9 มิ.ย. 2022 เวลา 04:42 • ประวัติศาสตร์
ทำไมณี่ปุ่นถึงมีรูปปั้นหิน
มากมายตามข้างทาง?
1
หากใครเคยไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น คงต้องเคยเห็น
รูปปั้นพระที่เป็นหินตามทางเดินที่ต่าง ๆ
ซึ่งรูปปั้นหินแต่ละองค์ล้วนมีความผูกพันต่อคนญี่ปุ่นในละแวกนั้น ๆ เป็นอย่างมาก
รูปปั้นพระหินที่ญี่ปุ่นนี้มีชื่อว่า เทพจิโซ
1
เทพจิโซได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพที่อยู่เคียงข้างมนุษย์มาเสมอ เพื่อคอยสั่งสอนและคอยช่วยเหลือมนุษย์มาโดยตลอด
กล่าวกันว่าคนญี่ปุ่นต่างยกย่องเทพจิโซมากว่า 1,200 ปีแล้ว โดยเฉพาะคนที่เกียวโต
3
ในสมัยก่อนผู้คนเชื่อว่าผู้ที่ศรัทธาในพระอะมิดะเนียวไร
จะได้ไปสวรรค์ หลังจากที่พวกเขาตาย
หรือหากพวกเขาตกลงไปในนรกก็จะมีเทพผู้ช่วยให้รอด และหนึ่งในเทพผู้ช่วยให้รอดเหล่านั้นก็คือ เทพจิโซ เทพจิโซจึงเป็นที่นับถือให้คนมากราบไหว้บูชาเป็นจำนวนมาก โดยหวังว่าจะเป็นอิสระจากความกลัวที่จะตกนรก
เทพจิโซ ตามคติความเชื่อของคนญี่ปุ่นว่าเป็นองค์พระโพธิสัตว์พิทักษ์เด็กกับผู้หญิง
ในเวลาคลอด และนักเดินทาง ซึ่งหากใครได้ไปเที่ยวที่ญี่ปุ่นจะสามารถเห็นรูปปั้นหินเทพจิโซตามถนนหนทางเพื่อคอยคุ้มครองคนที่ต้องเดินทางผ่านไปผ่านมาเสมอ
ชาวเกียวโตจึงเชื่อว่า เทพจิโซมีความสัมพันธ์กับโลกแห่งความตาย
โดยเทพจิโซจะคอยปกป้องดวงวิญญาณของเด็กที่เสียชีวิตก่อนวัยอันควร
ด้วยเพราะวิญญาณเด็กเหล่านั้นบริสุทธิ์นัก จึงเป็นที่เมตตาขององค์เทพจิโซเป็นอย่างมาก
1
ตามความเชื่อดั้งเดิมของคนญี่ปุ่น เชื่อว่า การที่ลูกตายก่อนพ่อแม่นั้นเป็นบาปอย่างหนึ่ง
เมื่อดวงวิญญาณของเด็กที่เสียชีวิตจะถูกพาไปรวมกันที่ “ไซโนะคาวาระ” หรือปากทางนรก
และวิญญาณเด็กเหล่านั้นจะถูกให้นำหินที่ริมฝั่งแม่น้ำไซโนกาวาระมาซ้อนเป็นชั้นๆ
เป็นรูปเจดีย์ พอใกล้จะทำเสร็จก็จะมียักษ์โอนิมาอาละวาดทำลายเจดีย์หินลง วิญญาณเด็กก็จะต้องนำหิน มาก่อซ้อนกันเป็นชั้นใหม่ และพอใกล้จะเสร็จยักษ์ก็เข้ามาทำลายอีกเรื่อยไปไม่รู้จบ
ด้วยเหตุนี้เทพจิโซ จึงเข้าโปรดเหล่าวิญญาณเด็กเหล่านั้น ให้ไม่มีความทุกข์ทรมาน
พร้อมทั้งปลอบขวัญ เหล่าวิญญาณเด็กจึงไม่โศกเศร้าที่ต้องพลัดพรากจากพ่อแม่อีกต่อไป
ล้วองค์เทพจิโซก็จะนำพาเหล่าวิญญาณเด็กให้ข้ามแม่น้ำไปสู่ภพภูมิที่ดี
เทพจิโซ ตามความเชื่อของคนเกียวโตจึงเปรียบเสมือนเป็นเทพผู้สามารถช่วยให้รอด
4
ชาวเกียวโตจึงมีความเชื่อว่าหากลูกเขาเสียชีวิต เขาจะฝังลูกไว้ในสวนเพื่อสัมผัสกับธรรมชาติ
และมีรูปปั้นหินจิโซตั้งไว้อยู่ข้างๆ ศพ เพื่อปลอบประโลมผู้เสียชีวิต และคาดหวังว่า
เทพจิโซจะช่วยลูกของเขาให้ไปในภพภูมิที่ดี
และด้วยความผูกพันที่เทพจิโซ มีต่อวิญญาณเด็กน้อยทั้งหลาย รูปปั้นจิโซ ที่สร้างขึ้นเพื่อคุ้มครองดวงวิญญาณเด็กจึงมีรูปร่างหน้าตาคล้ายเด็กน้อย กาลเวลาล่วงเลยไปหลายศตวรรษ รูปปั้นได้สึกกร่อนและจมลึกลงดิน
1
เมื่อประมาณ 110 ปีก่อน จึงได้มีการขุดองค์จิโซที่กระจัดกระจายไปทั่วขึ้นมา
และได้มีการนำไปยังสถานที่แห่งหนึ่งเพื่อจัดงานรำลึก
สถานที่นั้นถูกเรียกว่า “ไซโนะคาวาระ” ปากทางนรก สถานที่องค์เทพจิโซ
คอยอยู่เพื่อช่วยให้เหล่าเด็กๆ รอดพ้นจากการตกนรก
ใบหน้าของรูปปั้นหินขององค์จิโซส่วนใหญ่ไม่อาจระบุรูปพรรณสัณฐานได้อีกต่อไป
ด้วยเพราะมีอายุมานาน บางองค์มีอายุมามากกว่าหนึ่งพันปี
แม่ที่มีลูกส่วนใหญ่จะมาสวดมนต์ที่สถานที่แห่งนี้ เพื่อขอพรให้ลูกที่มีชีวิตอยู่สุขภาพดี
แต่แม่บางคนที่ลูกเสียชีวิตไปแล้วก็มาอธิษฐานให้ลูกที่จากไปมีสุขภาพดีในชาติหน้า
2
ด้วยความศรัทธาอันแรงกล้าของผู้เป็นแม่ จึงได้ทำผ้ากันเปื้อนสีแดงขึ้นมา บ้างก็ทำเป็นหมวก
แล้วนำไปผู้ให้กับรูปปั้นองค์จิโซที่ตนเคารพ และได้อธิษฐานอย่างแรงกล้าว่าองค์จิโซจะคอยคุ้มครองดูแลลูกของเขาที่อยู่ต่างภพให้
ในสมัยก่อนเทวรูปหินจิโซกระจายตั้งอยู่ตามถนนซอกซอยในเมืองเกียวโต
ด้วยเพราะเกียวโตเคยต้องเผชิญกับความอดอยาก และ โรคระบาดหลายครั้ง ผู้คนจึงเริ่มตั้งศาลเจ้าเล็กๆ ที่มีองค์เทพจิโซ
อยู่ใกล้บ้านเพื่อปัดเป่าความโชคร้ายออกไป
ซึ่งแต่ละหมู่บ้าน จะมีรูปปั้นหินจิโซคอยคุ้มครองดูแล
ทุกวันชาวบ้านที่เดินผ่านศาลก็จะหยุดเพื่อขอพรอธิษฐานให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง พบเจอแต่ความสุข
แต่ละครอบครัวในหมู่บ้านระแหวกนั้นก็จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน มาคอยดูแลศาลและรูปปั้นจิโซที่อยู่ใกล้ๆ
อาจกล่าวได้ว่าเกือบทุกคน
ในเกียวโตจะเกิดและเติบโตขึ้นโดยมีเทพจิโซอยู่ใกล้ๆ ก็ว่าได้
แต่เมื่อความเจริญเข้ามาในเมืองเกียวโตมากขึ้น
พื้นที่หลายแห่งถูกพัฒนาให้กลายเป็นเมืองใหม่
ประกอบกับศาสนาชินโตได้กลายเป็นศาสนาประจำชาติ รูปปั้นหินทางพุทธจึงเริ่มถูกโละทิ้งมากขึ้น แต่ทว่าผู้คนยังรู้สึกผิด
ที่จะต้องทิ้งรูปปั้นเทพจิโซ เลยนำมาวางไว้ที่วัดและขอให้ทางวัดช่วยดูแลแทน
ปัจจุบันวัดหลายแห่งในเกียวโต จึงกลายเป็นสถานที่อยู่อันสงบของ
รูปปั้นหินจิโซหลายองค์
แต่ก็ยังมีผู้คนอีกหลายหมู่บ้านที่ยังคงยืนยัดคอยดูแลศาลเจ้าเทพจิโซ
ประจำหมู่บ้านต่อไป โดยส่งผ่านให้ลูกหลานหลายรุ่นดูแลกันต่อไป
ด้วยเพราะมีความผูกผันเป็นเหมือนเทพผู้คอยดูแลรักษาประจำตัวมาตั้งแต่เกิด
และแม้บางหมู่บ้านจะไม่มีเทพจิโซคอยประจำแล้ว
แต่เมื่อถึงเทศกาลจิโซบงประจำปี ทางตัวแทนหมู่บ้านจะไปขอเช่าองค์จิโซที่ถูกวางไว้ตามวัด
มาตั้งที่มุมถนนเพื่อจัดงาน แล้วให้คนในหมู่บ้านมาสวดขอพรให้ลูกและเด็กๆ สุขภาพดีสามารถเติบโตกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้
ประเพณีวัฒนธรรมนี้จึงกลายเป็นศูนย์กลางการรวมตัวของญาติ พี่น้อง ครอบครัว
เพื่อนบ้าน และคนในหมู่บ้าน ให้มารวมตัวทำกิจกรรมร่วมกัน สร้างความผูกพัน ความสามัคคี
ของคนในชุมชนให้เกิดขึ้นมา โดยมีเทพจิโซเป็นศูนย์กลางการเชื่อมความสัมพันธ์นเหล่านั้น
ในประเทศไทยเราอาจไม่มีความเชื่อเรื่อง เทพจิโซ ที่คอยคุ้มครองเด็กๆ เหล่านั้น
แต่ไทยเรามีความเชื่ออย่างหนึ่ง ว่าที่บ้านของทุกคน มีเทวดา ประจำบ้าน
คอยดูแลปกปักรักษาลูกๆ กันอยู่แล้ว เราไม่จำเป็นต้องไปตามหาผู้วิเศษ ผู้มีฤทธิ์เดช
เพียงเพื่อขอพรโชคลาภจากเขาทั้งหลาย.. เทวดาที่ว่าก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
ก็คือ พ่อแม่ของเราเอง
“อันน้ำใจของพ่อ แม่ ที่ดีมีให้ต่อลูก มีแต่ความบริสุทธิ์ ไม่คิดหวังสิ่งตอบแทน
เช่นเดียวกับน้ำใจของเทพผู้คุ้มครองที่มีให้ต่อมนุษย์ ก็มีความบริสุทธิ์เช่นเดียวกัน..”
6
อ้างอิงประวัติและรูปภาพเทพจิโซจาก
สารคดี “Core Kyoto” ทางช่อง NHK WORLD-JAPAN
โฆษณา