13 มิ.ย. 2022 เวลา 11:26 • ข่าวรอบโลก
10 เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก ปี พ.ศ. 2565
นิตยาสาร Global Finance ได้ทำการจัดอันดับเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก โดยการให้คะแนนใน 8 ประเด็นสำคัญ ที่ทำให้เมืองน่าอยู่ ได้แก่
1. ความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ
2. การวิจัยและการพัฒนาของเมือง
3. ความแข็งแกร่งและหลากหลายทางวัฒนธรรม
4. ความน่าอยู่อาศัย
5. สภาพแวดล้อมของเมือง
6. การเดินทางและคมนาคม
7. ประสิทธิภาพในการควบคุมโรคระบาด
8. การเติบโตของประชากร
โดยมีการเพิ่ม 2 ประเด็นสำคัญของเรื่องเมืองอย่างข้อที่ 7 ประสิทธิภาพในการควบคุมโรคระบาด และข้อที่ 8 การเติบโตของประชากร เข้ามาจากเกณฑ์การจัดอันดับในปีก่อน ๆ เนื่องจากว่าทั้ง 2 ประเด็นนี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชากรโดยตรง
ซึ่งผลของการจัดอันดับ 10 เมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก ปี พ.ศ. 2565 เป็นดังนี้
🏙️ อันดับที่ 10: อัมสเตอร์ดัม, เนเธอร์แลนด์
แซงหน้าเมืองสำคัญในยุโรปเมื่องอื่น ๆ อย่าง เวียนนา เบอร์ลิน และโคเปนเฮเกน ด้วยคะแนนความน่าอยู่อาศัย
🏙️ อันดับที่ 9 นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา
มหานครนิวยอร์กอันยิ่งใหญ่ของสหรัฐอเมริกา กลายเป็นเมืองเดียวในประเทศที่ยังคงติดอันดับ 1 ใน 10 ในปีนี้ ด้วยขนาดของเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกอบกับความหลากหลายทางวัฒนธรรมของคนหลากเชื้อชาติ และการพัฒนาเมืองอย่างต่อเนื่อง
🏙️ อันดับที่ 8 ปักกิ่ง, จีน
อีกหนึ่งเมืองที่ไม่เคยหยุดนิ่ง จากการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางอากาศและความปลอดภัย ทำให้ปักกิ่งสามารถกระโดดขึ้นมาจากอันดับที่ 22 ในปีพ.ศ. 2563 มาอยู่อันดับที่ 8 ในปีนี้ได้
🏙️ อันดับที่ 7 ปารีส, ฝรั่งเศส
หนึ่งในเมืองสำคัญทางวัฒนธรรมและศูนย์กลางแฟชั่นของโลก แม้จะมีปัญหาในการรับมือกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในช่วงต้น ด้วยอัตราการตายของประชากรที่สูงกว่าเมืองสำคัญอื่น ๆ ในยุโรป แต่ปารีสยังคงโดดเด่นในเรื่องของความน่าอยู่อาศัย และอิทธิพลทางวัฒนธรรม
🏙️ อันดับที่ 6 ซิดนีย์, ออสเตรเลีย
เมืองสำคัญของประเทศออสเตรเลียที่ยังคงโดดเด่นทางการเติบโตของเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง รวมถึงมีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยต่อผู้อยู่อาศัย และยังประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการรับมือกับโรคระบาดโควิด 19
🏙️ อันดับที่ 5 เมลเบิร์น, ออสเตรเลีย
อีกหนึ่งมหานครสำคัญของประเทศออสเตรเลีย ที่เด่นในเรื่องการดูแลสภาพแวดล้อมของเมือง ด้วยการออกข้อบังคับในการดูแลรักษาสภาพแวดล้อมที่เข้มงวด เพื่อยกระดับมาตรฐานชีวิตของประชากรในเมือง ซึ่งแม้ว่าจะเกิดโรคระบาดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่จำนวนประชากรภายในเมืองนั้นกลับโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
🏙️ อันดับที่ 4 สิงคโปร์
สิงคโปร์ เป็นอีกเมืองที่สะท้อนภาพความรุ่งเรืองของเอเชียในปัจจุบัน ด้วยสภาพเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง สภาพแวดล้อมที่ได้รับการดูแลอย่างเป็นอย่างดี และมีความหลากหลายทางเชื้อชาติและวัฒนธรรมสูงเป็นอันดับต้น ๆ
🏙️ อันดับที่ 3 เซี่ยงไฮ้, จีน
มหานครทางเศรษกิจของจีนที่มีความแข็งแรงทางเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่อาศัย ด้วยการดำเนินนโยบายในการควบคุมโรคระบาดที่เข้มงวด ทำให้จำนวนประชากรและเศรษฐกิจของเมืองยังโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
🏙️ อันดับที่ 2 โตเกียว, ญี่ปุ่น
เช่นเดียวกับเซี่ยงไฮ้และปักกิ่ง โตเกียวสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้อย่างมีประสิทธิภาพมาก รวมถึงยังมีการพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องทางเทคโนโลยีและการขนส่ง ทำให้การใช้ชีวิตและการเดินทางในเมืองนั้นง่ายและสะดวกเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ดีเมืองยังเผชิญหน้ากับปัญหาสำคัญ คือจำนวนประชากรที่ลดลงในทุก ๆ ปี
🏙️ อันดับที่ 1 ลอนดอน, อังกฤษ
เมืองหลวงของประเทศอังกฤษที่ได้คะแนนความน่าอยู่อาศัยสูงสุดในทุก ๆ ด้าน เว้นเพียงแต่เรื่องประสิทธิภาพในการควบคุมโรคระบาดในช่วงที่ผ่านมา แต่ว่าปัจจัยความแข็งแกร่งทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจและสังคม รวมถึงการเติบโตของประชากรในเมืองนั้น ทำให้ลอนดอนเป็นเมืองที่น่าอยู่กว่าเมืองใด ๆ บนโลกนี้
ในการจัดอันดับครั้งนี้ทางทีมงานได้คำนึงถึงประสิทธิภาพในการควบคุมโรคระบาดเข้ามาด้วย เนื่องจากเป็นหนึ่งในเรื่องสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชากร ทำให้เมืองสำคัญในยุโรปหลายเมือง อย่าง เบอร์ลิน ซูริค และ เฮลซิงกิ มีอันดับลดลงจากปีก่อน เนื่องจากอัตราการเสียชีวิตจากโรคระบาดที่สูงกว่าเมืองอื่น ๆ
ซึ่งกลับกันหลายเมืองในเอเชียอย่างกรุงเทพมหานคร โซล และดูไบ ที่มีการควบคุมโรคระบาดที่ดีกว่า จึงมีอันดับความน่าอยู่สูงขึ้น
อีกเรื่องที่ไม่คำนึงถึงไม่ได้ก็คือหลายเมืองใหญ่ในโลกนี้อย่างใน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และรัสเซียกำลังเผชิญก็คือ ภาวะการถดถอยของประชากรที่กำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้เมืองเหล่านี้อาจสูญเสียความน่าอยู่และความหลากหลายไปในอนาคต
ส่วนเมืองที่ประชากรยังคงอัตราการเติบโตนั้นมีโอกาสที่จะสร้างความั่งคั่งและการพัฒนาได้มากกว่าต่อไป
และสำหรับใครที่สงสัยว่า กรุงเทพมหานคร ของเรานั้นอยู่ในอันดับที่เท่าไร ?
กรุงเทพมหานคร ถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 22 ของการจัดอันดับในครั้งนี้ โดยมี เมืองกัวลาลัมเปอร์ ของมาเลเซีย เพื่อนบ้านของเรา ตามมาใกล้ ๆ ในอันดับที่ 24
╔═══════════╗
ท่านที่สนใจรับการอัปเดตเทรนด์อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี ขอเชิญชวนเข้าร่วม Facebook Group: Trends Community เพื่อร่วมแบ่งปันเทรนด์ใหม่ๆ ในแต่ละอุตสาหกรรม ร่วมออกไอเดีย และแสดงความคิดเห็นร่วมกันว่าเทรนด์ใดที่เหมาะกับลูกค้าคนไทย และเทรนด์ใดจะเป็นโอกาสสำหรับประเทศไทยในอนาคต?
╚═══════════╝
Trendmizi คลังเทรนด์ออนไลน์เพื่อการพัฒนาแบรนด์และธุรกิจ โดยศูนย์วิจัยเทรนด์และคอนเซ็ปต์แห่งอนาคต Baramizi Lab
#Trendmizi
#คลังเทรนด์ออนไลน์
#trend
เรื่อง: Trendmizi Content Creator
โฆษณา