Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วิเคราะห์บอลจริงจัง
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
9 มิ.ย. 2022 เวลา 12:19 • กีฬา
แม้วันนี้เขาจะเป็นกองหน้าที่ Hot ที่สุดในตลาดซื้อขาย แต่ว่ากันตรงๆ ชีวิตของดาร์วิน นูนเยซ ไม่ได้เริ่มต้นอย่างง่ายดายเหมือนคนอื่นๆ
เรื่องราวของเขาเป็นอย่างไร ทำไมถึงเป็นนักเตะราคาแพงระดับว่าที่ 80 ล้านยูโร วิเคราะห์บอลจริงจังจะเล่าให้ฟัง
2
นูนเยซ เกิดที่เมืองอาร์ติกัส ชายแดนของประเทศอุรุกวัย คุณพ่อทำงานเป็นกรรมกร คุณแม่เก็บขวดน้ำขาย ที่บ้านไม่ค่อยมีเงินมีทอง อย่างไรก็ตาม สิ่งนั้นกลับเป็นแรงผลักดันให้เขาตั้งใจเล่นฟุตบอลเป็นอย่างมาก เพราะถ้าได้เป็นนักเตะอาชีพ จะได้พาพ่อแม่ให้หลุดพ้นจากชีวิตแบบนี้เสียที
1
นูนเยซเล่าว่า "ใช่ มีบางครั้งที่ผมเข้านอนด้วยความหิว แต่คนที่อดทนมากกว่านั้น คือคุณแม่ของผมเอง เมื่อไหร่ก็ตามที่บ้านเราไม่เหลืออาหาร แม่จะเอาอาหารของเธอมาให้ผมหมดเลย ดังนั้นผมเลยบอกแม่อยู่บ่อยๆ ว่าถ้าเมื่อไหร่ก็ตามผมเป็นนักเตะอาชีพ และมีเงินพอจะซื้ออะไรสักอย่าง ผมจะซื้อบ้านให้แม่เป็นอย่างแรก"
ด้วยความทะเยอทะยาน ความกระหายที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น ทำให้เขาพัฒนาฝีเท้าอย่างรวดเร็วหากเทียบกับเด็กวัยเดียวกัน ก่อนที่อายุ 14 จะได้ย้ายไปอยู่ในอะคาเดมี่ ของเปนยารอล สโมสรอันดับหนึ่งของประเทศ ซึ่งนักเตะ Legend ของทีมชาติ อย่างดีเอโก้ ฟอร์ลัน ก็เคยอยู่อะคาเดมี่แห่งนี้มาก่อน
ตอนนี้ทุกอย่างเหมือนจะโอเคแล้ว รอเวลาที่เหมาะสม เขาก็จะได้แจ้งเกิดกับเปนยารอล แต่ทว่าเกิดเหตุการณ์ใหญ่ขึ้น ในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2017 ตอนนั้นนูนเยซอายุ 17 ปี เขาได้รับบาดเจ็บ เอ็นเข่าไขว้หน้าขาด ต้องพักนานถึง 10 เดือน
1
สำหรับดาวรุ่ง ที่ยังไม่เคยได้เล่นอาชีพ การได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้ เป็นเรื่องที่เสียหายมาก เพราะคุณจะไม่ได้เล่นฟุตบอลนานเกือบปี ทักษะอะไรก็จะตามเพื่อนไม่ทัน กลับมาจะเล่นดีเหมือนเดิมหรือเปล่าก็ไม่รู้ มีโอกาสที่สโมสรจะปล่อยตัวทิ้งสูงมาก
1
แต่นูนเยซรวมพลังใจ ทำกายภาพบำบัดอย่างอดทน และในที่สุด วันที่ 22 พฤศจิกายน 2017 เขาก็คัมแบ็กกลับมาได้ และได้ลงเล่นให้เปนยารอลในทีมชุดใหญ่เป็นครั้งแรก โดยลงเล่นกับสโมสรริเวอร์เพลท มอนเตวิเดโอ เป็นตัวสำรองแทนมักซี่ โรดริเกวซ ซึ่งตอนนั้น ดูเหมือนว่าหมอกร้ายจะหายไปแล้ว
แต่ความซวยของนูนเยซ ไม่ได้จบแค่นั้น เพราะแค่ไม่กี่วันต่อมา เขาได้รับบาดเจ็บที่เอ็นลูกสะบ้าหัวเข่า ที่เข่าข้างเดิมเป๊ะ จนต้องเข้ารับการผ่าตัดเป็นหนที่ 2 คราวนี้ต้องพักไปอีก 7 เดือน
"อาการบาดเจ็บอันเลวร้ายทำให้ผมไม่ได้เล่นฟุตบอล 1 ปี กับอีก 5 เดือน คือตอนนั้นผมไม่เอาแล้ว อยากเลิกเล่นไปเลย แต่คนที่ให้กำลังใจผมตลอดในช่วงเวลานั้นคือครอบครัว และเพื่อนร่วมทีม"
นูนเยซ รวมพลังใจครั้งสุดท้ายฮึดสู้อีกรอบ และในที่สุดก็หายจากอาการบาดเจ็บ กลับมาลงเล่นได้สำเร็จ คราวนี้ก็สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงของเปนยารอลได้สำเร็จ
ในปี 2019 เตอร์กี อัล-ชีค เศรษฐีซาอุดิอาระเบียมาเทกโอเวอร์สโมสรอัลเมเรีย ในเซกุนด้า ของลีกสเปน ไอเดียของเขาคือต้องการสร้างทีมขึ้นมาใหม่ จึงตระเวนดูนักเตะดาวรุ่งจากทั่วโลก สุดท้ายไปเจอนูนเยซที่อุรุกวัย ทำให้ อัล-ชีค เดินหน้าซื้อทันที ในราคาสูงถึง 5.5 ล้านยูโร
เปนยารอลเองก็ไม่มีอะไรเสียหาย กับนักเตะดาวรุ่งที่เพิ่งได้ลงเล่นแค่ 14 นัด สามารถปล่อยขายได้ 5.5 ล้าน ก็คุ้มจนไม่รู้จะคุ้มยังไงแล้ว ในขณะที่ตัวนูนเยซก็ตอบตกลงย้ายทีม เพราะเป้าหมายหลักของเขาคือไปเล่นยุโรปให้ได้ก่อน แม้จะเริ่มต้นจากลีกรองก็โอเค
สิ่งแรกที่เขาทำ พอมีเงินมีทองจากการได้เล่นที่อัลเมเรีย คือทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ นูนเยซเล่าว่า "ตอนผมได้ย้ายไปอัลเมเรีย ผมซื้อที่ดิน 6 เฮคตาร์ให้กับแม่ ผมไม่มีวันลืมว่ารากเหง้าผมมาจากไหน"
แบ็กกราวน์ของนูนเยซ เขาเริ่มจากความยากลำบากมาตลอด ทั้งเรื่องเงินทองของครอบครัว และเรื่องอาการบาดเจ็บที่หนักเกินกว่าเด็กอายุ 16-17 สักคนจะรับมือไหว แต่เขาผ่านมันมาหมดแล้ว นั่นทำให้นูนเยซ มีภูมิคุ้มกันที่สูงเกินกว่าวัยรุ่นทั่วๆ ไป
กอนซาโล่ เดอ ลอส ซานโตส ผู้อำนวยการกีฬาของเปนยารอล อธิบายว่า "เขามีความเยือกเย็น และเป็นผู้ใหญ่เกินกว่าอายุมากๆ และที่สำคัญเขามีจิตใจที่ยึดมั่นกับชัยชนะ ซึ่งเป็น DNA ของนักเตะอุรุกวัยโดยแท้จริง"
ลองคิดดูว่า หลุยส์ ซัวเรซ มีแพสชั่นแค่ไหน ที่อยากจะเอาชนะในแต่ละเกม รุ่นน้องอย่างดาร์วิน นูนเยซ ก็ไม่ต่างกัน การเกิดมาในครอบครัวที่ลำบาก เป็นแรงกระตุ้นทำให้เขาอยากจะประสบความสำเร็จในอาชีพให้ได้
พอนูนเยซ ย้ายมาอัลเมเรียปั๊บ เขาได้สวมเสื้อเบอร์ 21 แต่เล่นในตำแหน่งเบอร์ 10 ซึ่งสไตล์การเล่นที่โค้ชเปโดร เอ็มมานูเอลต้องการ คือใช้นูนเยซ เป็นเพลย์เมกเกอร์ ในระบบ 4-2-3-1 เขาจะยืนอยู่ด้านหลังกองหน้าตัวเป้า ชื่อ เซกู คาสซาม่า หรือ ฮวน มุนยอซ
4
แต่พอเล่นไปเล่นมา โค้ชเห็นทักษะว่านักเตะอย่างนูนเยซ เหมาะจะเป็นกองหน้ามากกว่า ด้วยส่วนสูง 187 เซนติเมตร โหม่งดี ยิงได้สองเท้า นี่เป็นคุณสมบัติของ Striker แท้ๆ แต่นูนเยซ ไม่ถนัดแทงคิลเลอร์พาส เขาไม่ใช่เควิน เดอ บรอยน์ หรือ บรูโน่ เฟอร์นันเดส ดังนั้นจับไปเล่นกองหน้าดูจะตอบโจทย์มากกว่า
1
และจุดเด่นอีกอย่าง ที่ใครๆ ก็รับรู้ได้เลย คือนูนเยซมีความเร็วที่ไม่ธรรมดา โดยฮาเวียร์ อเกนโย่ โค้ชฟิตเนสของอัลเมเรียเล่าว่า "เขาคือหนึ่งในนักเตะที่เร็วที่สุดของลีก จังหวะการสปรินท์ของเขา คุณจะเห็นได้ถึงพละกำลังเลย มันเหมือนกับสัตว์ป่าก็ไม่ผิด"
1
การมีความเร็ว ทำให้เขาเล่นได้ดีมาก ในจังหวะ Transition ทันทีที่เพื่อนตัดบอลได้ เขาจะวิ่งไปยังพื้นที่ ที่กองหลังคู่แข่งมีรูโหว่ทันที ตัวอย่างเช่น ในเกมไปเยือนสโมสรลูโก้ ช่วงเดือนมกราคม 2020 ทันทีที่ฮวน มุนยอซ ตัดบอลได้ปั๊บ นูนเยซ วิ่งไปหาช่องว่าง แล้วซัดผ่านมือผู้รักษาประตูเข้าไปอย่างเฉียบขาด
หรือในเกมเจอเรอัล โอเบียโด้ นัดต่อมา ทันทีกองหลังคู่แข่งจับบอลพลาด เขาโฉบแย่งบอลดื้อๆ ล็อกหลบโกล์ แล้วยิงเข้าประตูโล่งๆ ไปเลย ถ้าให้นึกภาพตาม ก็เหมือนจังหวะที่จอร์จินโญ่จับบอลพลาด แล้วโดนเจดอน ซานโช่แย่งจากเท้า ก่อนสปรินท์ยาวเข้าไปยิงประตู คือเพราะมีความเร็ว ทำให้นูนเยซ เล่นแบบนั้นได้
การได้เล่นหน้าเป้า ทำให้เขาระเบิดฟอร์มออกมาทันที ปีแรกกับอัลเมเรียเขาซัดไป 16 ประตู เป็นดาวซัลโวอันดับ 4 ของลีก ถือว่าเป็นการเปิดตัวกับลีกยุโรปที่ยอดเยี่ยมมากๆ
เมื่อมีดาวรุ่งพุ่งขึ้นมาในลีกรองแบบนี้ พวกทีมใหญ่ในลีกโปรตุเกสอย่าง เบนฟิก้า หรือ ปอร์โต้ จะแย่งชิงตัวกัน คือเอานักเตะมาไว้ก่อน ให้ใช้สโมสรตัวเองเป็น Stepping Stone เพื่อก้าวต่อไปยังทีมใหญ่ขึ้น และเบนฟิก้าหรือปอร์โต้ ก็จะได้เงินก้อนโตในฐานะทีมคนกลาง
เบนฟิก้าเปิดตัว ว่าต้องการตัวนูนเยซ แต่ก็ต้องแย่งชิงกับ ไบรท์ตัน, เซาธ์แฮมป์ตัน และ อินเตอร์ มิลาน ที่เล็งอยู่เช่นกัน สุดท้ายเบนฟิก้าต้องตัดใจ จ่ายเงิน 24 ล้านยูโร ซึ่งเป็นราคาแพงที่สุดเท่าที่สโมสรเคยจ่ายให้ใครสักคน คว้าตัวมาร่วมทีมด้วย
1
นูนเยซสร้างสถิติเป็นนักเตะที่แพงที่สุด ที่ถูกขายออกไปจากลีกเซกุนด้า และ เป็นนักเตะที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของลีกโปรตุเกสอีกด้วย (ซื้อเข้าแพงสุดคือนูนเยซ ขายออกแพงสุดคือชูเอา เฟลิกซ์) เรียกได้ว่า คุณค่าของนูนเยซถูกยกไว้สูงขนาดนั้น
ฝีเท้าก็เรื่องหนึ่ง แต่นูนเยซ มีบุคลิกดี รูปร่างหน้าตาดี สามารถเอาไปต่อยอดทางการตลาดได้ง่ายมาก นอกจากนั้นคนที่ร่วมงานด้วยทั้งหมด บอกว่าเขามีนิสัยอ่อนน้อมถ่อมตัว ไม่ก้าวร้าว
1
ส่วนใน Social network เขามีอินสตาแกรมอยู่ก็จริง แต่ก็ไม่ค่อยโพสต์อะไร นูนเยซเปิดไอจี มา 5 ปีกว่า โพสต์ไปทั้งหมดแค่ 81 ครั้ง คือแค่ลงรูปในเหตุการณ์สำคัญเท่านั้น ถ้าเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ คือพอล ป็อกบา โพสต์ไอจีไป 1263 ครั้ง มากกว่านูนเยซ 15 เท่า
7
ทวิตเตอร์ไม่เล่น เฟซบุ๊กไม่เล่น โฟกัสที่การทำงานในสนามซ้อมอย่างเดียว ในมุมของสโมสรที่จะซื้อไป ก็รู้สึกว่าเงินที่เสียไปน่าจะคุ้ม เพราะนักเตะดูจะใจแตก หรือออกลูกเกเรได้ยาก
การย้ายไปร่วมทีมเบนฟิก้า ถือเป็นย่างก้าวที่ถูกชมว่า เป็น Smart Choice เป็นตัวเลือกที่ฉลาด เพราะเบนฟิก้าคือทีมชั้นนำ ได้เล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกด้วย แต่ในทางกลับกัน ลีกโปรตุเกสก็ไม่เข้มข้น และถูกคาดหวังสูงเหมือนพรีเมียร์ลีก หรือ ลาลีกา ดังนั้นเขาจะไม่กดดันเกินไป มีเวลาที่จะพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีก
1
ในปีแรกกับเบนฟิก้า (2020-21) นูนเยซ ยังไม่กล้าเล่นมากนัก ยังออกลูกเกรงใจรุ่นพี่ในทีม สถิติเลยออกมาเป็น 6 ประตู 10 แอสซิสต์ หลายๆ เกม เขาหลอกกองหลัง หลอกโกล์ หน้าทิ่มหมดแล้ว แต่แทนที่จะยิงเอง กลับไหลให้เพื่อนยิงง่ายๆ คือยังดูไม่ค่อยดุดันในแบบที่ Striker ควรจะเป็น
แต่สิ่งใหม่ที่นูนเยซ ได้เรียนรู้จากการย้ายมาเบนฟิก้าคือ เขาสามารถเล่นริมเส้นได้ คือด้วยความที่มีส่วนสูง 187 ซม. มันสูงเกินกว่าจะเป็นปีก แต่หลายๆ เกม โค้ชฮอร์เก้ เชซุส สลับเขาไปยืนปีกระหว่างเกม
ด้วยความเร็วที่มากพอ ทำให้นูนเยซเล่นริมเส้นได้จริงๆ แม้ตำแหน่งที่ถนัดที่สุดจะเป็นหน้าเป้า แต่ไปยืนปีก ก็ทำได้ดีไม่มีเคอะเขิน
ถ้าเป็นในเกม Football Manager ตำแหน่งที่ดีที่สุดของเขาคือ Wide Target Man เป็นตัวเป้าประเภทฉีกริมเส้นได้ คือเขาไม่เหมือนกับแฮร์รี่ เคน ที่เป็น Target Man แบบเพียวๆ ที่เล่นหันหลังเข้าหาประตูได้ดี และไม่เหมือนเออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ที่เป็น Poacher ยืนถูกตำแหน่งเสมอ
แต่สไตล์ของนูนเยซ เขาจะวิ่งเยอะมาก สปรินท์ตัวบ่อย ถ่างไปประสานงานกับเพื่อนที่ด้านข้างตลอด ซึ่งเป็นสไตล์กองหน้าที่ไม่ค่อยมีในยุคนี้
ปกติคนตัวใหญ่ก็จะแข็งแรงแต่วิ่งช้า หรือคนตัวเล็กก็จะวิ่งเร็วแต่ Body Balance ไม่ค่อยดี แต่นูนเยซ ทั้งใหญ่ ท้้งเร็ว ถือเป็นคุณสมบัติที่ทำให้มิกซ์กับแผนได้หลากหลาย
นูนเยซ มาผลิบานที่สุด ในปีที่สองกับเบนฟิก้า นั่นคือ ฤดูกาล 2021-22 เมื่อยิงประตูกระจาย 26 ลูกในลีก คว้าดาวซัลโวไปแบบเหนือๆ พร้อมพาเบนฟิก้า ทะลุถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายในแชมเปี้ยนส์ลีกอีกต่างหาก
ตัวเลข 26 ลูก อาจมีจำนวนน้อยกว่า โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ (34 ลูก) และ คาริม เบนเซม่า (27 ลูก) แต่ถ้าพูดถึงเรื่อง Minute per goal หรือเวลาที่อยู่ในสนามต่อการยิงประตู 1 ลูกแล้วล่ะก็ นูนเยซ เป็นอันดับ 1 ในยุโรป
1) นูนเยซ - ลง 1986 นาที ยิง 26 ลูก : เฉลี่ยยิง 1 ลูกทุกๆ 76 นาที
3
2) เลวานดอฟสกี้ - ลง 2951 นาที ยิง 35 ลูก : เฉลี่ยยิง 1 ลูก ทุกๆ 84 นาที
3) ฮาแลนด์ - ลง 1914 นาที ยิง 22 ลูก : เฉลี่ยยิง 1 ลูก ทุกๆ 87 นาที
4) แพทริก ชิก - ลง 2093 นาที ยิง 24 ลูก : เฉลี่ยยิง 1 ลูก ทุกๆ 87 นาที
5) เบนเซม่า - ลง 2596 นาที ยิง 27 ลูก : เฉลี่ยยิง 1 ลูก ทุกๆ 96 นาที
นั่นแสดงให้เห็นว่า เขาไม่ต้องใช้เวลาเยอะในสนาม ก็สามารถสร้างจังหวะจบสกอร์ได้ เป็นคุณสมบัติที่ดีของกองหน้า คือสร้าง Impact ได้เร็ว
นอกจากนั้น ยังเป็นกองหน้าที่มี Conversion Rate สูงถึง 27.2% คือโอกาสยิง 4 ครั้ง มีโอกาสเป็นประตูอย่างน้อย 1 ครั้ง เป็นสถิติสูงสุดอันดับ 1 ของกองหน้าใน 6 ลีกใหญ่ของยุโรป
แต่ก็แน่นอน มีคนท้วงติงว่านั่นมันลีกโปรตุเกส ความเขี้ยวอาจจะสู้บุนเดสลีกา หรือ ลาลีกาไม่ได้ ก็เลยทำสถิติได้ง่าย แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ตัวเลขระดับนี้ ก็นับว่าน่าประทับใจแล้ว
จริงๆ ไม่ใช่แค่ในลีก แต่นูนเยซ พิสูจน์ในช่วง 2 ปีกับเบนฟิก้าว่า เขายิงทีมใหญ่ในยุโรปได้เสมอ บาร์ซ่า, บาเยิร์น, ลิเวอร์พูล, อาแจ๊กซ์ โดนเขาสอยมาหมดแล้ว
ตอนที่ลิเวอร์พูลเจอเบนฟิก้า ในแชมเปี้ยนส์ลีก หลังจบเกม เจอร์เก้น คล็อปป์ ถึงกับชมเลยว่า "ร่างกายแข็งแรง เร็ว และนิ่งมากตอนจบสกอร์ ยอดมาก ยอดจริงๆ ถ้าหากเขารักษาสุขภาพแข็งแรงได้ต่อไป อาชีพของเขาจะไปไกลมากๆ แน่นอน" ซึ่งก็ไม่บ่อยนัก ที่คล็อปป์จะชมนักเตะทีมอื่นอย่างชัดเจนขนาดนี้
หลังจบฤดูกาล 2021-22 ถ้านูนเยซ เป็นสินค้าสักหนึ่งชิ้น เขาก็ Hot สุดขีด มีแต่คนต้องการอยากได้ตัว ซึ่งค่าฉีกสัญญาจริงๆ ในสัญญาอยู่ที่ 150 ล้านยูโร แต่เอาจริงๆ ทุกคนรู้ว่า ราคาไม่พุ่งไปบ้าคลั่งขนาดนั้นแน่ๆ ควรจะอยู่ที่ 70-90 ล้านยูโร เป็นตัวเลขที่กำลังดี
คือถ้านักเตะอย่างฮาแลนด์ ยังถูกขายให้แมนฯ ซิตี้ แค่ 60 ล้านยูโร นูนเยซ ก็ไม่ควรแพงกว่ากันมากนัก ซึ่งเบนฟิก้าก็รู้ดีว่าราคาที่เหมาะสมอยู่ตรงไหน
ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกอย่างของนูนเยซ คือช่วงปลายฤดูกาล เขาเปลี่ยนเอเยนต์ จาก เอ็ดการ์โด้ ลาซัลเวีย เอเยนต์ชาวอุรุกวัยที่อยู่ด้วยกันมานาน มาใช้บริการของ จอร์จ เมนเดส เอเยนต์เบอร์หนึ่งของโลกแทน
ซึ่งถ้าเมนเดสรับหน้าที่เป็นเอเยนต์ให้ใคร ก็พอจะการันตีได้เลยว่า นี่เป็นผู้เล่นคุณภาพ และจะสามารถสร้างกำไรให้เขาได้อย่างมหาศาล
เมื่อทุกอย่างมันโยงใยขนาดนี้ ทำให้คนมั่นใจว่า นูนเยซไปจากเบนฟิก้าแน่นอนในช่วงตลาดซัมเมอร์นี้ แต่คำถามคือ จะไปทีมไหนเท่านั้น
1
สำหรับทีมใดก็ตามที่ต้องการนูนเยซ ต้องเข้าใจข้อจำกัดบางอย่างก่อน เช่น
[ 1- เขาไม่เคยเล่นระบบ 4-3-3 ]
ในซีซั่นที่ผ่านมากับเบนฟิก้า นูนเยซ เล่นอยู่สามระบบ คือ 3-4-3 (19 เกม), 4-4-2 (13 เกม) และ 4-2-3-1 (8 เกม) ดังนั้นถ้าเป็นแผนอื่นจากนี้ ก็อาจต้องให้เวลาเขาปรับตัวอยู่บ้างเหมือนกัน
[ 2- เขาเล่นได้หลายตำแหน่ง แต่ชอบยืนหน้าเป้าในตำแหน่งเบอร์ 9 ]
สถิติบอกว่า ในซีซั่นที่ผ่านมา นูนเยซลงเล่นเป็นกองหน้าตัวเป้า 65%, กองกลางตัวรุก 25%, ปีกซ้าย 8% และ มิดฟิลด์ด้านซ้าย 2% จริงอยู่ว่าเขาเล่นปีกซ้ายได้บ้าง แต่มันจะไม่ใช่ตำแหน่งที่เขาถนัดที่สุด เขาชอบยืนตรงกลาง แล้วถ่างออกไปบางจังหวะมากกว่า
[ 3- เขามีปัญหาบ่อยที่หัวเข่า ]
1
นอกจากการผ่าตัด 2 ครั้ง ตอนอายุ 17 แล้ว เขายังเจ็บเข่าอีก 2 หน ในช่วงที่อยู่กับเบนฟิก้า โดยครั้งที่แย่ที่สุด ต้องผ่าตัดและพัก 3 เดือนเต็มๆ ในร่างกายที่แข็งแรง เหมือนหัวเข่าจะเป็นจุดอ่อนสำคัญ (อายุ 22 แต่ผ่าเข่าไปแล้ว 3 รอบ) คือถ้าไม่เป็นอะไรอีกก็ดีไป แต่ใครจะการันตีได้ว่าจะโอเคตลอดรอดฝั่งจริงๆ
ถ้าเข้าใจข้อจำกัดเหล่านี้ และคิดว่ารับมือได้ นูนเยซ จะเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ เพราะมีทุกอย่างแบบ Whole Package ครบเครื่องมากๆ
และที่สำคัญคืออายุเพิ่ง 22 ปีเท่านั้น (24 มิถุนายนนี้ จะอายุ 23 ปี) ทีมที่ซื้อไป ยังใช้การได้อีกนานมาก
ด้วยความที่อายุแค่นี้แปลว่า เขายังไม่ต้องเปลี่ยนสไตล์การเล่น ยังสามารถใช้พลังการวิ่งตะลุย ระเบิดให้กระจุยได้อยู่ คือถ้าเป็นกองหน้าอายุ 28-29 อีกแป้บเดียวก็จะต้องเปลี่ยนสไตล์การเล่นแล้ว แต่นูนเยซ ยังยึดจังหวะแบบเดิมได้เลย
ทัศนคติดี มีความเป็น Fighter มีความเป็นแฟมิลี่แมน ตอนนี้เป็นพ่อคนแล้ว มีลูก 1 คน ไม่ใช่เพลย์บอยที่จะเอาเรื่องนอกสนามมาส่งผลเสียในสนามด้วย แถมหน้าตายังดูดีมีประโยชน์ในแง่การตลาด โดยครั้งหนึ่ง เจอร์เก้น คล็อปป์เคยแซวนูนเยซว่าเป็น "An extremely handsome boy" (เด็กผู้ชายที่หล่อเป็นบ้า)
1
ดังนั้นกับราคา 80 ล้านยูโร ถามว่าแพงไหม ก็แพงนั่นแหละ แต่ก็ถือว่า Reasonable มีความสมเหตุสมผล เข้าใจได้ว่าทำไมต้องตั้งราคาขนาดนั้น และเชื่อว่าทีมใหญ่ๆ ในยุโรป ก็พร้อมจะสู้ด้วย
1
ที่น่าคิดคือ กองหน้าระดับโลกใน Range ที่อายุใกล้เคียงกัน มีสังกัดไปหมดแล้ว เอ็มบัปเป้ (23 ปี) เปแอสเชยึดไว้เป็นของรักของหวง, ฮาแลนด์ (21 ปี) เลือกไปแมนฯ ซิตี้ ดังนั้นมันเหลือชอยส์ไม่เยอะแล้ว ซึ่งคนที่พอจะซื้อขายได้ สามารถใช้งานได้เลย โดยไม่ต้องปั้นเยอะ ก็คือดาร์วิน นูนเยซ (22 ปี) นี่ล่ะ
ตอนนี้ สงครามการแย่งชิง นูนเยซ จึงเต็มไปด้วยความเข้มข้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับนิวคาสเซิล ออกตัวชัดเจนแต่แรกว่าอยากได้ ก่อนจะมีลิเวอร์พูลเข้ามาร่วมวงอีกทีม
สำหรับราคา ณ เวลานี้ หนังสือพิมพ์ A Bola นสพ.กีฬา หัวใหญ่ของโปรตุเกสอธิบายว่า ลิเวอร์พูลยื่นข้อเสนอมาแล้วรอบแรก 70 ล้านยูโร บวกอ็อปชั่นเสริมอีก 30 ล้านยูโร แต่โดนปฏิเสธไปแล้ว ทำให้ลิเวอร์พูลอัพข้อเสนอเป็น 80 ล้านยูโร + 20 ล้านยูโรแทน ซึ่งตอนนี้เบนฟิก้ากำลังพิจารณาอยู่
เรายังไม่รู้ว่าสุดท้าย นูนเยซ จะย้ายไปอยู่ทีมไหน แต่เชื่อได้เลยว่า ทีมที่ได้ตัวไป เหมือนได้อาวุธหนักมาหนึ่งชิ้น และจะสามารถต่อกรกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้อย่างเข้มข้นแน่ๆ ในฤดูกาลหน้า
นูนเยซ ปะทะ ฮาแลนด์ สองสุดยอดกองหน้าดาวรุ่งแห่งยุค ที่อายุห่างกันแค่ 6 เดือน มาปะทะกันในเวทีพรีเมียร์ลีก แค่คิดก็มันส์แล้วจริงๆ
#NEXTEPLSTAR
1
6 บันทึก
30
6
6
30
6
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย