11 มิ.ย. 2022 เวลา 14:47 • การ์ตูน
EP : 1,074
Birdman Anthology มนุษย์ปักษา
หากเอ่ยชื่อของปรมาจารย์มังงะชื่อดังอย่าง อ.โอซามุ เท็ตสึกะ แล้ว ...ผมว่าแต่ละคนคงมีเหตุผลความชอบในงานของ อ.ที่แตกต่างกัน เพราะผลงานของ อ. มีความหลากหลายในรูปแบบและการนำเสนอเอามากๆ
อ. เขียนตั้งแต่งานสำหรับเด็กเล็ก จนถึงงานสุดเครียด สะท้อนสังคมแบบเจ็บแสบสำหรับคนอ่านผู้ใหญ่ที่ต้องการอะไรหนักๆมากระแทกความรู้สึกระหว่างการอ่าน และทุกแนวก็เขียนได้ดีและดีมากด้วย นี่ยังไม่รวมถึงจำนวนผลงานที่ในชีวิตการทำงานของ อ. ทำออกมาโครตเยอะ จนแทบไม่น่าเชื่อว่าจำนวนเรื่องที่ออกมาขนาดนี้มาจาก อ. เพียงคนเดียว
ซึ่งผมเชื่อว่าในปัจจุบันคงไม่มีนักเขียนคนไหนทำได้เท่ากับ อ. แน่ๆ เพราะไม่ว่าจะนับดูทั้งปริมาณเรื่องที่ออก และคุณภาพที่ได้ ผมเชื่อมั่นว่า ตั้งแต่ในอดีตจนถึงอนาคต คงไม่มีอีกแล้ว คนแบบ “โอซามุ เท็ตสึกะ” ครับ
ใช่ครับ มังงะที่จะมารีวิวในครั้งนี้ ก็คืออีกหนึ่งผลงานของ อ. “โอซามุ เท็ตสึกะ” ที่ผมแทบไม่ต้องคิดอะไรมากในการหามาอ่านเลย และไม่ต้องมาสนใจหาข้อมูลก่อนจ่ายด้วยซ้ำว่าเรื่องนี้พูดถึงอะไร
เพราะแค่ชื่อของ อ. มันก็ชวนให้เสียเงินโดยไม่ต้องคิดมากอยู่แล้ว เพียงแต่ผมต้องลุ้นซักหน่อยว่าแนวของเรื่องนี้จะออกแนวที่ผมชื่นชอบหรือเปล่า ด้วยอย่างที่รู้กันว่า อ. เขามีผลงานที่เขียนเอาไว้หลากหลายแนวมากๆ แม้ทุกเรื่องจะสนุก แต่ก็ใช่ว่าจะถูกใจผมทุกเรื่องครับ เพราะแบบนั้นเราถึงต้องลองอ่านกันกับเรื่องนี้ “Birdman Anthology มนุษย์ปักษา” ครับ
... เมื่ออยู่ๆ เกิดคดีเพลิงไหม้ต่อเนื่องอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน จนนำมาซึ่งความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินอย่างมากในช่วงนี้ ทำให้ทีมงานสืบสวนต้องพยายามหาต้นตอของการวางเพลิงนี้ให้ได้ ว่าเกิดจากน้ำมือใครกันแน่
แต่ขณะที่กำลังมืดแปดด้านกันอยู่นั้น ทีมสืบสวนก็ได้ภาพถ่ายรูปหนึ่งที่จะช่วยคลี่คลายคำถามนี้มาอยู่ในมือ เพียงแต่ว่ามันออกจะเหลือเชื่อเกินไป เพราะในภาพนั้นมันคือภาพของ “นก” ที่คาบไม้ขีดไฟอยู่ เกิดอะไรขึ้น การวางเพลิงครั้งนี้เกิดจากฝีมือ”นก” เหรอ เป็นไปไม่ได้
และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราวที่จะนำพามนุษยชาติเข้าสู่ยุคที่มนุษย์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร ยุคที่พวกเราไม่ใช่ผู้ครอบครองโลกใบนี้อีกต่อไป ใน“Birdman Anthology มนุษย์ปักษา”..
“ผู้ครองน่านฟ้าได้ คือผู้ครองความได้เปรียบทางยุทธภูมิ” ... นี่คือสิ่งแรกที่ผมรู้สึกจากเรื่องนี้นะครับ ที่คำพูดแนวนี้ออกมา เพราะตอนแรกผมมีความรู้สึกย้อนแย้งในสิ่งที่เรื่องนำเสนอ ด้วยเรื่องนี้กำลังบอกเล่าเรื่องราวว่า เมื่อ “นก” มีความคิดและภูมิปัญญามากขึ้น
พวกมันสามารถที่จะเปลี่ยนจุดสมดุลและทำลายประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติในฐานะที่เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ครองโลกใบนี้อยู่... ผมคิดว่ามันสามารถเกิดขึ้นได้จริงๆเหรอ
เพราะแบบนั้นประโยคที่ผมพูดไปถึงเด้งขึ้นมาเพื่อตอบคำถามของตัวผมเองครับ ซึ่งมันคือสิ่งที่เรื่องนี้ใช้ในการสื่อสารเป็นสารตั้งต้นและใช้เล่าไปตลอดทั้งเรื่องกับความคิดที่ว่า “สิ่งมีชีวิตที่มีระดับการวิวัฒนาการสูงสุดนั้น จะต้องมีความสามารถในการบินกลางอากาศไว้ด้วย ถึงจะเป็นการวิวัฒนาการที่ถูกต้องในจักรวาลนี้” และเรื่องทั้งเรื่องนี้ก็เริ่มต้นจากแนวความคิดนี้ครับ
ผมมองว่าสารตั้งต้นนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่นำมาเล่นได้น่าสนใจมากๆนะครับ ทั้งในแง่แนวความคิดและแนวปฎิบัติหลักความคิดนี้ก็ไม่ได้ดู “ไม่ใช่” ซะทีเดียว นั่นก็คือเราอ่านแล้วมันชวนให้คิดต่อว่าอาจจะหรือเป็นไปได้ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง
เพราะแบบนั้นการอ่านเรื่องนี้จึงเป็นอะไรที่ผมไม่ได้รู้สึกต่อต้านหรือปฎิเสธในแนวความคิดที่ใส่มา ซึ่งจุดนี้ก็เป็นอีกจุดที่ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ผู้เขียนต้องให้ความสำคัญมากๆเรื่องนึงเลยครับ
และตามชื่อเรื่องครับเรื่องนี้นำเสนอเรื่อง “นก” โดยเปรียบเทียบด้วยแนวคิดอย่างที่กล่าวไป กับวงศ์วานของมนุษย์ และท้าทายความคิดด้วยการทำให้เหล่านัก กลายมาเป็นเจ้าของดาวสีน้ำเงินดวงนี้แทนพวกเรา
สิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่แค่หลักความคิดในแบบที่ผมเพิ่งกล่าวไปเท่านั้น อันนั้นเป็นสารตั้งต้นและเป็นกระดูกสันหลังเพื่อใช้เป็นหลักในการเล่าเรื่องในเล่มนี้ แต่สิ่งที่ทุกคนน่าจะชอบกันก็คือการนำเสนอเรื่องราวเชิงเปรียบเทียบ และ จิกกัด สิ่งที่เรียกว่า “ระบบและสังคม” ซึ่งเป็นจุดเด่นของการเติบโตของเหล่ามนุษย์จนกลายเป็นอย่างทุกวันนี้ ได้อย่างน่าสนใจครับ
ถ้าใครได้อ่านจะพบว่าเรื่องจับประวัติศาสตร์การเติบโตของมนุษย์ทาบไว้กับการเปลี่ยนแปลงที่นกก้าวเข้ามาเป็นเจ้าโลก หรือจะเรียกว่า 2 ส่วนสำคัญที่เรื่องนี้นำเสนอออกมาก็คือ การล้อเข้ากับความเป็นสังคมมนุษย์ และ บุคลิกทางกายภาพของความเป็นนก
โดย 2 เรื่องที่ดูไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันนี้นั้น ถูกผสมและฉายภาพซ้ำๆที่ครั้งนึงมนุษย์เคยก้าวผ่านมาโดยมีนกและสังคมของนกที่ทับซ้อนกับสังคมของคน เป็นตัวแทนของการเล่าเรื่องในครั้งนี้ครับ
ในแง่นึงการได้อ่านอะไรแบบนี้มันก็สนุกเพราะด้วยองค์ประกอบและสิ่งที่กำลังเล่า มันก็คือภาพสะท้อนของสังคมมนุษย์ รวมถึงความเป็นมนุษย์ของเราอย่างไม่ผิดเพี้ยน
และยิ่งมีหลายเหตุการณ์ที่หยิบเอาตัวละครในหน้าประวัติศาสตร์มาเล่นโดยแทนที่ด้วยนกแล้ว ก็ยิ่งขบขันในสิ่งที่ได้อ่านเพราะเรากำลังได้อ่านความเป็นมนุษย์แต่ในหน้าฉากมันคือ “นก” นกที่กำลังจะพยายามเป็นมนุษย์แต่ในขณะเดียวกันก็ปฎิเสธความเป็นมนุษย์ด้วยเช่นกัน เพราะสำหรับโลกในนี้ “นก” คือสิ่งมีชีวิตที่เหนือกว่าทุกสิ่งในโลกใบนี้ และ มนุษย์เราก็ทำแบบนั้นมาตลอดไม่ใช่เหรอครับ
ผมว่านี่คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของงาน อ. เขานะ การตีความและการนำเสนอ ไม่ได้ลึกเกินที่คนอ่านจะเข้าถึงหรือเข้าใจ หยิบเรื่องราวง่ายๆ มาเล่าได้เจ็บดี ถ้าคนที่คิดไปด้วยระหว่างอ่านจะรู้สึกว่ามันเต็มไปด้วยจริตของมนุษย์ และความเป็นธรรมชาติที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ร้อยกี่พันปี มนุษย์เราไม่อาจหนีจากความเป็นมนุษย์เยี่ยงนี้ไปได้อย่างแน่นอน เพราะมันคือธรรมชาติของพวกเราเหล่ามนุษย์ไม่ใช่เหรอครับ
ในแง่ของเนื้อหาเรื่องนี้ยังคงนำเสนออะไรที่เจ็บแสบ น่าสนใจในประเด็นของมนุษย์ในแบบของ อ. เช่นเดิม และในแง่ของการเล่าเรื่อง เรื่องนี้ก็ทำออกมาได้น่าสนใจมากๆ ด้วยโจทย์ของเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า “วิวัฒนาการ” เข้ามาร่วมด้วย อันหมายถึง
มันต้องใช้เวลายาวนานกว่าจะเห็นสิ่งที่เรียกว่า วิวัฒนาการ ตามที่ต้องการจะเล่า อ. ก็เลยใช้วิธีการเล่าแบบตามไทม์ไลน์ที่ควรเป็นแต่เร่งสปีดเหมือนจัมป์เนื้อหาเป็นช่วงๆไปครับ โดยการเปิดเรื่องจุดเกิดเหตุการเผาจากนกอย่างที่บอก แล้วข้ามไปไกลสู่จังหวะต่อไปที่เราเริ่มเห็นว่ามันเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว และต่อด้วยสถานการณ์เหตุการณ์ที่ทิ้งช่วงไปไกลมากๆ ต่อไปเรื่อยๆ ครับ
ซึ่งถ้าถามผมว่าการเล่าแบบนี้อ่านแล้ว งง ไหม ก็ต้องบอกว่าไม่นะครับ เพียงแต่เราต้องตั้งสติและคิดตามให้ดีๆ จะพบว่าแม้มันไม่เชื่อมต่อกันด้วยเนื้อหาระหว่างตอน แต่มันมีความเชื่อมกันอยู่ระหว่างใจความของสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งผมมองว่า อ. เขาเล่าออกมาได้ดีนะครับ เพราะแม้จะห่างกันอย่างมากตามเวลาที่เกิดเรื่องจริงๆ
แต่เราก็ยังพอเห็นเส้นสายของความเกี่ยวข้องกันและส่วนหนึ่งด้วยเนื้อหาในแต่ละตอนที่เราได้อ่านนั้น มันเป็นการเลียนแบบเรื่องราวของมนุษย์ ความเจริญที่เห็นเลยจับใจความเข้ากับตอนก่อนๆได้ไม่ยาก โดยรวมต้องบอกว่า อ. เขาตัดสินใจได้ดีกับการเล่าออกมาแบบนี้ครับ เพราะมันทำให้เราเห็นภาพของช่วงเวลาที่ยาวนานระดับนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา ด้วยเนื้อหาที่มีให้อ่านประมาณนี้ครับ
“Birdman Anthology มนุษย์ปักษา” เป็นอีกหนึ่งผลงานจากอีกค่ายไพเรทเจ้าใหญ่อย่าง Uga Comic ซึ่งได้ผลิตผลงานดีๆ และน่าสนใจออกมาให้เราต้องจ่ายเงินกันอยู่เสมอ ในแง่ตลาดไพเรทแล้ว น่าจะไม่มีใครไม่รู้จักค่ายนี้แล้วนะ โดยที่รอบนี้ทางค่ายทำเล่มนี้ออกมาด้วยขนาด BB แบบปกสองชั้นเหมือนเดิม
ปกนอกสีสันสวยงาม ดูเรียบๆด้วยการใช้ภาพนก ต่อเนื่องกันจากปกด้านหน้าไปด้านหลัง ซึ่งจะเข้าใจความหมายของมันเมื่อคุณได้อ่านงานข้างในครับ และแน่นอนครับงานพิมพ์ดีเช่นเดิม ส่วนปกด้านในนั้น พิมพ์เป็น 2 สีด้วยฉากหลังสีเหลืองเหมือนกับปกนอก โดยใช้ตัวอักษรสีดำเรียกความสนใจ ภาพรวมปกทั้งนอกและในทำออกมาได้น่าสนใจเหมือนเดิมครับ
ตัวเล่มเปิดอ่านแบบญี่ปุ่น โดยข้างในเล่มพิมพ์เป็นภาพขาวดำทั้งหมด งานพิมพ์คมชัดดีครับ ทั้งในส่วนภาพโซนดำและขาว รวมถึงงานสกีน ทำออกมาได้ดีเช่นเดิม ส่วนงานแปลนั้นก็อ่านลื่นอย่างที่ควรเป็น ภาพรวมของรูปเล่มและงานผลิตในครั้งนี้ต้องถือว่าทำได้ดีเช่นเดิม และดีตามมาตรฐานที่ทางค่ายเคยทำเอาไว้ คนจ่ายเงินรับรองสบายใจแน่นอนครับ
ถ้ามองจากคนอ่านทั่วไปอย่างผมที่เคยอ่านงานของ อ. มาก่อน และหากมองเรื่องนี้ในโทนเนื้อหาแนวเสียดสีสังคมแล้วละก็ ก็ต้องถือว่าเรื่องนี้อ่านสนุกและเพลิน มีความหนักที่ไม่ได้มากไปหรือน้อยไป
และเข้าถึงได้ง่ายกว่าหลายๆเรื่องที่เคยอ่านของ อ. มานะครับ พูดแบบนี้ไม่ใช่ว่ามันเบามากนะ มันก็จิกกัดและนำเสนอภาพสะท้อนของสังคมมนุษย์ได้ดี โดยเฉพาะตัวละครแนวแฟนตาซีที่คอยชี้นำเรื่องราวให้เดินทางมาถึงจุดนี้ด้วยครับ ผมว่าทุกองค์ประกอบมันสะท้อนถึงมนุษย์ได้เป็นอย่างดีในหลายๆแง่
แต่ด้วยการนำเสนออาจไม่เน้นให้สะเทือนจิตหรือตับมากเกินไป ผมถึงรู้สึกว่าเรื่องนี้อ่านได้ง่ายระดับนึงเลยครับ รวมถึงย่อยได้ง่ายด้วยเช่นกัน
เอาเป็นว่านี่เป็นอีกเรื่องมังงะดีๆที่ไม่ควรพลาด ไม่ว่าคุณจะเป็นคนชอบแนวนี้หรือไม่ หรือว่าคุณจะเป็นแฟนงานของ อ. หรือไม่ก็ตาม เรื่องนี้ก็มีคุณค่าที่คุณควรหามาอ่านซักครั้งอยู่ดีครับ เป็นมังงะอีกเรื่องที่อ่านแล้วจะได้อะไรกลับมาหลายๆอย่าง ขึ้นอยู่กับว่าคุณคิดและหยิบเรื่องอะไรข้างในนี้มาคิดบ้างครับ แนะนำครับ
ภาพ 8.9/10
เรื่อง 9/10
ความประทับใจ 9/10
อ่านรีวิวเรื่องอื่นๆที่ทางเพจเคยรีวิวไว้มีกว่า 1,000 กว่าเรื่องตามลิงค์ด้านล่างนี้ครับ.
.
#Manga #รีวิวการ์ตูน #จบ #UgaComic #การ์ตูนแนวเสียดสีสังคม #การ์ตูนแนวดราม่า #MangaAnimeReviews #การ์ตูนแนวสะท้อนสังคม #9คะแนน #มนุษย์ปักษา #หนังสือการ์ตูน #Rate15 #OsamuTezuka #เล่มเดียวจบ
โฆษณา