13 มิ.ย. 2022 เวลา 03:07 • ประวัติศาสตร์
ผู้นำจักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine Empire) และวิธีการลงโทษเชลยศึกสุดโหด
2
การรบในยุคกลาง เป็นการรบที่โหดร้ายและดุเดือด และแต่ละฝ่าย ก็มักจะใช้ทุกยุทธวิธีในการทำลายกองทัพศัตรู ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม
แต่สำหรับผู้นำดินแดนหนึ่ง ก็มีวิธีการจัดการกับศัตรูฝ่ายตรงข้ามที่สุดโหด และให้แน่ใจว่าศัตรูจะหวาดกลัว ไม่กล้ามายุ่งกับดินแดนตนอีก
ผู้นำองค์นี้คือผู้นำแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ (Byzantine Empire) และพระองค์ก็มีวิธีในการหยุดยั้งศัตรูที่โหดร้ายจนประวัติศาสตร์ต้องจารึก
2
ประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิไบแซนไทน์ หรือ “จักรวรรดิโรมันตะวันออก (Eastern Roman Empire)” ล้วนเต็มไปด้วยเรื่องราวของสงคราม
1
ตลอดระยะเวลาที่ยาวนานของประวัติศาสตร์ทางตะวันออกและตะวันตกของยุโรป ล้วนมีแต่ศึกสงคราม โดยเฉพาะในแถบคาบสมุทรบอลข่าน
การพิชิตดินแดนในคาบสมุทรบอลข่าน ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก หากแต่ดินแดนใดต้องการจะเป็นใหญ่ในพื้นที่แถบนี้ ก็จำเป็นต้องทำ
และเพื่อให้ดินแดนของตนยิ่งใหญ่เกรียงไกร เป็นใหญ่ในคาบสมุทรบอลข่าน จักรวรรดิไบแซนไทน์ก็มีวิธีการที่จะสร้างความหวาดกลัวให้แก่ดินแดนอื่น
1
หนึ่งในวิธีการสร้างความหวาดกลัว ก็คือการลงโทษเชลยศึก หรือทหารของฝ่ายตรงข้าม
บทความนี้ เราจะมาดูกันว่าจักรวรรดิไบแซนไทน์ทำอย่างไรกับเชลยศึก และสร้างความหวาดกลัวให้ทุกผู้คนที่ทราบ
ในช่วงเวลาที่จักรวรรดิไบแซนไทน์เริ่มแผ่อำนาจเข้ามาในคาบสมุทรบอลข่าน ก็ได้เริ่มทำสงครามกับจักรวรรดิบัลแกเรีย (Bulgarian Empire) ซึ่งในเวลานั้น ก็เป็นอาณาจักรที่มีอิทธิพลในดินแดนแถบนี้
ความขัดแย้งระหว่างจักรวรรดิไบแซนไทน์กับจักรวรรดิบัลแกเรียนั้นกินเวลานานหลายร้อยปี หากแต่ในบทความนี้ จะไปโฟกัสที่ช่วงปลายของความขัดแย้ง ในช่วงเวลาที่จักรวรรดิบัลแกเรียกำลังเป็นรองจักรวรรดิไบแซนไทน์
หนึ่งในยุทธการสำคัญในช่วงความขัดแย้งของสองดินแดน ก็คือ “การรบที่ไคลเดียน (Battle of Kleidion)”
1
ในยุทธการนี้ “จักรพรรดิเบซิลที่ 2 (Basil II)” ผู้นำจักรวรรดิไบแซนไทน์ ได้รบกับ “พระเจ้าซามูเอลแห่งบัลแกเรีย (Samuel of Bulgaria)” ผู้นำจักรวรรดิบัลแกเรีย
ฝ่ายจักรวรรดิบัลแกเรียนั้นมีทหารประมาณ 15,000 นาย ในขณะที่จักรวรรดิไบแซนไทน์มีทหารไม่ต่ำกว่า 45,000 นาย
1
สงครามครั้งนี้จบลงที่ฝ่ายจักรวรรดิบัลแกเรียถูกขยี้ยับ ฝ่ายจักรวรรดิไบแซนไทน์สามารถจับเชลยศึกฝ่ายจักรวรรดิบัลแกเรียได้จำนวนมาก
ภายหลังจากสงครามจบลง จักรพรรดิเบซิลที่ 2 ทรงมีรับสั่งให้นำเชลยศึกทั้งหมดมารวมกัน และแยกออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 100 นาย
1
จักรพรรดิเบซิลที่ 2 (Basil II)
แต่ละกลุ่มนั้น เชลยศึกจำนวน 99 นายจะถูกทำให้ตาบอด เหลือเพียงหนึ่งนายที่ไม่ถูกทำให้ตาบอด และให้หนึ่งนายที่ไม่ได้ตาบอดนี้เป็นคนนำทางที่เหลืออีก 99 นายกลับบ้าน
2
ทหารฝ่ายจักรวรรดิบัลแกเรียนับหมื่นที่ถูกจับเป็นเชลย ตาบอดเกือบหมด และถูกปล่อยกลับบ้านโดยมีเชลยที่ไม่ถูกทำให้ตาบอดนำทางกลับบ้าน และทำให้ชื่อเสียงด้านความโหดเหี้ยมของจักรวรรดิไบแซนไทน์เป็นที่ระบือไกล
2
ต่อมา จักรวรรดิบัลแกเรียก็ตกอยู่ใต้อำนาจของจักรวรรดิไบแซนไทน์ในปีค.ศ.1018 (พ.ศ.1561) และทำให้อิทธิพลของจักรวรรดิบัลแกเรียในคาบสมุทรบอลข่านสิ้นสลายไป
1
โฆษณา