12 มิ.ย. 2022 เวลา 10:23 • ความคิดเห็น
หนังที่ดี มาใน จังหวะที่ใช่!!!
โคตรประทับใจ
เป็นครั้งแรกที่เขียนแล้ว เราไม่รู้เลยหว่ะว่าจะเริ่มยังไงดี
ความรู้สึกมันเต็มไปหมด โดยเฉพาะไฟที่มันลุกอยู่ในใจ
เอาเป็นว่าเรื่องนี้ถือเป็นหนังที่สร้างแรงบันดาลใจ
ที่ดีเรื่องหนึ่งแห่งปี 2022 เลย
ทำไมนะเหรอ?
เราว่าเรื่องนี้มันครบรสในแง่ของการใช้ชีวิต
แล้วเป็นช่วงชีวิตของเราที่ก็กำลังวางแผน
หรือพยายามทำตามความฝัน หรือความสำเร็จ
ตามนิยามของเราให้สำเร็จเช่นกัน
เลยเหมือนที่เราได้บอกไปว่า หนังเรื่องนี้
ดีไม่พอ แต่มาในจังหวะที่ใช่อีก
ได้ใจไปเต็มๆ
แล้วเราได้อะไรจากนั้นเรื่องนี้?
หนังเรื่องนี้พูดถึง เรื่องราวของสแตนลีย์
เขาเป็นบุคคลที่ค่อยมองหานักกีฬาบาสเกตบอล
ที่มีแวว เพื่อนำมาเข้าทีม NBA
แต่ชีวิตของเขากลับพลิกไปพลิกมา
จนช่วงชีวิตหนึ่งของเขา
กลายมาเป็น นักปั้นนักบาสซะงั้น
สิ่งที่เราประทับใจและสนใจจากเรื่องนี้
ไม่ใช่เพราะ ว้าวว สุดท้าย สแตนลีย์ได้กลับ
มาเป็นผู้ช่วยโค้ช และโบได้เข้าร่วมการแข่งขัน
เรามองว่า อันนี้ยังไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าประสบความสำเร็จ
แต่เราประทับใจคำพูด และวิธีคิดของหนังเรื่องนี้มากๆ
1. สแตนลีย์ เป็นผู้ที่ทำงานใน NBA
แต่เขากลับขับรถที่ธรรมดามากๆ
บางคนอาจจะคิดว่า ก็สแตนลีย์ ไม่ได้รวยไง
ก็เลยต้องขับรถเก่าๆที่ไม่ได้มีราคาอะไร
เรามองหาตรงนี้ก็อาจเป็นคำตอบที่ใช่
แต่เราก็มองอีกมุม เพราะรถคือพาหนะ
และรถที่สแตนลีย์ขับก็สามารถขับได้
แล้วทำไมต้องมีรถหรูราคาแพง
ดังนั้น รถ มันไม่ได้สำคัญกับชีวิต
หรือ เขาไม่ได้ให้คุณค่ากับมันขนาดนั้น
2. ขอบคุณที่อดทนทุกอย่าง
เป็นฉากที่สแตนท์ลี บอก ภรรยา
ในวันที่เขาได้เป็นผู้ช่วยโค้ช
ว่า ขอบคุณที่อดทนทุกอย่าง
เราไม่รู้หรอกว่าเขาอดทนอะไรกันมา
แต่ในความคิดเรา เรารู้สึกถึงประโยคนี้ได้จริงๆ
ในวันที่เรากลายไปอีกสเตปของความสำเร็จของเราแล้ว
ในอดีตเราต้องสูญเสียอะไรบางอย่างเพื่อรอวันนั้น
วันที่เราคิดว่า เราจะสำเร็จในแบบที่เราตั้งใจไว้
ซึ่งเราก็ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าวันนั้นจะมีจริงรึเปล่า
แต่มีคนบางคนที่เชื่อมั่นในตัวเรา
แล้วพอถึงวันนั้นได้จริงๆ เราก็คงรู้สึกขอบคุณไม่ต่างกัน
3. วันที่สแตนลีย์ถูกเพื่อนชวนมาเป็นายหน้า
เขาพูดว่า ถ้าเขาไปทำตรงนั้นก็คงไม่มีทางโต
เขาอยากโค้ช เพราะอยากน้อยก็ได้อยู่ในลีก
ซึ่งก่อนที่เขาจะเดินทางไปเจอเพื่อน
เขาบ่นกับตัวเองว่า คนอายุ 50 ไม่มีฝันแล้ว
ถ้าไม่ได้มีแต่ฝันร้ายก็มีผื่นแพ้อักเสบ
แต่เราว่าอันนี้ไม่จริงเลย สิ่งที่จริงมีแค่ 2 อย่าง
นั้นคือเขาชื่อ สแตนลีย์ และ อายุ 50
แต่สิ่งที่ไม่จริง คือ คน 50 ไม่มีฝันแล้ว
ทำไมเราถึงพูดแบบนั้น การที่เขาพาโบมา
เพื่อจะผลักดันให้เขาทีมให้ได้ ให้เด็กคนนี้ได้เติบโต
ในวงการการบาสเกต นี่แหละ นี่คือการจุดประกายไฟ
ในการต่อเติมความฝันของเขา
แน่นอนว่าทุกคนต่างเคยมีอดีต
สแตนลีย์ก็มีอดีตของตัวเอง
ที่ไม่สามารถประสบความสำเร็จในอาชีพนักกีฬาได้
เนื่องจากอุบัติเหตุ แต่อดีตก็คืออดีต
อดีตที่ดี คือ ความประจับใจ
อดีตที่เลวร้าย คือ เครื่องเตือนใจ
ไม่ใช่บาดแผลทางจิตใจ
ถ้าสแตนลีย์ไม่สามารถเล่นกีฬาเองได้แล้ว
แต่สิ่งที่เขามีจากประสบการณ์ในอดีต
คือ ความรู้ และทักษะทางบาสเกตบอล
และเพื่อไม่ให้มันสูญเปล่า และคงอยู่กับคนเพียงคนเดียว
สิ่งที่ทำได้คือการถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์เล่านั้นให้กับคนอื่น
คนที่มีความฝันเหมือนกัน คนที่ให้คุณค่ากับสิ่งนั้นเหมือนกัน
และคนเหล่านั้นก็จะเติบโตไปในอนาคตไม่ต่างกัน
ทั้งหมดนี้ คือ สิ่งที่สแตนลีย์ทำ
เขายอมลงทุน ลงแรง ใช้เงิน ใช้แรง
ในการฝึกซ้อมและผลักดันเด็กโบ
จนเขาสู่วงการบาสเกตบอลได้
และในวันที่โบได้ลงเล่มในสนามในฐานะ
นักกีฬาจริงๆวันนั้นนั่นแหละ
คือ ภาพแห่งความสำเร็จของสแตนลีย์
4. การควบคุมอารมณ์
ก่อนที่เราจะไปดูหนัง เราเลื่อนเจข้อความหนึ่งใน fb
ว่า การที่คุณปลดปล่อยอารมณ์
ให้คนอื่นๆได้รับรู้ ก็เหมือนกับ
เลือดไหลรอบๆฉลาม
มันยิ่งชัดขึ้นไปอีก เมื่อได้ดูหนังเรื่องนี้
การแข่งขันในสนามแรกของโบ
โดยมีสายตาของผู้บริหารจับตามอง
โบ ก็ถูกรับน้อง โดยการปั่นประสาท
จากฝ่ายตรงข้าม จนสุดท้ายสูญเสียสมาธิ
ควบคุมตัวเองไม่ได้ทำให้เล่นบาสได้ไม่ดีเท่าที่ควร
จนมาถึงเวลาฝึกซ้อม สแตนลีย์ได้ด่าโบว่า
แม่เป็นกะหรี่ แล้วโบก็โมโห แต่นี่แหละ
คือวิธีฝึกควบคุมอารมณ์ตัวเอง
นี่แหละเป็นสิ่งที่ไม่เท่เลยหว่ะ
โตแล้วแต่ยอมให้คนอื่นทำร้ายความรู้สึกได้
คู่แข่งต้องพยายามจะปั่นหัว
ทุกครั้งที่ก้าวลงสนาม
เห้ยยย!! เราว่าอันนี้มันเป็นกลยุทธ์ที่เจ๋งมากเลยหว่ะ
เราไม่เคยคิดถึงมุมนี้เลยในชีวิต
การเล่นกีฬาไม่ใช่แค่การเล่มตามเกมส์ ตามกติกา
แต่การเล่นกีฬากับเล่นกับความรู้สึกอีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกจากกริยา ท่าทาง คำพูด วาจา
ของฝ่ายตรงข้าม
แล้วจะต้องรู้เท่าทันอารมณ์ความรู้สึกของตัวเอง
ที่จะไม่อ่อนไหวไปตาม สิ่งยั่วยุที่เกิดจากคนอื่น
เหมือนที่สแตนลีย์บอก
ใครก็ฆ่าเราไม่ได้ ถ้าเราตายไปแล้ว
โคตรใช่เลย!!!
แต่สิ่งที่เราประทับใจมากกว่า
คือ ความอดทนของสแตนลีย์
เราดูไปก็สงสัยตลอดว่า
ทำไม สแตนลีย์ไม่เคยโมโหอะไรโบแรงๆเลย
เช่น สั่งอาหารมากินเยอะแยะ
แล้วกินแค่คำเดียว
แม้ว่าโบจะควบคุมอารมณ์ตัวเอง
ในสนามไม่ได้ตั้งหลายครั้ง
แต่ สแตนลีย์หลีก็ไม่เคยว่าโบเลย
เราว่านี่เป็นตัวอย่างการควบคุมอารมณ์ที่ดีมากๆ
โดยไม่ต้องใช้ทำพูดอะไร
แม้ว่า สแตนลีย์จะเจอปัญหากี่ปัญหา
ก็ไม่เคยมีอารมณ์กระทบกระทั่งต่อคนอื่นเกิดขึ้น
5. วันที่ สแตนลีย์ ย่ำแย่ และโบไม่มีโอกาสได้เข้าร่วมแข่งขัน
วันที่ข่าวออกสารพัดว่า โบ เคยมีประวัติทำร้ายร่างกายคนอื่น
ส่งผลให้เขาโดนตัดรายชื่อออก นั่นทำให้โบรู้ความจริงว่า
เขาไม่ใช่เด็กของ NBA แต่เงินทั้งหมดาจาก สแตนลีย์
โกหกคำโตถูกเปิดเผยออกมา
แทนที่เขาจะแสดงอาการไม่พอใจ
แต่ไม่ใช่เลย สแตนลีย์นิ่งมาก
แล้วไปรับโบที่พยายามเดินหนีออกจากเขา
พร้อมทั้งโทรหาบรรดาคนที่รู้จักเพื่อให้โบ
ได้มีโอกาสเข้าไปแข่งขันอีกครั้ง
แต่ช่วงเวลาที่แย่ที่สุด กลับไม่มีใครให้โอกาสเขาเลย
แต่มีหนึ่งคนที่เข้ามาโผกอด นั่นก็คือ ภรรยาเขาเอง
โห เราว่าสิ่งนี้มันมีค่ากว่าคำพูดมากมายซะอีก
แต่สุดท้ายปัญหาก็ถูกแก้ไขได้
6. คนที่ค่อย support และสนับสนุนกัน
มีผลประโยชน์ทางจิตใจรวมกัน
ข้อนี้ไม่มีไรมาก เราแค่อยากมีบ้าง
ณ ตอนอายุเท่านี้ เราอยาก เจอคนอย่างสแตนลีย์
ที่เป็นโค้ชให้กับเรา หรือคนผลักดัน ให้เราเติบโตขึ้น
เพื่อวันหนึ่งเราจะเป็น สแตนลีย์ซะเอง
และใช้ประสบการณ์ความรู้ ความสามารถ
ถ่ายทอดให้คนอื่น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
หรือเป็นแรงบันดาลใจ เป็นประกายไฟ เหมือนกัน
เราเคยถามตัวเองว่า ขงเบ้งเจอเล่าปี่ ตอนอายุ 27
แล้วเราจะเจอขงเบ้งหรือเล่าปี่ตอนอายุเท่าไหร่
แต่อายุเท่าไหร่ไม่สำคัญ
เรารู้อย่างเดียวว่า เราจะลับดาบรอ เล่าปี่หรือขงเบ้งนะ
และ Key Message ที่สำคัญของเรื่องนี้เลยก็คือ
"Never back down"
อย่ายอมแพ้
แล้วนี่ก็คือเรื่องเล่าทั้งหมดของ สแตยลีย์
ที่ไม่เคยยอมแพ้ในโชคชะตา
เมื่อไม่ได้ด้วยวิธีนี้
ก็ใช้วิธีอื่น
เมื่อทำไม่ได้ด้วยตัวเอง
ก็ทำเพื่อคนอื่น
เรามองว่าตอนจบของหนังเรื่องนี้
ไม่ใช่ความสำเร็จของ โบ
แต่มันคือจุดเริ่มต้นการเดินทางความสำเร็จ
ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป
แต่ถ้าถามว่ามันคือความสำเร็จของใคร
แน่นอน ว่า ความสำเร็จนี้ของ สแตนลีย์
ที่สุดท้ายตัวเองได้กลับเข้ามาอยู่ในวงการอีกครั้ง
ในฐานะผู้ช่วยโค้ช และได้นั่งมองเด็กปั้นของตัวเอง
วิ่งเล่นอยู่บนสนาม
และนี่ก็เป็นความสำเร็จส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ทั้งหมด
เพราะความสำเร็จ คือ การเดินทาง
ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง
เราอินมากจริงๆเพราะกำลังอ่านหนังสือ Road Map
ของ John C Maxvell อยู่พอดี
แล้วเขาก็ตั้งคำถามเกี่ยวกับนิยามความสำเร็จ
และเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งใน case study
ที่ทำให้เราใช้ประสบการณ์จากการอ่านหนังสือได้ชัดเจน
มากยิ่งขึ้น
Thank you Netflix ที่ทำให้เราได้ดูหนังดีๆอีกหนึ่งเรื่อง
โฆษณา