ทำให้เลวานดอฟสกี้ ออกมาพูดตรงๆ ตอนแถลงข่าวกับทีมชาติโปแลนด์ว่า "เรื่องราวของผมกับบาเยิร์น มิวนิค มันจบลงแล้ว ผมไม่สามารถจินตนาการถึงการร่วมงานกันได้อีกแล้ว และความจริงบาเยิร์นเป็นสโมสรที่เป็นมืออาชีพมาก ผมหวังว่าพวกเขาจะไม่รั้งผมไว้ เพียงแค่อยากจะรั้งหรอกนะ"
คำกล่าวของเลวานดอฟสกี้คือ แม้สัญญาจะเหลืออยู่ แต่เขารับใช้สโมสรมานานขนาดนี้ โดยไม่เคยสร้างปัญหา ดังนั้นเมื่อถึงเวลาที่เขาอยากย้าย ทีมก็ควรปล่อยไปแต่โดยดี
ในเรื่องนี้ ก็มีความเห็นแบ่งเป็นสองฝ่ายเหมือนกัน ฝ่ายแรกก็บอกว่า เลวานดอฟสกี้ ไม่ควรออกมาพูดแบบนี้เลย มันทำให้เขาเสียสเตตัสการเป็นตำนานของบาเยิร์นไปอย่างน่าเสียดาย จากคนที่แฟนบอลรักมาก กลายเป็นนักเตะที่เหมือนจะอยากหนีทีมไปให้พ้นๆ
บางคนแนะนำว่าสโมสรควรดัดนิสัยให้เข็ด ไม่ปล่อยขายซะเลย เก็บไว้ใช้อีก 1 ปี ตามสัญญาที่เซ็นกันไว้ ทำให้เห็นว่า นักเตะจะมาข่มขู่ทีมแบบนี้ไม่ได้
แต่อีกกระแสหนึ่งก็เห็นควรว่า บาเยิร์น ก็น่าจะปล่อยเลวานดอฟสกี้ได้แล้ว เพราะนักเตะก็หมดไฟกับบุนเดสลีกาแล้ว แถมที่ผ่านมา เลวานดอฟสกี้ก็ตั้งใจเกินร้อยมาตลอดด้วย น่าจะตอบแทนความภักดีกันหน่อย
ฆาบี มาร์ติเนซ กองกลางชาวสเปน ที่เคยร่วมงานกับเลวานช่วงหนึ่งเล่าว่า "เขาเป็นมืออาชีพอย่างที่สุด เท่าที่คุณจะนึกถึง หลังจบรูทีนการซ้อมกับทีม เขาจะกลับไปซ้อมต่อที่บ้าน แถมยังเคร่งครัดมากๆ เรื่องอาหารการกินอีกต่างหาก ครั้งหนึ่งผมพยายามล่อเขาให้มากินคุกกี้ 1 ชิ้น แต่ผมทำไม่สำเร็จ เพราะเขาซีเรียสมากเรื่องอาหาร และเรื่องการดูแลสภาพร่างกายของตัวเอง"
ดังนั้นบทสรุปของเรื่องนี้ ก็อยู่ที่ผู้บริหารบาเยิร์นนั่นแหละ ว่าจะเอายังไง จะหาตัวแทน มาเสียบในช่องว่างของเลวานดอฟสกี้ได้ไหม ถ้าหาไม่ได้ ก็เป็นสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะให้เลวานดอฟสกี้อยู่กับทีมจนครบสัญญา
อย่างไรก็ตาม การที่ตัวนักเตะเปิดหน้าบอกกันชัดๆ แบบนี้มาแล้วว่า "ไม่อยากอยู่" บาเยิร์น ก็มีศักดิ์ศรีมากพอ ที่จะปล่อยคนหมดใจออกจากทีม เพราะสปิริตในทีมย่อมสำคัญกว่านักเตะคนเดียวอยู่แล้ว
ดังนั้น ถ้าให้ผมวิเคราะห์ส่วนตัวคือ เลวานดอฟสกี้ไปแน่นอน ทีมอย่างบาเยิร์น แข็งแกร่งเกินกว่านั้น พวกเขาไม่ต้องพึ่งพาเลวานดอฟสกี้ก็เป็นแชมป์บุนเดสลีกาได้ แล้วจริงๆ เงินในกระเป๋าก็มี ไปหาซื้อตัวตายตัวแทน ก็คงไม่ได้ถึงกับหาไม่ได้ขนาดนั้น
คำถามคือ แล้วเลวานจะไปไหน? เต็ง 1 แบบนอนมา (แทง 3 ได้ 1) คือ บาร์เซโลน่า
ส่วนอันดับ 2 ที่ตามมาห่างๆ คือ เชลซี (แทง 1 ได้ 10) เพราะมีข่าวว่าอาจเอามาเสียบแทนลูกากู และอันดับ 3 ที่ตามมาห่างกว่าอีก (แทง 1 ได้ 14) คือ ลิเวอร์พูล ตามข่าวว่าจะ Swap แลกตัวกับซาดิโอ มาเน่ แต่ดูจากราคาต่อรองแล้ว โมเมนตั้ม ก็น่าจะไปบาร์เซโลน่านั่นแหละ
สุดท้ายแล้ว จริงๆ ในวงการฟุตบอลก็แบบนี้ แม้จะมีสัญญาค้ำอยู่ แต่สิ่งที่เหนือกว่าสัญญาคือความรู้สึก เมื่อไหร่ก็ตาม ที่หมด Passion ใจไม่อยู่อีกแล้ว แต่ให้นักเตะมีสัญญาเหลือ แต่ก็ไม่ได้มีความหมายขนาดนั้น
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ถ้าคนไม่มีใจ ต่อให้รั้งไว้ ก็ได้แค่คนหมดใจมาหนึ่งคน แค่นั้นจริงๆ
#LEWANDOWSKIOUT
- 8
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
