8 มิ.ย. 2022 เวลา 08:35 • ท่องเที่ยว
สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพามารู้จักกับ 5 ประเทศที่เล็กที่สุดในโลก จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลยครับ
สาธารณรัฐซานมาริโน
สาธารณรัฐซานมาริโน
ประเทศซานมาริโน ตั้งอยู่ในเขตประเทศอิตาลี บนเทือกเขาแอเพนไนน์ ใกล้ชายฝั่งอาเดรียติก มีขนาดพื้นที่ 61 ตารางกิโลเมตร ชื่อเต็มของประเทศนี้ก็คือ "Serenissima Repubblica di San Marino" ที่แปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า "The Most Serene Republic of San Marino"
ซานมาริโนก่อตั้งเมื่อ พ.ศ. 844 โดยนักตัดหินชาวคริสต์ นามว่า "มาริโน" ได้ลี้ภัยทางศาสนามากับกลุ่มชาวคริสต์กลุ่มหนึ่ง ความเชื่อที่สำคัญของชาวซานมาริโน คือ อิสรภาพ ชาวซานมาริโนเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และกองทัพใหญ่ๆ ไม่สามารถรุกรานอธิปไตยจะได้เนื่องมาจากที่ตั้งของประเทศอยู่บนเขา ดูตัวอย่างตอนที่นโปเลียนประกาศความเป็นใหญ่ในทวีปยุโรป ประเทศเดียวที่ไม่ตกอยู่ใต้การปกครองของนโปเลียนคือ ซานมาริโน นี่เอง
ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ซานมาริโนกลายเป็นประเทสที่ยากจนที่สุดในยุโรป แต่ในทุกวันนี้ ประชากรชาวซานมาริโนกลายมาเป็นคนที่รวยที่สุดในโลกอีกแห่งหนึ่ง เนื่องมาจากการท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศกว่า3 ล้านคนต่อปี
สาธารณรัฐซานมาริโน มีพื้นที่: 61.2 ตร.กม. มีประชากร: 33,938 คน (พ.ศ. 2563)(ข้อมูลจากวิกิพีเดีย)
ประเทศตูวาลู
ประเทศตูวาลู
ประเทศตูวาลูเป็นประเทศที่ตั้งอยู่บนเกาะ ในมหาสมุทรแปซิฟิคทางตอนใต้ มีพื้นที่ทั้งหมดเพียง 26 ตารางกิโลเมตร ลักษณะประเทศจะเป็นหมู่เกาะที่เกิดขึ้นจากหินปะการัง และมีความสูงจากระดับน้ำทะเลเพียงแค่ 5 เมตร
มีคำกล่าวอ้างว่า ในอนาคตอันใกล้นี้ประเทศนั้นจะหายไปจากแผนที่โลกอย่างแน่นอน เนื่อง จากระดับน้ำทะเลโลกที่สูงขึ้นนั่นเอง และหากน้ำทะเลจะไม่สูงขึ้น แต่ภาวะการเพิ่มขึ้นของประชากรและการกัดเซาะชายฝั่งก็ยังทำให้ให้ตูวาลู เป็นประเทศเสี่ยงต่อภัยต่างๆ อยู่ดี
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ตูวาลูเคยเป็นที่ตั้งฐานทัพของทหารอเมริกัน ที่เข้ามาสร้างทั้งฐานทัพ สนามบิน ซึ่งคุณสามารถเห็นซากปรักหักพังในปัจจุบันของสิ่งเหล่านี้ได้บนเกาะต่างๆ ของตูวาลู
ทุกวันนี้ ตูวาลูมีรายได้หลักจากการให้เช่าโดเมนเนม .tv ที่เป็นโดเมนเนมระดับท็อปของโลก เพราะคนเข้าใจว่ามันเป็นตัวย่อมาจากคำว่า Television และรายได้จากสัมปทานการประมง รวมไปถึงเงินช่วยเหลือจากต่างประเทศ
ประเทศตูวาลูมีพื้นที่: 26 ตร.กม. และมีประชากร: 11,792 คน (พ.ศ. 2563)
สาธารณรัฐนาอูรู
สาธารณรัฐนาอูรู
ประเทศนาอูรูเป็นประเทศที่อยู่บนเกาะ ตั้งอยู่บนทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิค มีขนาด 21 ตารางกิโลเมตร และได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีเอกราชเป็นของตัวเองที่เล็กที่สุดในโลก และเป็นประเทศเอกราชเดียวที่ไม่มีเมืองหลวงอย่างเป็นทางการ
ในอดีตรายได้หลักของประเทศมาจากแร่ฟอสเฟต ที่เกิดมาหลายพันปีจากขี้นก
มีการส่งออกแร่ฟอสเฟตในอัตราที่สูงมาก จึงส่งผลให้ประชากรของที่นี่กินดีอยู่ดี
อย่างไรก็ตาม แร่ฟอสเฟตที่ดูเหมือนจะเป็นบ่อเงินบ่อทองสร้างปัญหาใหญ่หลวงให้กับชาวนาอูรู เนื่องจาก ผืนดินสะสมแร่ฟอสเฟตมากจนเกินไป จนแห้งแล้งและไม่สามารถปลูกพืชผลใดๆ ได้ ทั้งการลงทุนที่เปล่าประโยชน์ของประเทศ เช่น การไปซื้อกิจการโรงแรมแล้วปล่อยทิ้งไว้โดยไร้ประโยชน์ รวมถึงการขาดคุณสมบัติในการปกครองบริหารบ้านเมืองของรัฐบาล ทำให้เศรษฐกิจของนาอูรูแย่ลง
เหตุการณ์ที่เลวร้ายยิ่งทวีคูณหนักเข้าไปอีก เพราะภาวะการกินอยู่ที่เคยอุดมสมบูรณ์มาก ก่อให้เกิดภาวะโรคอ้วนกับประชากรในประเทศ ประชากร 9 ใน 10 คนมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน นาอูรูกลายเป็นประเทศที่มีประชากรเป็นโรคเบาหวานในอัตราสูงมากประเทศหนึ่งใน โลกเลยทีเดียว
ดังนั้นในปัจจุบัน ชาวนาอูรูจึงมีความอัตคัตขัดสนมากๆ และยังมีภาวะโรคอ้วนด้วย แต่พวกเขาก็ได้พยายามที่จะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงสิ่งเหล่านี้ให้ดีขึ้น รัฐบาลนาอูณูตัดสินใจเก็บภาษีและ ออกพาสปอร์ตให้กับชาวต่างชาติแลกกับเงินตราเพื่อมาหมุนเวียนภายในประเทศ
แต่การแก้ปัญหานี้กลับลากตัวปัญหา เช่นพวกอาชญากรข้ามชาติเข้ามาในประเทศเพื่อฟอกเงินทุจริต และด้วยเหตุนี้เองนาอูรูก็ต้องประสบกับปัญหาใหญ่หลวง คือ ธนาคารใหญ่ระดับโลกหลายแห่งไม่ยินดีรับเงินที่นาอูรูจะมาฝากไว้ เนื่องจาก เงินเหล่านั้น อาจจะสร้างปัญหาแก่ธนาคารได้
สาธารณรัฐนาอูรูมีพื้นที่: 20.98 ตร.กม. และมีประชากร: 10,834 คน (พ.ศ. 2563)
ราชรัฐโมนาโก
ราชรัฐโมนาโก
ประเทศ โมนาโก เป็นประเทศที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก เป็นอันดับ 2 รองลงมาจากนครรัฐวาติกัน โดยมีพื้นที่ 1.96 ตารางกิโลเมตร อยู่ตรงชายฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียน แต่เป็นประเทศที่มีประชากรต่อพื้นที่หนาแน่นที่สุดในโลก โดยมีประชากรอาศัยอยู่ถึง 23,660 คนต่อตารางกิโลเมตร ในอดีต ประเทศแห่งนี้อยู่ภายใต้การปกครองของฝรั่งเศส
แต่หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต เจ้าชายเรนีเย่ที่ 3 ได้ยื่นขอต่อสหประชาชาติ เพื่อเข้าร่วมองค์กร และได้รับการอนุมัติ จึงได้อิสระ (แบบไม่ถาวร) จากฝรั่งเศสนับแต่บัดนั้น
หากแต่ถ้าโมนาโกไม่มีผู้สืบสันตติวงศ์ต่ออีกแล้ว ประเทศแห่งนี้ก็ต้องกลับเข้าไปอยู่ใต้ปกครองต่อฝรั่งเศสตามเดิมค่ะ ดังนั้น จึงมีการแก้กฎหมายจากเดิมว่า ผู้สืบทอดราชวงศ์ต้องเป็นเจ้าชายเท่านั้น เป็นให้ขัตติยนารีสามารถขึ้นครองราชย์ได้ด้วย เพื่อแก้ปัญหาการต้องกลับเข้าไปอยู่ใต้ปกครองเหมือนเดิม
ประเทศแห่งนี้ปกครองด้วยระบบประมุขและสภาแห่งชาติ มีรายได้หลักจากการเป็นแหล่งท่องเที่ยว สถานบันเทิง สถานกาสิโนและการแข่งรถนานาชาติ และเนื่องจากเมื่อก่อนโมนาโกไม่มีการเก็บภาษี ประชากรส่วนมากจึงไม่ใช่ชาวพื้นเมือง
แต่หลังจากการแยกตัวจากฝรั่งเศส ก็ได้มีการเก็บภาษีรายได้จากผู้ที่ไม่ใช่ชาวโมนาโกโดยกำเนิด พูดง่ายๆ คือนักธุรกิจที่มาลงทุนและพักอาศัยอยู่ในโมนาโก และมีกฎห้ามชาวโมนาโกโดยกำเนิดเข้ากาสิโน แต่ยกเว้นภาษีจากพวกบุคคลเหล่านี้แทน
ราชรัฐโมนาโกมีพื้นที่: 202 เฮกตาร์(1.96 ตารางกิโลเมตร) และมีประชากร: 39,244 คน (พ.ศ. 2563)
นครรัฐวาติกัน
นครรัฐวาติกัน
นครรัฐวาติกัน เป็นประเทศศูนย์กลางของผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาธอลิค ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม ประเทศอิตาลี มีเนื้อที่เพียง 0.44 ตารางกิโลเมตร (เล็กมากๆ ) มีประชากรทั้งหมดเพียงแค่ 783 คน ซึ่งล้วนแต่เป็นบาทหลวง, นักบวช และเจ้าหน้าที่ที่นับถือนิกายคาธอลิคล้วนๆครับ
ถึงแม้จะเป็นประเทศที่เล็กที่สุดในโลก แต่ก็เป็นที่ที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลกของชาวศาสนาคริสต์นิกายคาธอลิค เพราะเป็นที่พำนักของพระประมุขสูงสุดของศาสนาคริสต์นิกายนี้ และเมื่อมีเหตุการณ์สำคัญๆ อะไรก็ตามของชาวคาธอลิค ก็มักจะจัดขึ้นที่นี่เสมอ
นครรัฐวาติกันไม่มีประชาชนถาวร สถานะการเป็นประชาชนของที่นี่ คือ การเข้ามาทำงานในหน้าที่ต่างๆ ในนครรัฐ (รวมไปถึงคู่สมรสและบุตรธิดาของเจ้าหน้าที่คนนั้น) และสถานะการเป็นประชากรของนครรัฐจะสิ้นสุดลงเมื่อหมดวาระการทำงาน
ภาษาหลักของที่นี่ คือ ภาษาอิตาเลียนและภาษาละติน และที่สุดยอดไปเลยคือ
ที่นี่เป็นที่แห่งเดียวในโลกที่ตู้เอทีเอ็มนั้นเป็นภาษาลาติน มากไปกว่านั้น ที่นี่เป็นที่แห่งหนึ่งในโลกที่มีจดหมายเข้ามากที่สุด และส่งถึงมือผู้รับเร็วที่สุดในโลกก็ว่าได้ และเป็นที่ที่ส่งจดหมายออกมากที่สุดอีกแห่งของโลกด้วย (1 คน ส่งจดหมาย 7,200 ฉบับ ต่อปี)
และเชื่อว่าหลายๆ คนก็คงสงสัยว่านครรัฐวาติกันมีรายรับมาจากไหน เพราะประเทศแห่งนี้ไม่ได้มีการค้า หรือการพาณิชย์ใดๆ กับประเทศภายนอก และแม้กระทั่งภายในประเทศเลย คำตอบง่ายๆ คือ ประเทศแห่งนี้ได้รับการสนับสนุนรายได้ที่มาจากการขายสแตมป์,หนังสือ และรายได้จากการท่องเที่ยว จากชาวคาธอลิคทั่วโลกนั่นเอง และที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ที่นครรัฐแห่งนี้ ไม่มีการเก็บภาษีครับ
นครรัฐวาติกันมีพื้นที่: 44 เฮกตาร์(0.44 ตารางกิโลเมตร) และมีประชากร: 825 คน (พ.ศ. 2562)
เป็นยังไงกันบ้างครับกับ 5ประเทศที่เล็กที่สุดในโลก ผิดพลาดตรงไหนก็แนะนำกันเข้ามาได้เลย ตอนต่อไปจะมีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร รอติดตามได้เลยครับ
ขอบคุณครับ :)
: wikipedia
โฆษณา