12 มิ.ย. 2022 เวลา 07:03 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Jurassic World: Dominion ทวงคืนอาณาจักร
2
ในตอนท้ายของ Jurassic World: Fellen Kingdom (2018) คนดูได้เห็นไดโนเสาร์ทั้งหมดถูกปลดปล่อยออกมาสู่โลกปัจจุบัน หนังทิ้งท้ายไว้พร้อมคำถาม มนุษย์กับไดโนเสาร์จะอยู่ร่วมกันอย่างไร?
Jurassic World: Dominion คือบทสรุปของคำถามนั้น และเป็นบทสรุปของตัว
ละครตั้งแต่ไตรภาคแรก Jurassic Park (JP) มาถึง Jurassic World (JW)
2
ไดโนเสาร์ที่ถูกปลดปล่อยและใช้ชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบันร่วมกับมนุษย์ การกระทำของมันไม่อาจคาดเดาได้ จนกระทั่งไบโอซินเข้ามาอาสาพาบรรดาไดโนเสาร์ไปกักกันไว้ในพื้นที่ลับเฉพาะในเทือกเขาของอิตาลี แต่นั่นเป็นเพียงฉากหน้าของไบโอซินที่จะหาประโยชน์จากไดโนเสาร์เหล่านั้น รวมไปถึงการลักพาไมซีย์ ล็อควูด และ เบตา ลูกของบลู
โอเวนกับแคลร์จึงต้องเสี่ยงชีวิตไปทวงคืนทั้งสองกลับมา ขณะเดียวกันกับที่ ดร.อลัน แกรนต์ ยอมเดินทางไปกับ ดร.แอลลี่ แชตต์เลอร์ เพื่อค้นหาความจริงอันโสมมของไบโอซิน โดยมีเพื่อนเก่าอย่าง ดร.เอียน มัลคอม รอให้ความช่วยเหลือที่นั่น
ก็เหมือนพาคนดูกลับไปงานคืนสู่เหย้า คนที่โตมากับ JP คงจะรู้สึกฟินสุด ๆ เมื่อได้เห็น ดร.แกรนต์, แอลลี่ และ เอียน กลับมาร่วมจอกันอีกครั้ง และ โคลิน เทรเวอร์โรว์ ก็ไม่พลาดกับการสร้างกิมมิกในฉากจำจาก JP1 ให้เราได้เห็นกันอีกครั้ง รวมไปถึงการสานสัมพันธ์หลังจากผ่านมาสิบกว่าปีของตัวละครทั้งสาม
และบางสิ่งที่ค้างคาในใจที่รอการเปิดเผย การได้เห็น แซม นีล, ลอร่า เดิร์น และ เจฟฟ์ โกลด์บลัม กลับมาสวมบทตัวละครดั้งเดิมอีกครั้งคือส่วนที่ดีที่สุด
ส่วนตัวละคร JW ก็ยังคงทำหน้าที่ของตนเองพร้อมพัฒนาการที่เปลี่ยนไป โอเว่นกับแคลร์ที่ต้องเปลี่ยนสถานะจากพ่อแง่แม่งอนมาเป็นพ่อแม่อุปถัมภ์ และการตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนเองเคยทำไว้ในภาคก่อน ๆ ถือเป็นการทำให้ตัวละครมีวุฒิภาวะมากขึ้นได้อย่างน่าสนใจ คริส แพรตต์ และ ไบรซ์ ดัลลาส โฮเวิร์ด กลับมาทำหน้าที่ตนเองได้อย่างที่ควรเป็น
เช่นเดียวกับการเพิ่มตัวละครหน้าใหม่อย่าง เคย์ล่า วัตต์ รับบทโดย ดีแวนด้า วิส นักบินสาวผิวสีที่โดดเด่นจนน่าจะกลายเป็นตัวละครที่อาจจะไปอยู่ในไตรภาคต่อไป
รวมไปถึง ไมซี่ย์ ล็อควูด ที่รับบทโดย อิซซาเบลลา เซอร์มอน ตัวละครเด็กสาวที่เคยเปิดกรงให้ไดโนเสาร์ก็น่าจะเป็นเลือดใหม่ที่มีบทบาทต่อไปในอนาคต
ฝ่ายผู้ร้าย แคมเบลล์ สก็อตต์ ในบท เลวิส ดอด์จสัน นายใหญ่แห่งไบโอซิน ตัวร้ายที่อยู่เบื้องหลังตั้งแต่ JP มาถึง JW
แต่ด้วยความที่ตัวละครมากจนต้องพยายามเกลี่ยบทให้กับทุกตัวละครได้มีช่วงเวลาฉายแสงของตนเอง เลยทำบทหนังแทบจะหมดโอกาสลงลึก จนรู้สึกเหมือนมีอาการ ‘ขาด’ ซึ่งมันควรจะไปได้มากกว่านี้ และใช้วิธีอัดด้วยฉากแอ็คชั่นของบรรดาไดโนเสาร์ ที่ถึงวันนี้คงเดาทางได้ไม่ยาก เพียงแค่เปลี่ยนสมรภูมิกับตัวร้ายไดโนเสาร์เท่านั้น
แม้จะได้ผู้กำกับ โคลิน เทรเวอร์โรว์ กลับมาสานต่อบทสรุป แต่ก็เหมือนมันไปไม่สุดอย่างที่ควรเป็น ปัญหาหนึ่งน่าจะมาจากบทหนังที่พยายามจะทำให้ทุกตัวละครมีเวลาบนจอใกล้เคียงกัน ซึ่งถ้าคิดจะทำแบบนั้น การสร้างเป็น 2 ภาค อาจให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า และมีเวลาลงลึกกับความสัมพันธ์ของตัวละครได้มากกว่าที่เป็น เหมือนที่มาร์เวลล์ใช้ 2 ภาคไปกับ Avengers ใน Infinity War ไปถึง Endgame
ไม่มีอะไรให้ต้องติ และก็ไม่มีอะไรที่ให้ถึงกับร้อง ‘ว้าว’ ออกมา นอกจากการกลับมาของสามประสานจาก JP แต่ก็ทำได้ดีที่สุดเท่าที่เวลามันจะให้ทำแล้ว สำหรับคนที่ตามมาแล้ว คุณจะยอมพลาดเหรอที่จะไม่ดูภาคนี้...ก็ไปดูนั่นแหละนะ
ส่วนมันจะเป็นการปิดจบจริง ๆ หรือไม่ ผมว่าไม่เพราะดูแล้ว มันมีหนทางเล่าเรื่องต่อไปได้อยู่ดี
อีกอย่างที่รู้สึกตะขิดตะขวงใจก็คือ การที่บทหนังใส่ความบังเอิญมากเกินไปจนต้องมี “เอ๊ะ” นั่นแหละ โดยเฉพาะในช่วงที่ตัวละครทั้งหมดไปอยู่ในพื้นที่ป่าปิดของไบโอซิน
เอาเป็นว่าไปสนุกกับ JW ถ้าจะให้ดีกลับไปเปิด JP 3 ภาคต่อด้วย JW อีก 2 ภาคแล้วเข้าไปดูหนังอย่างมีความสุขครับ
บทสรุปที่หนังอยากบอกกับคนดูว่า สิ่งมีชีวิตทุกอย่างสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างเข้าอกเข้าใจ ปรับตัว และปล่อยให้ธรรมชาติดำเนินไป เหมือนที่ดร.เอียน มัลคอม มักพูดเสมอว่า
“ชีวิตย่อมมีหนทางของมัน Life Fines Away”
Jurassic World: Dominion (2022)
Directed: Colin Trevorrow/Strarring: Chris Pratt, Bryce Dallas Howard, Laura Dern, Sam Neill, Jeff Goldbulum, DeWanda Wise, Isabella Sermon, Campbell Scott
ที่มาข้อมูล/ภาพประกอบ: IMDb, Wikipedia, Youtube, Rotten Tomatoes, UIPTH, Universal Pictures, Major Cineplex, Twitter, Facebook
โฆษณา