[Podcasts #W3Day1] มัดธาย บทที่ 6 ข้อ 9–10 จงอธิษฐานตามอย่างนี้ว่า “ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลายผู้สถิตในสวรรค์ทั้งหลาย ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่นับถืออันบริสุทธิ์. ขอให้อาณาจักรของพระองค์มาตั้งอยู่ น้ำพระทัยของพระองค์ได้สำเร็จในสวรรค์อย่างไร ก็ให้สำเร็จบนแผ่นดินโลกเหมือนกัน.”
ยูดา ข้อ 20 แต่ว่าท่านที่รักทั้งหลาย ท่านจงก่อสร้างตัวท่านเองบนหลักความเชื่ออันบริสุทธิ์ที่สุด จงอธิษฐานในพระวิญญาณบริสุทธิ์.
เอเฟโซ บทที่ 6 ข้อ 18 โดยการอธิษฐานและการวิงวอนทุกอย่าง จงอธิษฐานในวิญญาณทุกเวลา จงเฝ้าระวังในการนี้ด้วยด้วยความพากเพียรอย่างมั่นคงทุกประการ และจงวิงวอน...
ความหมายของการอธิษฐานคืออะไร? เมื่อหลายคนได้ยินคำว่า “อธิษฐาน” ก็คิดไปทันทีว่าการอธิษฐานหมายถึงมนุษย์มาทูลขอพระเจ้า. เพราะว่ามนุษย์ขาดแคลนจึงต้องการการหล่อเลี้ยงฝ่ายวัตถุ, หรือเจ็บป่วยจึงต้องการการเยียวยารักษา, หรือมีปัญหาอื่นๆ จึงต้องการทางแก้ไข พวกเขาจึงไปยังเบื้องพระพักตร์พระเจ้า ทูลขอให้พระองค์หล่อเลี้ยงความต้องการของพวกเขา, เยียวยารักษาความเจ็บป่วยของพวกเขา, และแก้ไขปัญหาของพวกเขา.
มนุษย์เห็นว่าเรื่องราวเหล่านี้ก็คือการอธิษฐาน... เราไม่กล้าพูดว่าคำนิยามเช่นนี้ผิด แต่ก็เป็นคำนิยามที่ตื้นเขินเกินไป อีกทั้งขาดไปทั้งความลึกซึ้งและความถูกต้อง.
การอธิษฐานไม่ใช่แค่มนุษย์มาติดต่อกับพระเจ้าเท่านั้น แต่เป็นการติดต่อซึ่งกันและกันระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า. เรื่องการติดต่อระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์นี้เป็นหัวข้อใหญ่ในพระคัมภีร์.... จุดประสงค์ในการมีชีวิตอยู่ของมนุษย์ก็คือการมาเป็นภาชนะของพระเจ้า.
ในจักรวาลนี้ พระเจ้าทรงเป็นเนื้อหาของมนุษย์ และมนุษย์ก็เป็นบรรจุภัณฑ์ของพระเจ้า. หากไม่มีมนุษย์ พระเจ้าก็ไม่มีสถานที่จะวางบรรจุตัวของพระองค์เอง — พระองค์จะกลายเป็นพระเจ้าผู้ไร้บ้าน. ข้าพเจ้าก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่ข้าพเจ้าทราบว่านี่คือข้อเท็จจริง.
ในจักรวาลนี้ ความต้องการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระเจ้าก็คือมนุษย์. ถ้าว่าตามตัวของพระเจ้าเองนั้น พระองค์ทรงครบถ้วนอยู่แล้ว แต่ถ้าว่าตามการดำเนินการของพระองค์ในจักรวาลนี้แล้ว พระองค์ยังคงต้องการมนุษย์มาร่วมมือกับการดำเนินการนี้. (CWWL, 1959, vol. 4, “Lessons on Prayer,” pp. 17-18)