11 มิ.ย. 2022 เวลา 16:33 • สุขภาพ
ภาวะอารมณ์และการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนของ วัยทอง
วัยหมดระดู หรือวัยทอง คือ ภาวะสิ้นสุดของการมีระดูอย่างถาวร เนื่องจากรังไข่หยุดทำงานจะหมดความสามารถในการเจริญพันธุ์ และการสร้างฮอร์โมนเพศลดลงอายุเฉลี่ยของสตรี ที่เข้าสู่วัยหมดระดูจะอยู่ระหว่างช่วงอายุ 50-52 ปี
ระยะเวลาของการเปลี่ยนแปลงในการเข้าสู่วัยหมดระดู แบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ
1. วัยใกล้หมดระดู ( Perimenopause) เป็นระยะเวลาที่รังไข่ เริ่มทำงานไม่ปกติจนหยุดทำหน้าที่ไป จะมีระยะเวลา 2 – 8 ปี
2. วัยหมดระดู ( Menopause) หมายถึง ช่วงเวลาของการสิ้นสุด การมีระดูอย่างถาวร เนื่องจากรังไข่หยุดทำงานระยะเวลา 1 ปี
3. วัยหลังหมดระดู ( Postmenopause) หมายถึง ระยะเวลา หลังหมดระดู
การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยา และพยาธิสรีรวิทยาในวัยหมดระดู
1. การเปลี่ยนแปลงของระบบ Vasomotor
เช่น ร้อนวูบวาบ เหงื่อออกท่วมตัว เป็นความรู้สึกร้อนทางผิวหนัง
2. การเปลี่ยนแปลงของอวัยวะสืบพันธุ์ และทางเดินปัสสาวะ
• ผลต่ออวัยวะสืบพันธุ์
ปากช่องคลอดมีการฝ่อลีบบางลงช่องคลอดแห้งไม่สามารถสร้างสารคัดหลั่งเพียงพอ ผนังจะบางลง, ซีด
มดลูกมีการฝ่อลีบลงและหย่อนตัวของมดลูก
• ผลต่อทางเดินปัสสาวะ การกลั้นและการขับถ่ายปัสสาวะผิดปกติ, มีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
3. การเปลี่ยนแปลงทางจิตใจ และอารมณ์
• พบอาการซึมเศร้า นอนไม่หลับ
4. การเปลี่ยนแปลงและปัญหาทางเพศ
• มีการลดลงต่อการกระตุ้นทางเพศ, หมดความต้องการทางเพศ, การตอบสนองทางเพศลดลง
5. การเปลี่ยนแปลงของกระดูก
• มวลกระดูกจะสูงสุด เมื่ออายุ 30 – 34 ปี หลังจากหมดระดูตามธรรมชาติจะสูญเสียมวลกระดูก ร้อยละ 1 – 2 ต่อปี หรือในบางรายอาจมากถึงร้อยละ 3 ต่อปี
6. การเปลี่ยนแปลงของหัวใจและหลอดเลือด แนวโน้มจะเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือดเพิ่มขึ้นจาก
• การเปลี่ยนแปลงของโคเลสเตอรอล
• การเปลี่ยนแปลงในกลไกการแข็งตัวของเลือด
• การเปลี่ยนแปลงของเมตาบอลิสของ glucose ทำให้เป็นเบาหวานมากขึ้น
• การเปลี่ยนแปลงระบบอื่น เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
7. การเปลี่ยนแปลงระบบประสาทส่วนกลาง
• หลงลืมง่ายสูญเสียความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
8. การเปลี่ยนแปลงของผิวหนัง
• คอลลาเจนของผิวหนังจะลดลง
9. การเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อและข้อ
• มวลกล้ามเนื้อลดลง มีโอกาสเกิดข้อเสื่อมได้มาก
แนวทางการดูแลรักษาอาการและปัญหาในวัยหมดระดู
1. ไม่ได้รักษาด้วยยา
• ออกกำลังกาย
• การทำสมาธิ
2. การรักษาด้วยยา
2.1 กลุ่มที่ใช้ฮอร์โมนทดแทน
2.2 กลุ่มที่ไม่ฮอร์โมนทดแทน
การใช้ฮอร์โมนทดแทนต้องพิจารณาจากข้อบ่งชี้ คือ
1. การรักษาอาการในวัยหมดระดู โดยเฉพาะกลุ่มอาการ Vasomotor และอาการทางอวัยวะสืบพันธุ์
2. การป้องกันกระดูกกร่อนลดความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกพรุน และควรใช้ฮอร์โมนขนาดที่ยังคงประสิทธิภาพ และใช้ในระยะเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากปัจจุบันพบว่า หลังจากใช้ฮอร์โมนบางอย่างนานเกิน 5 ปี พบความเสี่ยงการเกิดมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น, โรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้น เส้นเลือดในสมองอุดตันเพิ่มขึ้น, เพิ่มความเสี่ยงต่อหลอดเลือดอุดตันที่ปอด
ข้อมูล โรงพยาบาลวิภาราม
โฆษณา