#ยูเครนยื้อสุดฤทธิ์ ขอตีคืนSeverodonetsk
#รัสเซียเล็งถล่มโรงงานเคมีในยูเครน
#อาชญากรรมทางสิ่งแวดล้อมที่ได้ไม่คุ้มเสีย
หลังจากเข้าสู่วันที่ 100 ปฏิบัติการยูเครนของกองทัพรัสเซีย ไฮไลท์ของวันนี้ยังอยู่ที่เมืองซีวีโรโดเนสค์ ทางดินแดนตะวันออกของยูเครน เขตที่กองทัพรัสเซีย พร้อมกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในแคว้นดองบาสยังครองพื้นที่ส่วนใหญได้อยู่ เหลือเพียงเมืองอุตสาหกรรม ซีวีโรโดเนสค์ ที่กองกำลังยูเครนขอสู้สุดใจ ไม่ยอมถอยให้รัสเซียง่ายๆ
และกองทัพรัสเซียก็เลยจัดหนัก ถล่มกันแบบไม่ปรานี ปราศรัย เป็นสมรภูมิที่สู้กันอย่างดุเดือดตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา จนกระทั่งวันนี้ กองกำลังยูเครนสามารถผลักดันทหารรัสเซียออกพื้นที่ไปได้บางส่วน ซึ่งผู้ว่าการแคว้นลูฮันส์ค ประเมินว่ากองทัพยูเครนสามารถยึดคืนพื้นที่ในเมืองซีวีโรโดเนสค์จากกองทัพรัสเซียมาได้ 20%
แม้จะได้คืนมาไม่มาก แต่สำหรับยูเครน เขาถือว่าเป็น 20% ที่มีความหมาย หากถือเอาฤกษ์ครบ 100 วันที่รัสเซียบุกยูเครนพอดี ทางรัฐบาลยูเครนก็เลยถือโอกาสนี้ประกาศชัยชนะเหนือกองทัพรัสเซียในวันที่ 100 ซะเลย🙂
แต่สถานการณ์ในเมืองซีวีโรโดเนสค์ก็ยังไม่อยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยที่จะมาจัดงานฉลองชัยชนะ ตามใจรัฐบาลกรุงเคียฟได้ เพราะมีปืนใหญ่รัสเซียล้อมจ่ออยู่ทุกทิศทาง และฝูงบินโจมตีทางอากาศที่ไม่รู้จะมาเมื่อไหร่ ทางผู้ว่าการเมืองจึงเรียกร้องให้ชาติตะวันตกช่วยส่งอาวุธปืนใหญ่พิสัยไกลรุ่นไฮเทคมาเสริมกำลังไวๆ จะได้ยันกองทัพรัสเซียออกไปจากเมืองได้
และถึงแม้ว่าพื้นที่ 20% ของเมืองนี้ที่กองกำลังยูเครนยังปักหลักได้จะเป็นเขตอุตสาหกรรมหลักของเมือง แต่ก่อนหน้านี้ กองทัพรัสเซียได้ส่งฝูงบินทิ้งระเบิดเข้ามาถล่มโรงงานผลิตสารเคมีไนโตรเจนแหล่งใหญ่ของเมืองเมื่อไม่กี่วันก่อน ทำให้ถังเก็บกรดไนตริคของโรงงานระเบิด เกิดเป็นกลุ่มไฟลูกโต พร้อมปล่อยควันพิษของกรดไนตริคกระจายไปทั่วเมือง
ทางการท้องถิ่นต้องรีบออกมาประกาศเตือนผ่าน Telegram ให้ประชาชนอยู่ห่างจากรัศมีอาคารโรงงานที่ระเบิด เพราะการสัมผัส หรือสูดดมควันพิษจากกรดไนตริคเป็นอันตรายต่อร่างกายมาก
และทำให้หลายคนเป็นห่วงเรื่องวิกฤติด้านสิ่งแวดล้อมในยูเครน เนื่องจากยูเครนเป็นประเทศใหญ่ อุดมสมบูรณ์ด้วยความหลากหลายของพืชและสัตว์นานาพันธุ์ และกว่า 1 ใน 3 ของพืชพันธุ์ต่างๆที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปยุโรป หาพบได้ในยูเครน
แต่ทั้งนี้ ยูเครนก็เป็นประเทศอุตสาหกรรมเข้มข้น มีโรงงานสารเคมีนับร้อยๆแห่งทั่วประเทศ เหมืองถ่านหินอีก 150 แห่ง และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปก็อยู่ในยูเครน
แต่เมื่อเกิดสงครามสู้รบรุนแรง ที่ใช้อาวุธหนัก รถถัง ปืนใหญ่ ฝูงบินทิ้งระเบิดทางอากาศ ก็สร้างความเสียหายให้กับโรงงานสารเคมีหลายแห่งในยูเครน
และเคยเกิดปัญหามาแล้วที่เมือง Novoselytsya เมื่อโรงงานปุ๋ยเคมีได้รับความเสียหายหนักจากการปะทะกันระหว่างทหารทั้ง 2 ฝ่าย จนทำให้แอมโมเนียรั่วไหลออกจากโรงงาน ปนเปื้อนไปกับแหล่งน้ำบาดาล และพื้นดิน ที่ต้องใช้งบประมาณหลักร้อยล้านดอลลาร์ในการฟื้นฟูทรัพยากรแหล่งน้ำ และ ธรรมชาติ
แล้วทีนี้ รัสเซียจะมีโอกาสโดนคดีอาชญากรรมทางสิ่งแวดล้อม จากการที่แห่ฝูงบินเข้าไประเบิดภูเขา เผากระท่อม ถล่มคลังน้ำมันในยูเครนด้วยหรือไม่?
ด้านกลุ่มนักสิ่งแวดล้อมในยูเครนกล่าวว่า นอกจากคดีอาชญากรรมสงครามแล้ว รัสเซียอาจต้องเจอคดีอาชญากรรมต่อสิ่งแวดล้อมอีกกว่า 240 คดี ที่ตอนนี้กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อยื่นต่อศาลอาญาโลก หรือ International Criminal Court (ICC)
และได้มีการยกเคสที่เกี่ยวคดีสิ่งแวดล้อมจากสงครามอิรักบุกคูเวตในปี 1990 ขึ้นมาอ้างอิง ว่ากองทัพอิรักจงใจทำลายบ่อน้ำมันคูเวต และเทน้ำมันหลายล้ายบาร์เรลทิ้งลงอ่าวเปอร์เซีย ทำลายสิ่งแวดล้อม และสัตว์น้ำจำนวนมหาศาล ซึ่งอิรักโดนโทษปรับสูงถึง 3 พันล้านเหรียญ ที่ต้องทยอยผ่อนจ่ายนานกว่า 20 ปี เพิ่งจะจ่ายหมดไปเมื่อต้นปีนี้เอง
ซึ่งทางยูเครนประเมินว่าผลกระทบจากการใช้กำลังทหารในดินแดนยูเครน อาจทำให้สิ่งแวดล้อมในยูเครนเสียหายหนักที่ต้องใช้เวลาฟื้นฟูนานมากกว่า 10 ปี และเสียงบประมาณนับพันล้านเหรียญ
เสียเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือจะฟื้นฟูกลับมาได้เหมือนเดิมหรือเปล่า?
คำพูดที่ว่า War is madness. สงครามสะท้อนความบ้าคลั่งของมนุษย์ นั้นไม่เกินจริงเลย
****************
ติดตามบทความของ "หรรสาระ" เพิ่มเติมได้ที่
Facebook - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
และ Blockdit - หรรสาระ By Jeans Aroonrat
แพลทฟอร์มคุณภาพ ไม่ปิดกั้นการมองเห็นเนื้อหา
****************
แหล่งข้อมูล
- 16
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
