2 มิ.ย. 2022 เวลา 13:59 • ข่าวรอบโลก
หลังม่านเหล็ก: ครบรอบ 77 ปียุคนิวเคลียร์: ทำไมปูตินต้องขู่ทำสงครามนิวเคลียร์ในการรบขนาดเล็กที่ยูเครน EP. 5
อาวุธทำลายล้างมหาประลัยที่ปูตินและแซร์ไก ลาฟลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียขู่ว่าพร้อมใช้ในการรบกับมหาอำนาจตะวันตก
สงครามรัสเซีย-ยูเครนมาถึงวันที่ 100 แล้วและอีกเพียง 2 เดือนระเบิดปรมาณูก็จะมีอายุครบ 77 ปีในวันที่ 6 และ 9 เดือนสิงหาคม 2022
ปัจจุบันก็ยังมีผู้หวาดกลัวเชื่อว่าสงครามในยูเครนอาจกลายเป็นเบี้ยหรือชนวนที่นำไปสู่สงครามนิวเคลียร์ครั้งใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม หรือสงครามโลกครั้งที่สาม…
และวันนี้ 1 มิถุนายนรัสเซียก็ขู่ซ้อมรบอาวุธนิวเคลียร์ตอบโต้สหรัฐที่จัดส่งอาวุธหนักจรวด Harpoon ยิงจากชายฝั่งถึงเรือให้ยูเครนทั้งๆที่แต่ก่อนบอกว่าจะไม่ส่งจรวดพิสัยไกลที่ยิงถึงรัสเซียให้
แต่ทั้งนี้ทุกคนที่ขู่เขื่องเรื่องนิวเคลียร์ยังไม่มีใครได้เกิดหรืออุแว้เลยเมื่อสหรัฐทิ้งระเบิดลงที่ญี่ปุ่นสองลูกซ้อน ในปี พ.ศ. 2488 และไม่เคยลิ้มรสปรมาณูเลยว่าเป็นอย่างไร จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นคำขู่สวยๆเสียมากกว่า
ทั้งนี้ทั้งนั้นปูตินเพียงต้องการคุม ยูเครน ( ซึ่งเคยมีหัวรบนิวเคลียร์ ถึง 3000 ลูก เป็นอันดับสามตามหลังรัสเซียและสหรัฐ ) ตั้งแต่ครั้งยูเครนแยกตัวเป็นอิสระในปี 1991 แล้ว (แต่ได้ปลดประจำการคืนอาวุธให้รัสเซียหมดแล้วเหลือแต่เตาไฟฟ้าปฏิกรณ์ปรมาณู ซึ่งพังไปโรงหนึ่งคือ เชอร์โนบิล แต่ยังสามารถเอากากของเสียนิวเคลียร์มาทำระเบิดพลูโตเนียมได้)
อะไรคืออาวุธนิวเคลียร์ที่ผ่านมาเกือบ 80 ปีแล้ว ที่รัสเซียพูดถึง?
ก่อนอื่นที่เราจะไขปริศนาการทำสงครามนิวเคลียร์ในยูเครนในศตวรรษที่ 21 ว่าไปต่อได้ไหม ต้องทำความเข้าใจกับประธานาธิบดีไบเดนของสหรัฐก่อน…
ข้อที่หนึ่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาควรจะตระหนักว่า รัสเซีย ไม่หมูสมันสเปอร์บันเหมือนสมัย กอร์บาชอฟ แล้ว
1. รัสเซียสมัยปูตินอดีตสายลับเคจีบี เคยเผชิญกับช่วงสงครามเย็นที่รัสเซียรุ่งโรจน์แต่กลับล่มสลาย ช่วงกอร์บาชอฟและต้องการกลับมาใหญ่ใหม่หลังจากหลบหนีหัวซุกหัวซุนออกจากเบอร์ลินเมื่อกำแพงเบอร์ลินถล่ม และรัสเซียล่มสลาย ตรงกันข้ามกับกอร์บาชอฟ หรือเยลท์ซิ่นที่ใฝ่สันติทหารของปูตินเพิ่งสังหารหมู่ พลเมืองเมืองบูชาไป 400 กว่าคน …และรัฐบาลรัสเซียกลับปฏิเสธอย่างหน้าตาเฉย…
2. ไม่ว่าจะเป็นการยิงจ่อหัวสังหารหมู่มาเป็นเวลาหลายปีดีดักของรัสเซียหรือเป็นการยิงถล่มเมืองสังหารพลเมืองอย่างไร้ซึ่งความปราณีและกฎเกณฑ์การทำสงคราม หรือแม้กระทั่งการทำสงครามแบบแผ่นดินเดือดที่รัสเซียเองก็เคยตายมาเป็นล้านๆคนตั้งแต่ยุคทำการรบเยอรมันและที่สตาลินกราดในสงครามโลกครั้งที่สอง รัสเซียก็ทำมาแล้วทั้งนั้น…
3. เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธ์แบบเก่า (เหมือนกับที่มองโกลเคยตัดหัวคนรัสเซียทั้งเมืองเพราะต่อต้าน ) ที่เป็นการเตือนว่ารัสเซียจะไม่ทนและไม่ทำตามตะวันตกอีกแล้ว และ ความสัมพันธ์กับโลกตะวันตกจะเปลี่ยนไปอย่างไม่อาจเรียกคืนมาได้ โดยจะเริ่มทำสงครามร้อนและเย็นกันใหม่
ข้อที่สองอเมริกาต้องยอมรับว่าปูตินเชื่ออย่างจริงจังว่ารัสเซียต้องกลับมายิ่งใหญ่กว่าสหรัฐพลิกประวัติศาสตร์การเป็นผู้นำโลกใหม่ทัดเทียม สหรัฐ ยุโรป และจีน
ยิ่งใหญ่กว่าสหรัฐอย่างไร?
รัสเซีย
1. มีระเบิดไฮโดรเจนที่ใหญ่ที่สุดในโลก เรียกว่า ระเบิดพระเจ้าซาร์ หรือ “ซาร์บอมบ์ “ ( ประดิษฐ์ในปี พ.ศ. 2504 หรือ 1961 โดย อังไดร ซาร์การอฟ บิดาแห่งระเบิดไฮโดรเจนของรัสเซีย ส่วนบิดาของระเบิดไฮโดรเจน เอ็ดเวิร์ด เทเลอร์ เป็นชาวฮังกาเรี่ยนที่ครอบครัวอพยพมาสหรัฐ ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง )
ระเบิดพระเจ้าซาร์ของอังไดร ซาการ์รอฟที่ทดสอบในปี 2504 เมื่อเทียบกับ Castle Bravo ของสหรัฐซึ่งประดิษฐ์โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ของเอ็ดเวิร์ดเทเลอร์บิดาแห่งระเบิดไฮโดรเจน ก่อนหน้านั้นและเมื่อเทียบกับ ฮิโรชิมาและนางาซากิในปี 2488 ของ เจ โรเบิร์ต ออปเป็นไฮม์เมอร์ บิดาแห่งระเบิดปรมาณู ทั้งรัสเซียและอเมริกาสามารถผลิตระเบิดได้สองเท่าของซาร์บอมบ์
2. เมื่อเร็วๆนี้ทดลองยิงขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ซุปเปอร์อาวุธของรัสเซียชื่อ “สามารถ”( Sarmat ) สามารถบรรจุหัวรบนิวเคลียร์ได้มากกว่า 10 หัวรบต่อลำเป็นขีปนาวุธข้ามทวีป ICBM ที่ซ่อนอยู่ที่เมือง คราสโนยาสก์ ในไซบีเรีย ใส่ไว้ในไซโล ขีปนาวุธ โวเยโวดาแบบเก่าซึ่งจะปลดประจำการทั้งหมด
ขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ สามารถ หรือ Sarmat ตั้งอยู่บนแท่นยิงเคลื่อนที่ออกโชว์ในงานสวนสนามที่จตุรัสแดง
โดยมีคลังแสงหัวรบนิวเคลียร์ 5,977 ในปี 2022 แต่ปลดประจำการ ไป1,500 ลูก เหลือในคลังแสงอีก 4,477 ลูก (ลดจาก 45,000 หัวรบในปี 1986 ) และประจำการ 1456 ลูก นอกจากนี้ ยังสามารถยิงขีปนาวุธ เซอร์คอน จากเรือดำน้ำ ชั้น เซเวรอดวินสกะ ( Severodvinsk) ชึ่งตั้งตามชื่อเมืองสำคัญที่รบกันอยู่ใกล้ทะเลดำที่ดอนบาส
3. ส่วนสหรัฐมี ในคลังแสง 5,428 หัวรบลดลงจาก 7,300 หัวรบ ที่เป็นยอดสูงสุดในปี 1973 ( 2516 ) ปัจจุบันประจำการ เพียง1,644 หัวรบเกือบทั้งหมดของสหรัฐ เป็นระเบิดไฮโดรเจน ซึ่งกลับเพิ่มสมรรถนะการทำลายล้างมากกว่าเดิม
4. ถึงแม้สหรัฐดูจะมีสมรรถนะนิวเคลียร์มากกว่าอย่างไรก็ตามรัสเซียยังมีคอหนังพันธมิตรคือจีน ( มี 350 หัวรบ ) สหายศึกที่มีกองทัพใหญ่ที่สุดในโลกด้วยนโยบายลูก(ชาย)คนเดียวซึ่งเป็นทหารหมด ทำการข่มขู่ไต้หวันและอาเซียนในทะเลจีนใต้ ส่วนทางแปซิฟิคนั้นเล่าเกาหลีเหนือก็มีระเบิดนิวเคลียร์เองแล้ว ( 45 หัวรบ )
ระเบิดปรมาณูที่เกาหลีเหนือเคลมว่ามีสมรรถนะทำลายล้างมากกว่าฮิโรชิมาเกือบ 10 เท่า
5. ยิ่งกว่านั้นจีนซึ่งอุปถัมป์เกาหลีเหนือยังผลิต ขีปนาวุธเร็วที่สุดในโลกคือเร็วกว่าเสียง 5 เท่า หรือ 6,200 กม / 3,850 ไมล์ ต่อชม ( Hypersonic ) DF-17 หรือ ตงฟง 17 และกำลังผลิตขีปนาวุธเร็วกว่าเสียง 8 เท่าสำเร็จซึ่งจะล้ำหน้าสหรัฐในตอนนี้เสียอีกที่กว่าจะผลิตได้ต้องหลังปี 2025 ( สหรัฐปัจจุบันอ้างว่าได้ทดสอบยิงภาคพื้นดินจากแคลิฟอร์เนียไปยังมหาสมุทรแปซิฟิคด้วยความเร็วเหนือเสียง5 เท่าได้แล้ว)
ตงฟง 17 เร็วกว่าเสียง 5-10 เท่าติดหัวรบนิวเคลียร์และยิงในระยะไกล 2,500 กิโลตั้งบนฐานยิงเคลื่อนที่ Hyper Glide Vehicle
6. นอกจากนั้น สงครามนิวเคลียร์อาจลุกลามเป็น Starwar ที่จีนสามารถส่งขีปนาวุธ Hyper Glide Missiles และดาวเทียมขึ้นไปสอยดาวเทียมโลกเสรีเป็นการตัดวงจรการยิงขีปนาวุธสหรัฐได้ และเคยส่งดาวเทียมชนกับดาวเทียมสหรัฐมาแล้ว…และกำลังคิดวิธีจัดการ Starlink ของ Space X ของอีลอน มัสก์ โดยส่งสัญญาณไมโครเวฟขึ้นไปรบกวน
Starlink ของ Space X ของ Elon Musk จุดเริ่มต้นสงครามสตาร์วอร์ที่จีนกำลังเฝ้าดู
7. ส่วนอินเดียถึงแม้จะมีขีปนาวุธหัวรบนิวเคลียร์อัคนี 4 ( มี 160หัวรบ) แต่ก็มีปากีสถานเป็นสหายศึกของจีนคุมอยู่หลังบ้าน ซึ่งก็มีขีปนาวุธหัวรบนิวเคลียร์เหมือนกัน ( 165 หัวรบ )
อัคนี 4 ของอินเดียติดหัวรบนิวเคลียร์ แต่ใช้เป็นอาวุธยุทธวิธีเท่านั้น
8. ส่วนสหรัฐจะมีคนช่วยรบหรือไม่ก็ยังไม่แน่ ( อิสราเอลมี 90 หัวรบ ซึ่งอาจได้จากสหรัฐ ) โดยเฉพาะถ้าเป็นสงครามนิวเคลียร์เพราะสหภาพยุโรปเสียงแตก และขณะนี้สหรัฐเป็นประเทศเดียวที่สามารถมีขีปนาวุธและอาวุธนิวเคลียร์อยู่นอกประเทศได้
และสหรัฐก็เป็นเพียงประเทศเดียวที่หลบเลี่ยงสนธิสัญญาจำกัดหัวรบนิวเคลียร์ขนมาเสริมเขี้ยวเล็บกองทัพนาโต้ได้อีกอย่างน้อย 480 หัวรบซึ่งกระจายไปฝังตัวในประเทศสหภาพยุโรปหลายประเทศ {เช่นเบลเยี่ยมเมืองหลวงยุโรปที่ตั้งนาโต้ก็ได้รับแจกจากสหรัฐไป 15 หัวรบ ( ไม่นับรวมฝรั่งเศสของตัวเอง 290 และอังกฤษของตัวเองอีก 225 ) } ซึ่งถ้าสหรัฐบีบให้นาโต้รับยูเครนสหรัฐสามารถแจกหัวรบนิวเคลียร์ให้ยูเครนได้อีกหลายลูก !!!!
9. นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมปูตินต้องตียูเครนอย่างไม่ต้องถามและไม่กลัวเกรงการตอบโต้จากสหรัฐหรือใครก็ตาม เพราะรัสเซียไม่อาจยอมให้ยูเครนมีอาวุธทำลายล้างติดพรมแดนของตนทางใต้ได้
และในที่สุดอาจต้องมีรัฐกันชนแนวหน้ามาช่วยระวังหน้า และมีพันธมิตรรัสเซียช่วยระวังหลังเพื่อสร้างสมดุลย์ทางนิวเคลียร์เพราะรัสเซียมีอาวุธนิวเคลียร์ของสหายศึกอยู่ทั่วเอเชียและอินโดแปซิฟิค!
10. ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ใหญ่ในการรบเล็กๆที่ยูเครนจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ง่าย เพราะหลายๆประเทศคงมองไม่เห็นว่าทำไมต้องเปลืองตัวเอาคนประเทศตนมาเสี่ยงตายกันมากมาย กับยูเครนและไม่คุ้ม
แล้วอาวุธนิวเคลียร์ร้ายแรงแค่ไหน? เรารู้อะไรบ้างจากการระเบิดมาสองครั้ง?
หัวรบนิวเคลียร์สามแบบ จากซ้าย 1. ระเบิดยูเรเนียม 235 ใช้ปืนขนาด 6 เมตรยิงอตอมยูเรเนียมให้แตกกระจาย ( Fission ) เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อเนื่อง ทวีคูณจาก 2%เป็น 4%, 8%, 16% จนถึง 81%…ซึ่งกระจายพลังปรมาณูตามสูตร E= Mc^2 ของไอน์สไตน์ ถล่มฮิโรชิมา 2. ระเบิดพลูโตเนียม 239 ใช้ระเบิดรูปทรงป้อมให้เกิดระเบิดข้างในให้อตอมแตกตัว ถล่มนางาซากิ และ 3. ระเบิดไฮโดรเจน เป็นระเบิดมหาประลัยพลังงานดวงอาทิตย์(Fusion)
1. ประเมินว่าอย่างน้อยคน 90,000- 166,000 คนตายที่ฮิโรชิมา ( ตายทันทีอย่างน้อย 45,000 คน และอีกมากกว่า 25,000 คนในวันต่อๆมา และตายเพราะกัมมันตภาพรังสี ซึ่งมี การสลายตัว ครึ่งชีวิต ( Half Life ) ในอีก 29 วันต่อมารวมแล้วเกือบสองแสนคนจากประชากรสองแสนห้า) และที่นางาซากิอีกอย่างน้อย 60,000-80,000 คนตายเพราะคลื่นความร้อนและแก๊สอัดความร้อนสูงทำลายเป็นบริเวณกว้างมากกว่า 15 ตารางกิโลเมตร
2. นางาซากิ มีประชากรน้อยกว่าที่ฮิโรชิมาคือ 174,000 คน vs 255,000 คน ประเมินว่า มากกว่า22,000 คน ตายทันที และอีกหลายเดือนต่อมา ตายอีกอย่างน้อย 17,000 คน ในรัศมี 1.5 กิโลเมตร ทุกอย่างถูกทำลายหมด
3. การระเบิดที่ฮิโรชิมา ชื่อ Little Boy ใช้ยูเรเนียม235 ไปเพียง 2% ของปฏิกิริยาลูกโซ่ยูเรเนียมเท่านั้นซึ่งได้แรงระเบิดเพียง 16 กิโลตัน หรือ 16,000 ตันของทีเอ็นที
4. และที่นางาซากิมีเพียง 4% ของปฏิกิริยาลูกโซ่ของพลูโตเนียม239 (ระเบิดพลูโตเนียมเป็นระเบิดลูกแรกที่ทดลองมีชื่อว่า ทรีนิตี้ ( Trinity ) ที่ เมือง อลาโมกอร์โด รัฐนิวเม็กซิโก มีแรงระเบิด 21 กิโลตัน) โดยลูกที่นางาซากิชื่อ Fat Man หนักเพียง 6.2 กิโลกรัม ให้แรงระเบิดเท่ากับ 25 กิโลตัน หรือ 25,000 ตันของทีเอ็นที ระเบิดพลูโตเนียมเป็นระเบิดขนาดเล็กแบบพกพาใส่เป้ได้แต่มีอานุภาพร้ายกาจ
4. ผู้คนยังเป็นมะเร็งตายอีกหลายปีหลังจากนั้นเพราะกัมมันตภาพรังสีเพราะทั้งสองลูกถูกจุดระเบิด 600 เมตรเหนือพื้นดินที่ Ground Zero ที่ฮิโรชิมาโดนกัมมันตภาพรังสีตายอย่างน้อย 78,500 คน ที่นางาซากิ ตายอีกไม่ต่ำกว่า 58,000คน หลังระเบิดมีฝนสีดำตกลงมาจากเศษทรากกัมมันตภาพรังสี
5. แต่ถ้ารบกันด้วยอาวุธระเบิดไฮโดรเจน ระเบิดจะมีอานุภาพเป็นอย่างน้อย 3000 เท่าของฮิโรชิมา!!!( โซเวียตได้ทดลองระเบิดพระเจ้าซาร์ ซึ่งใหญ่ที่สุดในโลกขณะนั้น ปี 1961 ได้แรงระเบิด 50 เมกะตัน หรือ 50ล้าน ทีเอ็นที! )ในทางทฤษฎีทั้งสหรัฐและรัสเซียสามารถผลิตระเบิดได้ถึงลูกละ 100 เมกะตัน!!! ) และเศษฝุ่นกัมมันตภาพรังสีทะยานตัวสูงกว่า 50 ไมล์ ถึงชั้นสตาโตสเฟียร์! กระจายไปทั่วทวีปก็จะปนเปื้อนไปทั่วโลก
6. ระเบิดปรมาณูได้มีการทดลองมาแล้วบนโลกนี้ไม่น้อยกว่า 1769 ครั้ง( รวมของสหรัฐ 1054 และรัสเซีย 715 นับถึง ปี 2506 ไม่นับการทดลองของอินเดีย ปากีสถาน และเกาหลีใต้ ) ในการทดลองแรงระเบิดจะอยู่ที่เฉลี่ยครั้งละ600,000 ตัน ของทีเอ็นที หรือ 40 เท่าของฮิโรชิมาเท่านั้น…!
7. การตอบโต้กันไปมาคงจะถูกยกระดับในรูปของจำนวนและระดับอาวุธและเทคโนโลยี่ หายนะจะมาเยือนเราท่านทั้งหลายผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะโนเน่…กันแน่นอน…ถ้าอเมริกาและรัสเซียไม่แก้ไขและยุติปัญหายูเครนหรือควบคุมไม่ให้บานปลาย หรืออับจนปัญญาเสียจนต้องมีการใช้ระเบิดปรมาณูมาตัดสินปัญหา
ก็คงต้องดูกันต่อไป ว่าทั้งสองฝ่ายจะใช้ยูเครนเป็นเบี้ยเดินหมากสร้างสงครามแห่งความหายนะความอดหยากความยากจนและโรคภัยไข้เจ็บต่อไปอีกนานสักเท่าไร?
หรือใครจะปล่อยอาวุธเคมีหรืออาวุธเชื้อโรคมาฆ่ากันในช่วงต่อเวลาพักยกกับคู่ชกและใครจะรวยจากขายยาหรือวัคซีนที่ต้านโรคกำเนิดใหม่ หรือขายอาวุธท่ามกลางกองศพที่พะเนินอยู่เป็นหลายล้านศพนับตั้งแต่สงครามโลกสองครั้งและครั้งสุดท้ายที่ใช้อาวุธปรมาณูประหัตประหารกัน…และอาจจะมีอีกหลายพันหลายหมื่นหลายแสนศพจากนี้ไปถ้าหาทางออกไม่เจอ
ในที่สุดคาดว่าเราท่านจะเห็นการติดอาวุธนิวเคลียร์ใหม่ใหญ่และหนักกว่าเดิมเกทับบลั้ฟแหลกอันเป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย Deterrence และสงครามเย็นใหม่ ซึ่งจำนวนคลังแสงจะเพิ่มกันทุกประเทศ ป้องกันไม่ให้ทำสงครามล้างโลกครั้งที่สามกันอีกครั้งหนึ่งจากทั้งสองฝ่าย
และสหภาพยุโรปซึ่งเสียงแตกในที่สุดอาจต้องแตกออกเป็นยุโรปตะวันตก ยุโรปกลาง และยุโรปตะวันออก กลายเป็นรัฐกันชน ระหว่างรัสเซียกับสหรัฐอเมริกาแทนยูเครน ในที่สุด…
ดังนั้นยูเครนและชาวยูเครนทั้งประเทศจะถูกจับเป็นตัวประกัน เป็นเวียดนามแห่งที่สอง จนกว่าจะแพ้กันไปข้างหนึ่ง และยังไม่ทราบว่าใครจะเป็นผู้ชนะ…
ขอตบท้ายด้วยคำคมกึ่งคำทำนายอย่างเคยว่า:-
“สงครามโลกครั้งที่หนึ่งเริ่มต้นด้วยปืนใหญ่ จบลงด้วยรถถัง
สงครามโลกครั้งที่สองเริ่มด้วยรถถังจบลงด้วยระเบิดปรมาณู
สงครามโลกครั้งที่สามจะเริ่มด้วยขีปนาวุธ และระเบิดปรมาณู จบลงด้วยอะไร?…ยังไม่มีใครรู้”…
( นิรนาม )
ระเบิดไฮโดรเจนอาจเป็นจุดเริ่มต้นมิคสัญญีและจุดจบของมนุษยชาติ
ขอขอบคุณ
โฆษณา