1 มิ.ย. 2022 เวลา 08:39 • การศึกษา
Aircraft Performance : สมรรถนะของอากาศยาน ตอนที่ 1
“เคยสงสัยกันมั้ย....
ทำไมผู้โดยสารอย่างเราถึงถูกจำกัดน้ำหนักสัมภาระที่ต้องการนำไปด้วย”
ในช่วงนี้ เชื่อว่าหลายๆคนกำลังเตรียมหาเที่ยวบิน เพื่อการพักผ่อน ท่องเที่ยว เดินทางไปต่างประเทศ หลังจากที่ห่างหายจากการบินมาหลายปี จากช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019
วันนี้ขอเล่าเรื่องข้อจำกัดของการน้ำหนักสัมภาระต่างๆที่เราจะต้องใช้เป็นข้อมูลประกอบในการวางแผนการบิน และตอบคำถามเพื่อไขข้อข้องใจว่า
ทำไมถึงต้องมีข้อจำกัดเรื่องนี้ด้วย ในเมื่อเครื่องบินก็ลำใหญ่มากๆ
ทำไมถึงมีเงื่อนไขในเรื่องสัมภาระอยู่พอสมควรเลย โดยน้ำหนักที่ผู้โดยสารขนไปด้วยมีความสำคัญต่อเที่ยวบินนั้นอย่างไร
มาดูกัน....
อากาศยานที่นำมาให้บริการเชิงพานิชย์ในปัจจุบัน จะมีสมรรถนะบรรทุกผู้โดยสารพร้อมพัสดุภัณฑ์ (Payload) ได้เต็มพิกัดและบินได้ระยะทางไกลระหว่างจุดบินขึ้นและบินลงหรือพิสัยบิน (Range) ตามที่ระบุมาจากโรงงานผลิตอากาศยาน โดยอากาศยานทุกลำไม่สามารถแบกรับน้ำหนักโดยรวมขณะเคลื่อนตัวบนทางขับ (Taxi) ก่อนบินขึ้นเกินกว่าพิกัดตามที่ออกแบบไว้ได้ หรือที่เรียกว่า Maximum Designed Take-off Weight
ตามมาตรฐานการสร้างอากาศยานที่จะได้รับอนุญาติให้นำมาใช้ในเชิงพานิชย์นั้นจะต้องระบุรายละเอียดน้ำหนักส่วนต่างๆ ที่สะสมอยู่บนอากาศยาน จะถูกระบุอยู่ในแผนแบบของอากาศยาน หรือที่เราเรียกกันว่า Aircraft Specification
ทั้งน้ำหนักของตัวอากาศยาน ขนาดแรงขับของเครื่องยนต์ ความเร็วสูงสุดในการบิน พิสัยบิน ฯลฯ
และเมื่อนำน้ำหนักบรรทุกและพิสัยบิน (Payload – Range) มาพิจารณาร่วมกัน เราจะได้ภาพสมรรถนะของอากาศยานในรูปแบบ Payload – Range Diagram
หากเรานึกง่ายๆว่า อากาศยานก็คือ แผ่นโลหะที่ถูกตัดเป็นชิ้นๆแล้วนำมาประกอบให้เข้ากันเป็นลำตัวของอากาศยาน จึงทำให้เกิดน้ำหนักของอากาศยาน ดังนั้นน้ำหนักโครงสร้างอากาศยานเพิ่มขึ้นตามลำดับจนเป็นลำตัวอากาศยานที่สมบูรณ์ (อากาศยานในสายการประกอบจุดสุดท้าย)
โดยผู้ผลิตกำหนดไว้เป็นข้อมูลเฉพาะทางเทคนิคพื้นฐาน Basic Aircraft Specification เริ่มตั้งแต่น้ำหนักโครงสร้างของอากาศยาน จนถึงน้ำหนักบินขึ้นสูงสุดตามแบบ ซึ่งต้องได้การรับรองแบบอย่างเป็นทางการ (Type Certificate) น้ำหนักเหล่านี้ย่อมมีผลกระทบต่อน้ำหนักบรรทุก (Payload) และพิสัยบิน (Range) ของอากาศยาน
โดยในแต่ละประเทศก็จะมีการอนุญาตให้ซื้อหรือเช่าซื้ออากาศยานเข้ามาเพื่อการดำเนินการในรูปแบบต่างๆได้ แต่จะต้องมีการแจ้งกับสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เพื่อทำการขออนุญาตนำเข้าอากาศยาน พร้อมทั้งระบุวัตถุประสงค์ในการนำเข้าว่าต้องการนำเข้ามาเพื่ออะไร เมื่อสามารถระบุวัตถุประสงค์ของการนำเข้าเรียบร้อยแล้ว
อากาศยานทุกลำจะทำการบินได้ก็จำเป็นจะต้องได้รับอนุญาติพร้อมกับเอกสารดังนี้
1. Certificate of airworthiness (C of A) : ใบสมควรการเดินอากาศ เป็นเอกสารที่รับรองว่าอากาศนั้นสามารถเดินอากาศได้ปลอดภัย
2. Certificate of registration (C of R) : เอกสารที่ระบุถึงทะเบียนของอากาศยาน
3. Communication radio license : ใบอนุญาตการใช้เครื่องมือสื่อสารประจำอากาศยาน
อย่าลืมรอติดตามตอนต่อไปกันนะ🙏🏻
#เด็กการบิน
โฆษณา