10 มิ.ย. 2022 เวลา 11:41
36 สิ่งที่คุณต้องเจอเมื่อฟังเรื่องผี
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องผีหรือเรื่องลึกลับเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมไทยมานาน ด้วยความที่สังคมไทยเป็นสังคมแห่งความเชื่อ หลายๆคนมักเรื่องที่จะฟังเรื่องผีในเวลาที่ทำสิ่งอื่นไปด้วยเช่นทำงาน ขับรถ หรือแม้กระทั่งอาบน้ำ(ถ้ากล้าน่ะนะ) ผู้เขียนเองก็เคยฟังผ่านๆจากคนใกล้ตัวที่เปิดฟัง และผู้เขียนได้ทดลองฟังมาหลายสิบเรื่อง ได้พบว่า แต่ละเรื่องจะมีจุดร่วมที่เราจะพบเจอได้บ่อยมากเวลาฟังเรื่องผี วันนี้ผู้เขียนได้รวบรวมมาให้ทุกท่านได้อ่านและวิเคราะห์แล้วครับ
1. หากเป็นเรื่องเล่าที่มีผู้เล่าโทรมาเล่าในรายการ ร้อยละ 90 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกือบครึ่งมักเป็นเรื่องที่ผู้ที่โทรมาเล่าฟังต่อมาอีกทีหนึ่ง อาจเป็นยายทวด ตาทวด ลุง ป้า น้า อา พี่สาวเพื่อนพ่อของน้องยายเพื่อนบ้านเล่าให้ฟัง (แต่แหม ตอนโทรมาเล่า เล่าได้ละเอียดอย่างกับตาเห็นเชียว)
2.หากเป็นเรื่องเล่าที่มีผู้เล่าโทรมาเล่าในรายการ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกือบ 90% มักเกิดเมื่อหลายปีที่แล้ว ส่วนใหญ่จะเกริ่น “สวัสดีค่ะ ชื่อตู่ค่ะ เหตุการณ์ที่จะเล่านี้เป็นเหตุการณ์จริงเมื่อ 15 ปีที่แล้ว” แทบจะไม่มีสักครั้งที่จะ “สวัสดีค่ะ ชื่อตู่ค่ะ เหตุการณ์ที่จะเล่านี้เป็นเหตุการณ์เมื่อชั่วโมงที่แล้วค่ะ สดๆร้อนๆ”
3.หากเหตุการณ์เป็นเหตุการณ์ที่คนขับรถสาธารณะโทรมาเล่า ร้อยละ 90% จะเป็นเหตุการณ์ที่ผู้โดยสารหายไปได้เองบ้าง จำนวนคนผิดบ้าง ไม่ว่าจะเป็นแท็กซี่ รถบัส แต่แทบจะไม่มีที่ผีที่โดยสารมาจะลุกขึ้นมาบีบคอคนขับหรือโวยวายรถติด
4.หากในเรื่องมีผู้ที่ป่วย คนป่วยมักมีความผิดธรรมชาติเช่น จากพิการๆพอผีเข้ากลับเดินได้ , หลังจากไปหลบหลู่หรือทำอะไรบางอย่างมา หลังจากนั้นมักจะป่วย(แหม เขาจะป่วยตอนนั้นพอดีไม่ได้หรอ)
5.คนที่โทรมาเล่าในรายการ อาจมีบางคนที่เกริ่นก่อนว่าตนเองเป็นคนไม่เกรงกลัวผีสาง หรืออาจถึงขั้นชอบลบหลู่ผีก็เป็นได้ แต่เมื่อถึงจุดไคลแม็กซ์ของเรื่อง กลับไม่มีสักครั้งที่ผู้กล้าเหล่านั้นจะกระโดดตะครุบตัวผีให้เห็นจะๆ หรือวิ่งไล่ผีลากเอามาให้โลกได้เห็นผีตัวเป็นๆ
6.ผีมักไม่เคยทำร้ายมนุษย์ตรงๆสักครั้ง ตอนเป็นคนเราออกอาวุธด้วยการตบ ต่อย เตะ แต่เป็นผี จะใช้วิธีเข้าสิง บีบคอแทน
7.ไม่ว่าบ้านหลังนั้นจะแสนแพงแค่ไหน หากคนที่ซื้อเจอผีในบ้าน เขามักจะยอมเข้าใจว่าบ้านนั้นเป็นของผี เรามาอยู่ทีหลัง โดยที่ไม่คำนึงเลยว่าค่างวดที่ต้องผ่อนทุกงวด ผีไม่ได้ช่วยออกเลย
บรรยากาศบ้านผีสิงในจินตนาการ อ้างอิงภาพ : https://www.sanook.com/travel/1423481/
8.หากเป็นเรื่องเล่าที่มีผู้เล่าโทรมาเล่าในรายการ ร้อยละร้อยผีจะไม่กล้าโผล่มากลางที่สาธารณะ หรือที่ที่มีคนเยอะๆ ผีมักจะโผล่มาใน บ้านร้าง บ้านตัวเอง โรงหนัง ในรถ ไม่มีสักครั้งที่จะโผล่มากลางคอนเสิร์ต กลางชายหาด (เก่งจังนะกับคนตอน
เผลออะ)
9.ร้อยละร้อยของคนที่เจอผีในเรื่องเล่า มักจะไม่กล้าออกอาวุธใส่ผีเลย ทั้งๆที่มีมือมีเท้าพร้อมป้องกันตัว และไม่คำนึงเลยว่าถ้าผีจับตัวเราได้ เราจะจับตัวผีได้เช่นกันตามหลักวิทยาศาสตร์
กล้าหลอกคนนี้ปะล่ะ!!!
10.หากในเรื่องผีเป็นผีอำ ร้อยละ 90 จะเชื่อว่าเป็นผีโดยที่ไม่แม้แต่ค้นหาในกูเกิ้ลเลยว่า “สาเหตุของผีอำ” เพื่อที่จะศึกษาและทำความเข้าใจมัน
11.หากมีตัวละครในเรื่องผีป่วยหลังจากเหตุการณ์บางอย่าง ร้อยละ 70 มักจะไม่ไปรักษาตามหลักแพทย์ศาสตร์
12.สืบเนื่องจากข้อบน หากมีคนที่ป่วยหรืออาการเหมือนผีสิง หากมีเพื่อน หรือคนใกล้ตัวหาทางทำบุญหรือจะช่วย ผีมักจะตอบปฏิเสธว่า กรูไม่เอา กรูจะเอาเมิงไปอยู่ด้วย(เหงาแหละ ดูออก)
13.สืบเนื่องจากข้อบน หากผีตอบมาอย่างนี้ ร้อยละ 90 คนๆนั้นจะสู่ขิต
14.หากมีคนในเรื่องผี ตายเพราะผีสิง หรือป่วย หรือใดๆก็ตามแต่ และคนรอบตัวก็คิดและสัมผัสได้ว่าเป็นเพราะผี จะไม่มีสักครั้งที่คนรอบตัวจะสู้ผีกลับ (ไม่คิดบ้างเหรอ คนที่เรารักถูกผีเอาชีวิตเพียงเพราะพูดจาไม่ดี หรือนั่งทับที่ หรืออะไรก็แล้วแต่ ในชีวิตจริงไม่มีหรอกพูดหมิ่นกันแล้วจะเอาถึงตายโดยไม่มีโทษตามมา)
15.หากในเรื่องผี มีกล่าวถึงยมทูตมารับตัวคนนั้นคนนี้ แต่ทำไมไอ้ผีที่ตามหลอกหลอนคนมาทั้งเรื่อง ยมทูตกลับไม่เอาไป
16.เรามักจะได้ยินผีนางรำบ่อยๆ แต่มักจะไม่ได้ยินผีนักเปียโน นักกีตาร์ นักบอล นักมวย นักวิทยาศาสตร์ นักบินอวกาศ
17.คนมักจะบอกให้ผีไปที่ชอบๆ แต่สถานที่ที่น่าไปและคนชอบไปมักไม่มีผี เช่น น้ำตก ทะเล ชายหาด คาเฟ่
ที่ที่น่าจะชอบ อ้างอิงภาพ : https://mgronline.com/onlinesection/detail/9640000103018
18.ผีมักไปอยู่ที่ที่ไม่น่าจะชอบ เช่น วัด บ้าน โรงเรียน โรงแรม
19.ผีบางตนในเรื่องผี มักทำตัวเป็นนักกรรโชกทรัพย์ ถ้าไม่ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไป ก็จะตามตอแยไม่เลิก
20.และวิธีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลมักเป็นเรื่องคลาสสิกที่เจอได้ทุกเรื่องเล่า ถ้านรกและยมทูตมีจริง ทำไมไม่ทำอะไรสักอย่างกับผีมิจฉาชีพเหล่านี้
21.ผีมักเป็นบุคคลที่ไม่มีชื่อเสียง หรือมีชื่อเสียงในระดับชุมชนเท่านั้น เช่น ครู พยาบาล พระ ไม่ค่อยมีผีนักการเมือง ผีนักแสดง
22.อย่างน้อยผีในเรื่องเล่า ยังพอมีความเป็นลูกผู้ชายในตัว กล่าวคือส่วนมากผีจะไม่มีการรุมหลอก ส่วนมากจะเป็นผี 1 ตัวต่อคน 1 คนหรือคน 1 กลุ่ม ไม่เคยมีสักครั้งที่ผี 100 ตัวรุมหลอกคนๆเดียว
23.หากคนในเรื่องผีฝันเห็นคนที่ตายไป มักจะคิดว่าวิญญาณคนๆนั้นมาเข้าฝัน แล้วตอนที่ฝันถึงนายก ดารา นักร้องล่ะ???
24.ร้อยละ 90 หากมีพระมาเกี่ยวข้องด้วย เหตุการณ์มักจะเป็นการถูกผีหลอกและมาทำบุญให้ผี(จ่ายค่าไถ่) พระมักจะตอบราวกับเห็นผีขี่คออยู่ และอาจพูดเสริมว่า “เจอเรื่องหนักมาล่ะสิ” หรือ “เขาได้รับบุญแล้วนะ”
25.หากเป็นรายการที่มีผู้โทรมาเล่าเรื่องผี ผู้จัดรายการมักจะไม่พูดความเป็นเหตุเป็นผลหรือหลักวิทยาศาสตร์ที่จะขัดการเล่าเรื่องของผู้เล่าเลย(แหงสิ หากขัดรายการก็ล่ม) และร้อยละ 80 ผู้จัดรายการต้องมีเสียงซี้ดซ้าดให้กับความหวาดเสียวในเรื่อง
26.เป็นธรรมชาติที่มนุษย์เราจะมีคนที่พูดหรืออธิบายไม่เก่ง หรือพูดไม่รู้เรื่อง(รอบตัวเราต้องมีสักคนล่ะน่า) แต่แทบจะไม่มีสักครั้งที่คนพวกนี้จะโทรมาเล่าเรื่องผี ส่วนมากคนที่โทรมานี่จะเล่าเรื่องได้อย่างระดับเซียน ทั้งเกริ่น ทั้งอารัภบทซะคนฟังรู้สึกตามราวกับ 4D
27.ร้อยละ 90 ของคนที่โทรมาเล่าเรื่องผี มักจะตีความว่าเสียงก๊อกแก๊กที่ได้ยินเป็นเสียงที่ผีทำ โดยไม่คิดถึงหลักวิทยาศาสตร์ , หลักฟิสิกส์ , หลักจิตวิทยา , หลักความน่าจะเป็น
28.ผีร้อยละร้อยในเรื่องเล่า มักจะไม่มาให้ความสุข เช่น มาชวนกินเหล้า ชวนปาร์ตี้ เล่นเกม ต่อให้เป็นคนที่ร่าเริงแจ่มใสแค่ไหน หลังตายไปจะทำได้แค่มาหลอกมาหลอนเท่านั้น
29.เรื่องผีบางเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องที่โทรมาเล่า หรือเป็นเรื่องที่ผู้จัดทำคลิปเล่าเอง มักบรรยายสถานการณ์ สถานที่อย่างละเอียดเกิน “วันนั้นเป็นวันจันทร์ที่อากาศแจ่มใส ผมใส่ชุดทำงานสีขาวออกไปทำงานด้วยรถปรับอากาศสาย 23 วันนั้นรถมาช้ามากจนผมเหนื่อย เมื่อรถมาผมวิ่งขึ้นรถทำให้รองเท้าคัทชูมูลค่า 3000 บาทผมขาด ผมเอาไปซ่อมที่สยามด้วยรถตุ๊กๆ คนขับรถใส่เสื้อสีเขียว เอ่อออออ จาก 25 นาทีของคลิป ผีจะโผล่มาตอนไหนครับ สคิปไปเลยได้ไหมครับ แค่พี่บรรยายรายละเอียดขนาดนี้ก็ 15 นาทีแล้ว
30.เรื่องผีบางเรื่อง ผีจะเดินทางโดยรถสาธารณะ(บางครั้งอยู่ดีก็หายไปเองบ้าง เป็นความเชื่อว่าต้องเอาเขามาส่งที่นั่นที่นี่บ้าง) แต่เรื่องผีเรื่องก่อนๆหน้าที่ฟังมา ผีมีระบบวาร์ปนะ หรือผีแต่ละตัวออพชั่นไม่เหมือนกัน
31.สัตว์เมื่อตายไปแล้วมักจะไม่เป็นผี
32.สืบเนื่องจากข้อบนๆ ที่คนเล่าเรื่องผีมักจะเป็นผู้ที่พูดไปอย่างฉะฉานชัดเจน สำหรับผี ผีทุกตัวในเรื่องเล่า จะพูดช้าๆ เสียงลอยๆ ไม่ว่าก่อนตายคนๆนั้นจะพูดจาได้เร็วหรือพูดได้ปกติ พอตายไปสกิลการพูดจะน้อยลง
33.หากเรื่องผีเป็นเรื่องที่โทรมาเล่าในรายการ หากเหตุการณ์เป็นการเจอผีในห้องพัก หลังจากเจอผีแล้ว ร้อยละ 80 ผู้ที่เจอผีจะลงมาถามแผนกต้อนรับ และแผนกต้อนรับก็จะหน้าซีดแล้วพูดทำนองว่า พี่ก็เจอเหมือนกันหรอ , ห้องนี้เคยมีคนตายค่ะพี่ (แหม ลักษณะการเจอผีที่เจอก่อน แล้วมาถามผู้รู้และผู้รู้เฉลยในตอนท้ายเนี่ย อย่างกับการแสดงในภาพยนตร์ที่จะต้องมีจุดไคลแม็กซ์และเฉลยปมในตอนจบตลอดเลยน้าาาา)
34.ผีในเรื่องเล่าเกือบทุกเรื่อง พฤติกรรมของผีมักเป็นพฤติกรรมที่พบเห็นได้บ่อยในภาพยนตร์ผีที่ออกฉาย เช่น นิ่ง เงียบ ไม่พูดไม่จา อารมณ์ร้าย กลั่นแกล้ง จะไม่มีสักครั้งที่ผีจะอารมณ์ดี ร้องเพลงแร๊บโย่ว
35.ร้อยละ 50 ของอาการป่วยหรือเหตุการณ์ในเรื่องเล่า มักสามารถอธิบายได้ด้วยหลักวิทยาศาสตร์ แต่ผู้ที่พบเจอมักจะไม่ค้นหาข้อมูลก่อน เช่น ผีอำ เป็นผลสืบเนื่องจากอาการเหนื่อยของร่างกายและการพักผ่อนไม่เพียงพอ เสียงก๊อกแก๊ก อาจเกิดจากการขยายตัวหรือหดตัวของเนื้อไม้เมื่ออุณหภูมิเปลี่ยน(หากเป็นบ้านไม้กลางคืนอาจได้ยินเสียง) เห็นบางอย่างแว๊บไปแว๊บมา , เห็นผี อาจเกิดจากความเข้าใจผิดของสมองที่มีผลต่อการรับรู้ (คล้ายภาพ 3 มิติที่เรามองแล้วมันไม่ตรงความเป็นจริง , หรือภาพติดตา ) หรือการเห็นผีอาจเกิดจากจิตใต้สำนึก , ความเครียด หรืออาการผิดปกติของสมอง(ผู้ที่เห็นผีอาจไม่ได้โกหก เขาเห็นจริงๆ แต่มันเป็นสิ่งที่อยู่ในสมองของเขาเท่านั้น)
ลักษณะของผีอำที่พบได้ทั่วไป อ้างอิงภาพ : https://www.chiangmainews.co.th/page/archives/792095/
36.หากมีคนทรงหรือหมอผีในเรื่อง คนทรงหรือหมอผีมักจะไม่สามารถช่วยผู้ที่ถูกผีหลอกได้ และผู้ที่ถูกหลอกในเรื่องนั้นๆมักจะสู่ขิต
ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไปเมื่อฟังเรื่องผี อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องผีนั้นเป็นเรื่องที่สนุก ตื่นเต้น และมีศิลปะในการเล่าอย่างหนึ่งเช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องผีนี้น่าจะเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมไทยไปอีกนานแน่นอนครับ
หวังว่าทุกท่านคงจะสนุกกับบทความนี้นะครับ
โฆษณา