7 มิ.ย. 2022 เวลา 11:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
‘เทรนด์รักษ์โลก ไม่ใช่แค่กระแสในปัจจุบัน’ แต่คือพฤติกรรมที่คนทั่วโลกกำลังตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าในอดีต
หากย้อนดูตัวเลขสถิติจาก Kantar บริษัทวิจัยการตลาด ที่ได้ทำการสำรวจร่วมกับ GfK และ Europanel ในปี ค.ศ. 2020 โดยศึกษาจากผู้บริโภคจำนวน 80,000 คน รวมทั้งสิ้น 19 ประเทศ ครอบคลุมทั้งทวีปยุโรป อเมริกา ลาตินอเมริกา และเอเชีย พบว่า สัดส่วนของผู้บริโภคที่รักษ์โลก มีเพิ่มขึ้นถึง 20% จากปี ค.ศ. 2019 โดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
  • กลุ่มแรกคือ Eco-Actives คือกลุ่มคนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และลงมือปฏิบัติจริงอย่างสม่ำเสมอ มีสัดส่วนอยู่ที่ 20% ซึ่งสูงขึ้นกว่าปีก่อนหน้า 16%
  • กลุ่มที่สองคือ กลุ่ม Eco-Considerers กลุ่มคนที่ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และปฏิบัติจริงในบางครั้ง ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 39% สูงขึ้นกว่าปีก่อน 35% จากตัวเลขสถิตินี้ ชี้ชัดว่าประเด็นเรื่องของ ESG กำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต
ในเวลานี้เห็นได้จากการที่ห้างสรรพสินค้าแบรนด์ดังหลาย ๆ เจ้าเริ่มมีนโยบายเลือกใช้ถุงกระดาษแทนถุงพลาสติก บางเจ้าก็ไม่แจกถุงเลย หรือแจกถุงเฉพาะวันใดวันหนึ่งเท่านั้น และกรณีที่ผู้บริโภคต้องการใช้ถุง ก็ต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อถุงเหล่านั้นแทน
นอกจากนี้ยังมีแบรนด์ดังเจ้าใหญ่อีกหลายแบรนด์ ที่ใส่ใจในเรื่องของสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสินค้า บริการ หรือการใช้เทคโนโลยีทดแทนก็ตาม ตัวอย่างเช่น
  • Microsoft กับเมาส์รักษ์โลกอย่าง Ocean Plastic Mouse
เมื่อวันที่ 22 กันยายน ปี ค.ศ. 2021 ทาง Microsoft ได้เปิดตัว เมาส์รักษ์โลก Ocean Plastic Mouse ซึ่งคิดค้นและออกแบบผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยการนำขยะพลาสติกจากมหาสมุทร มาเป็นส่วนประกอบของเมาส์ถึง 20% รวมไปถึงบรรจุภัณฑ์อื่น ๆ ของ Microsoft ที่ได้เปลี่ยนจากพลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง เป็นบรรจุภัณฑ์แบบเยื่อกระดาษ 100%
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 17 มกราคม ปี ค.ศ. 2020 Microsoft ยังได้มีการประกาศถึงเป้าหมายว่าภายในปี ค.ศ. 2025 Microsoft จะเปลี่ยนไปใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนทั้งหมด และภายในปี ค.ศ. 2030 จะลดการปล่อยคาร์บอน เพื่อลดผลกระทบต่อชั้นบรรยากาศ ซึ่งสิ่งเหล่านี้นับว่าเป็นอีกก้าวที่สำคัญของ Microsoft ต่อการสร้างความยั่งยืนผ่านสินค้าและบริการของพวกเขาเอง
(ที่มา: news.microsoft.com)
  • Alphabet ใช้พลังงานหมุนเวียน 100%
ภายในปี ค.ศ. 2030 ทาง Alphabet มีเป้าหมายที่จะดำเนินธุรกิจโดยใช้พลังงานสะอาด โดยไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนออกมาตลอด 24 ชั่วโมง
(ที่มา: Environmental Report 2021)
อีกทั้งที่ผ่านมา Alphabet ยังได้มีการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 100% ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2017 จนถึงปัจจุบัน
สำหรับการส่งเสริมความยั่งยืนในวงกว้างนั้น ถึงแม้ว่า Alphabet จะไม่ได้มีการออกสินค้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่การกระทำของ Alphabet ก็แสดงถึงเจตนาที่ชัดเจนว่า พวกเขาใส่ใจและให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมมากแค่ไหน
นี่เป็นเพียงตัวอย่างของแบรนด์ใหญ่ที่ให้ความสำคัญกับสังคมและสิ่งแวดล้อม หรือที่เรารู้จักกันในธีม ESG (Environment, Social, Governance) นอกจากนี้ยังมีแบรนด์อื่น ๆ อีกมากมายที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น Taiwan Semiconductor Manufacturing Co Ltd, Anthem Inc, Reckitt Benckiser Group PLC เป็นต้น
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วจะเห็นได้ว่า บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Microsoft และ Alphabet ต่างก็ได้ตระหนักถึงเรื่องสิ่งแวดล้อมเช่นกัน ซึ่งถือเป็นกระบวนการสำคัญ ที่บริษัทเหล่านี้สามารถแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมได้ อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้นำ ต่อการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจได้นั่นเอง
📍 หากใครที่สนใจลงทุนกับกลุ่มธุรกิจ หรือบริษัทที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม กองทุน KT-GESG ก็เป็นอีกหนึ่งกองทุนที่เน้นการลงทุนในกลุ่มนี้โดยเฉพาะ รวมไปถึงกองทุนนี้ก็ได้มีการลงทุนในกลุ่มตัวอย่างแบรนด์ที่กล่าวมาข้างต้นอีกด้วย
รูปแบบการลงทุนของกองทุน KT-GESG จะเป็นประเภทกองทุน Feeder Fund หมายความว่า มีการระดมเงินลงทุนไปลงทุนในกองทุนหลัก (Master Fund) ท่ีเป็นกองทุนต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ซึ่งกองทุนหลักที่ KT-GESG เลือกลงทุนก็คือกองทุน Schroder International Selection Fund Global Sustainable Growth
สำหรับกลยุทธ์ในการบริหารของกองทุน KT-GESG คือ มุ่งหวังผลประกอบการเคลื่อนไหวตาม ‘กองทุนหลัก’ Schroder International Selection Fund Global Sustainable Growth ที่มุ่งหวังให้ผลประกอบการที่สูงกว่าดัชนีชี้วัด (Active Management)
นอกจากนี้ กองทุน KT-GESG เป็นกองทุนที่มีการเน้นไปลงทุนในต่างประเทศผ่านกองทุนรวมหลัก ทำให้กองทุนจะมีความเสี่ยงทางด้านอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งทำให้กองทุนนี้มีความเสี่ยงในด้านอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้นักลงทุนมีโอกาสขาดทุน หรือได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ โดยความเสี่ยงนี้ผู้จัดการกองทุนของทาง KTAM จะทำการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกปลี่ยนตามดุลพินิจผู้จัดการกองทุน
สำหรับท่านใดที่สนใจลงทุนกับกองทุนเปิดเคแทม Global Sustainable Growth Equity สามารถศึกษาข้อมูลกองทุนเพิ่มเติมได้ที่ http://bitly.ws/s5fR
คำเตือน:
ปัจจัยความเสี่ยงที่สำคัญ: ความเสี่ยงทางตลาด (Market risk) / ความเสี่ยงจากการดำเนินงานของผู้ออกตราสาร (Business risk) /
ความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน (Currency risk) / ความเสี่ยงของประเทศที่ลงทุน (Country risk) เป็นต้น
กองทุนนี้มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ทั้งนี้ กองทุนมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ในกรณีที่กองทุนไม่ได้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือจะได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้
ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน KTAM Smart Trade
เปิดบัญชีกองทุนออนไลน์ได้แล้ววันนี้
ง่าย สะดวก ปลอดภัย รวดเร็ว คลิก
References:
โฆษณา