9 มิ.ย. 2022 เวลา 08:38 • นิยาย เรื่องสั้น
เรื่องสั้น: อาม่า
 
ช่วงนี้ผมค่อนข้างเครียดจากประชุมประจำปีเพื่อตั้งเป้ายอดขายของทางฝ่ายขาย ซึ่งในปีนี้ทีมงานผมได้รับมอบหมายให้ทำยอดขายจากบริษัทที่มากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ถ้าในสถานการณ์ปกติก็ถือว่ายาก ยิ่งมาตอนนี้สภาวะเศรษฐกิจของประเทศเราก็รู้กันอยู่ว่ากำลังถดถอยอย่างมาก ตอนนี้ประเทศเราไม่ได้เป็นเสือตัวที่ 5 แล้ว
1
และซ้ำร้ายยังต้องมาเจอสถานการณ์ลอยตัวค่าเงินบาทซ้ำเติม ซึ่งแต่เดิมประเทศเราใช้ระบบตะกร้าเงิน ซึ่งผูกกับค่าเงินสกุลต่างๆ มีผลทำให้ ค่าเงินบาทมีเสถียรภาพมากๆปกติอยู่ที่ประมาณ 25 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐพอมาเจอสถานการณ์ ต่างๆรวมถึงการถูกโจมตีค่าเงินบาท เนื่องจากผู้โจมตีรู้ว่าเรามีทุนสำรองระหว่างประเทศ ลดลงเหลือน้อยมาก เพราะหมดไปกับการสู้ในครั้งก่อนหน้านี้
1
ตอนนี้เงินบาทของเราอ่อนตัวไปถึง 55 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ เรียกว่าตื่นเช้ามาปุ๊บหนี้สินที่กู้ยืมมาจากต่างประเทศก็เพิ่มขึ้น เป็นเท่าตัวแล้ว
บริษัทเอกชนใหญ่น้อยหลายรายต้องล้มละลายทยอยปิดตัวลงเนื่องจากภาวะหนี้สิน ทำให้สถานการณ์ยิ่งยากลำบากเข้าไปใหญ่
1
เนื่องจากสินค้าที่เราจำหน่ายเป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ พอมาเจอการลอยตัวค่าเงินบาท เลยทำให้สินค้าราคาสูงขึ้นมาก ซึ่งเป็นอุปสรรคกับการขายอย่างมาก เหมือนผีซ้ำด้ำพลอย แค่คิดก็เป็นไปไม่ได้แล้วที่จะทำยอดขายให้ได้ตามเป้าของบริษัท
1
แต่ก็รู้กันอยู่ว่า ทั้งบริษัทและตัวผมเองที่อยู่ในวงการนี้มานานทราบสถานการณ์ดี เพียงแต่ยอมรับความจริงกับลูกน้องไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะยิ่งแย่ไปใหญ่ ต้องหาคำพูดมาจูงใจ ให้ทีมงานมองโลกในแง่ดี
1
จำต้องรับเป้า'ทิพย์' ที่แทบเป็นไปไม่ได้เลย แต่ทำอย่างไรได้ ในเมื่อบริษัทแม่บีบยอดขายมา ไม่อย่างนั้น พวกรางวัล โบนัสก็คงถูกตัดไป งานนี้เรียกว่าเบิกมาใช้ก่อน ค่อยทำยอดคืนทีหลัง ไม่อย่างนั้น องค์กรก็ไปต่อไม่ได้ ถ้าต้องปิดตัวลงพวกพนักงาน อีกเกือบร้อยชีวิตต้องถูกลอยแพก็จะยิ่งไปกันใหญ่
1
ช่วงนี้แทบทุกคืนหลังเลิกงานผมไม่ได้ตรงกลับบ้านเลยเหมือนปกติ แต่มักจะชวนเพื่อน ๆ ระดับหัวหน้าทีมกับผู้จัดการ แวะไปร้านอาหารกินข้าว แล้วไปต่อกันที่ผับบาร์นั่งดื่มกินเพื่อปรับทุกข์ ฟังเพลงคลายเครียด จะได้ลืมปัญหาเรื่องยอดขายที่กดดันอยู่ ซึ่งมักจะติดลมกว่าจะเลิกแยกย้ายกันก็ค่อนข้างจะดึก
1
ที่แยกย้ายไม่ใช่อะไร แต่เพราะต้องมาเข้างานเช้า เพราะประธานบริษัทแกขยัน มักจะมาแต่ไก่โห่ หรือแกนอนไม่หลับผมก็ไม่รู้ ถ้าใครมาสายก็รู้กันว่าต้องเป็นเจ้ามือข้าวมื้อเที่ยง
1
คืนวันหนึ่งเกือบเที่ยงคืนแล้ว หลังจากผมแยกย้ายกับพรรคพวกแล้ว ผมก็ขับรถกลับบ้าน หลังจากจอดรถแล้วกำลังจะเดินเข้าบ้าน สายตาผมก็มองเห็นเงาคนตะคุ่ม ๆ อยู่หน้าบ้าน 'ดึกดื่นป่านนี้แล้วใครมาทำอะไรหน้าบ้านผม' ผมคิดในใจ
1
สักพักพอผมเดินเข้าไปใกล้ ก็เห็นว่าเป็นอาม่าของผมนั่นเอง แกกำลังก้ม ๆ เงย ๆ เหมือนกำลังหาอะไรสักอย่างที่พื้น พอผมเดินเข้าไปใกล้อาม่า อาม่าก็เงยหน้าขึ้นมามองผมพอดี "อาตี๋ วันนี้ลื้อกลับดึกจัง" อาม่า มักจะเรียกผมว่า 'อาตี๋' ตั้งแต่ผมเด็ก ๆ แล้ว จนตอนนี้ผมโตเป็นผู้ใหญ่ทำงานแล้วแกก็ยังเรียกผมว่า'อาตี๋' อยู่
1
ซึ่งผมก็ชอบที่จะให้แกเรียกผมอย่างนั้นมันทำให้ผมรู้สึกดี ในบรรดาพี่น้องของผม ตัวผมจะสนิทกับอาม่ามากที่สุด "ครับอาม่า ผมไปกินข้าวกับเพื่อนมาครับเลยกลับดึกหน่อยครับ" ผมตอบแก "ว่าแต่ดึกแล้วอาม่ามาทำอะไรตรงนี้ครับอาม่าไม่นอนเหรอ อาม่ากำลังหาอะไรอยู่เหรอครับ" ผมถามแกเพราะสงสัยว่าทำไมแกไม่นอน ปกติเวลานี้แกนอนไปนานแล้ว
1
"อาม่าหาของน่ะอาตี๋ อาม่าทำของหล่น" แก ตอบผม "อาม่าทำอะไรหล่นเหรอเดี๋ยวผมช่วยหาครับ" ผมถามแก "อ๋ออาม่าทำหลอดด้ายหล่นน่ะ พอดีช่วงหัวค่ำอาม่าเย็บเสื้อ แล้วทำหลอดด้ายหล่น อาม่ายังหาไม่เจอ นี่อาม่าก็หามา นานแล้วยังหาไม่เจอเลย" แกบอกผม
1
"เดี๋ยวผมช่วยอย่ามาหาเองครับ อาม่าไปนั่งพักที่เก้าอี้นี้ก่อนนะครับ" ว่าแล้วผมก็จูงมือแกไปที่นั่งเก้าอี้ แล้วพับแขนเสื้อขึ้น แล้วช่วยอาม่าหาหลอดด้ายที่แกทำหล่นไว้ ผมใช้เวลาหาหลอดด้ายอยู่ครู่ใหญ่ก็หาไม่เจอ
1
ผมเลยหันไปถามอาม่าว่า "อาม่าจำได้ทำหลอดด้ายหล่นอยู่แถวนี้เหรอครับ ผมก็หาไม่เจอเลย" "ป่าว อาม่าทำหล่นที่ในห้องน่ะ" แกตอบผม พอผมได้ฟังก็อึ้งถามแกกลับไปว่า "อ้าว อาม่าทำของหล่นที่ในห้องแล้วทำไมมาหาตรงนี้ อาม่าต้องไปหาที่ในห้องสิ"
1
แกยิ้มให้ผม แล้วตอบว่า "อาม่าเห็นตรงนี้ไฟสว่างดี หาง่าย พอดีในห้องอาม่าไฟดับ อาม่าเลยมาหาตรงนี้" ผมฟังแล้วก็งงก็เลยบอกแกไปว่า "อาม่าทำของหล่นที่ห้องก็ต้องไปหาที่ห้องสิครับ มาหาตรงนี้ก็ไม่เจอหรอกครับ" แกยิ้ม แล้วบอกผมว่า "ก็ทีลื้อ ทำความสุขหายไปในที่ทำงาน ลื้อก็ยังไปหาในร้านอาหารเลย"…
1
ทำความสุข หายไป ในบริษัท
แต่กลับนัด เพื่อนมา ร้านอาหาร
ตั้งแต่ค่ำ หาไป ไม่ได้การ
วันอังคาร งานเสร็จไว หาใหม่พลัน
1
โฆษณา