Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
🔱
•
ติดตาม
10 มิ.ย. 2022 เวลา 23:07 • ปรัชญา
ผมเพิ่งดูหนังเรื่อง Shutter Island พระเอกป่วยทางจิตและคิดว่าตัวเองเป็นตำรวจศาล โดยที่ตลอดทั้งเรื่องเขาไม่รู้ตัวว่าบุคคลที่เขาเห็นและพูดคุยด้วยนั้นเป็นแค่ภาพในความคิดของเขาเท่านั้น
มันทำให้ผมนึกถึงคำว่า "โลกสมมติ"และ"มายา"
พระเอกในเรื่องเจ็บปวดและเป็นทุกข์เสียใจกับสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริง นั่นมันก็ไม่ต่างอะไรกับที่พวกเราอินกับละครชีวิตของตัวเอง
เราเป็นทุกข์กับชีวิต ใช่
ที่ทุกข์เพราะหลงในมายาสมมติ มิใช่ทุกข์เพราะการมาเกิดมีชีวิต
คำว่าตื่นรู้ ควรจะหมายถึงมีสติตื่นจากมายาฝัน เหมือนเวลาที่เรากำลังดูภาพยนตร์ สติทำให้เรารู้ว่านั่นไม่ใช่เรื่องจริงแต่เราก็ยังอินไปกับมัน ในขณะที่ดวงวิญญาณก็เฝ้าดูที่เราแสดงอีกที
คำถามคือแล้วดวงวิญญาณอินไปกับชีวิตของเรามั้ย?
ถ้าไม่อินก็คงไม่เลือกเข้ามาสู่เกมส์การวิวัฒน์นี้ ต้องถือว่าเป็นการเสียสละของทั้งตัวเราและทุกดวงวิญญาณบนโลกมายา
พวกเราดูภาพยนต์เพื่อความบันเทิงใช่ไหม?
จักรวาลก็ถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน
คนจำนวนมากอยากหนีไปจากที่นี่ เหมือนกับที่เขาไม่รู้ว่าที่นี่เป็นเพียงภาพฉายหลายมิติ
มันก็ไม่แปลกกับความไม่รู้นี้เพราะถ้ารู้หมดแล้วมันก็ไม่สนุก
และนี่เป็นความต่างระหว่างผู้ตื่นกับผู้หลับ คือสติสัมปชัญญะ
เราจะตอบสนองต่อเหตุการณ์ชีวิตอย่างไรเมื่อเรารู้แล้วว่าไม่มีอะไรเป็นความจริงเลย?
ผู้บรรลุแล้วเขาไม่จำเป็นต้องละทิ้งใครหรือสิ่งใด เขาแค่ไม่ตกเป็นทาสของมันอย่างขาดเสียไม่ได้ สิ่งที่เขาทำคือวางมายาไว้ข้างๆไม่ได้กอดมันไว้แล้วเลือกใช้ให้เป็นประโยชน์กับตนเองโดยที่ไม่สร้างความทุกข์กับผู้อื่น
แล้วจริงหรือที่ชีวิตเรานี้เป็นเพียงภาพมายา?
แล้วจริงหรือที่ดวงวิญญาณเป็นผู้เลือกแต่ละบทบาทเองโดยที่มันไม่ได้กลัวการมาเกิดเหมือนที่เรากลัว?
▶️ ถ้าดวงวิญญาณมีอยู่จริงและตัวมันไม่เปลี่ยน ที่เปลี่ยนคือเรา แปลว่าเราคือสมมุติของดวงวิญญาณ
▶️ ถ้าการเวียนว่ายตายเกิดมีอยู่จริง แปลว่ามันต้องเกิดจากการเลือก (ไม่เคยมีอะไรที่เข้ามาสู่ชีวิตเราโดยที่เราไม่ได้เลือก อยู่ที่ว่าเลือกโดยเจตนาหรือไม่แค่นั้น) และเพราะดวงวิญญาณมีความคิดปัญญาบริสุทธิ์ การมาเกิดเพราะอำนาจกรรมเก่าจะไม่สมเหตุผลกับข้อที่ว่าชีวิตเป็นการสมมุติชั่วคราวเพื่อการวิวัฒน์จิตวิญญาณ แล้วกรรมนั้นจะมีอำนาจเหนือดวงวิญญาณที่เป็นผู้สร้างเกมส์นี้ขึ้นมาเองได้อย่างไร?
ที่นี่กรรมเป็นเรื่องของผลสืบเนื่องจากการกระทำตามกฎแรงดึงดูด ส่วนโอกาสเกิดจากการตกลงยินยอมของดวงวิญญาณเจ้าของร่างกายนั้นๆสำหรับผลที่จะได้รับร่วมกัน
แต่ในโลกวิญญาณไม่มีกฎสมมติทางกายภาพ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในมิตินั้นเป็นผลของเจตจำนงรังสรรค์ไร้เงื่อนไข และไม่มีใครมีสิทธิอำนาจเหนือผู้อื่นในการมาตัดสินพิพากษา
และในเมื่อดวงวิญญาณรู้ว่าที่นี่เป็นเรื่องสมมุติขึ้น มันจะกลัวทำไม? เหมือนกับเวลาที่เราดูภาพยนต์นั่นแหละมีแต่เด็กเล็กๆที่อินจนกลัว แล้วตอนนี้เราโตพอหรือยัง?
หากไม่ชื่นชอบละครเรื่องนี้ เปลี่ยนเนื้อเรื่องได้ไหม?
มีคำสอนที่ว่าเมื่อเกิดปัญหาให้ถอยออกมาเป็นผู้ดู คำสอนนี้ใช่เลยเพราะนั่นคือมุมมองเดียวกันกับที่ดวงวิญญาณเราทำ
1. การเป็นผู้ดูจะทำให้เรามีสติ
2. เมื่อมีสติ - อารมณ์จะเปลี่ยน, เมื่ออารมณ์เปลี่ยน - พลังงานดึงดูดจะเปลี่ยน, เมื่อพลังงานดึงดูดเปลี่ยน - เรื่องราวชีวิตก็จะเปลี่ยนตาม (ซึ่งเราอาจจะมีความคิดดีๆหรือมีคนเข้ามาช่วยก็แล้วแต่ แต่ละคนเรื่องไม่เหมือนกันล่ะนะ)
เหตุผลของการปฏิบัติเพื่อเข้าถึงพระเจ้าก็เป็นเพราะสาเหตุนี้ เพื่อให้เรามีจิตสำนึกเดียวกับกันดวงวิญญาณของตนเองจะได้บรรลุปัญญาไม่หลงไปกับมายาภาพลวง
หรืออย่างน้อยที่สุดผู้ปฏิบัติอยู่เสมอจะไม่หลงสติ พวกเขามักสงบเสงี่ยม อ่อนโยน ไม่เสียใจง่ายและไม่โกรธง่าย พร้อมทั้งมีเมตตาต่อทุกชีวิต
เราทุกคนก็เหมือนคนไข้ที่ใจป่วยและธรรมะคือยาแก้
ยาดีนั้นปรุงจากความรักเสมอ
และไม่จำเป็นต้องไปหาหมอภายนอก ธรรมะควรฟังจากถ้อยคำความรู้สึกของจิตวิญญาณตนเอง วิธีคือจงกลับเข้าสู่ภายใน.
บันทึก
4
1
4
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย