14 มิ.ย. 2022 เวลา 06:39 • ธุรกิจ
‘Shopee’ กำลังจมดิ่งสู่มหาสมุทรสีเลือด
ตลาดช้อปปิ้งออนไลน์ที่ยิ่งแข่งดุเดือดยิ่งเจ็บตัวหนัก
8
เป็นอีกหนึ่งข่าวที่สะเทือนโลกธุรกิจตลาดช้อปปิ้งออนไลน์ ที่มีข่าวการประกาศปลดพนักงานจำนวนมากของ ช้อปปี้ (Shopee) ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซจากสิงคโปร์ ที่จะต้องโละทั้งหน่วยธุรกิจที่ไม่ก่อให้เกิดผลกำไรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งอินโดนีเซีย เวียดนาม และไทย
3
สำหรับประเทศไทยจะมีการปลดพนักงานในส่วนของ ShopeePay และ ShopeeFood มากถึงครึ่งหนึ่ง ซึ่งนี่เป็นภาพสะท้อนว่า ตลาดธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่เราเห็นการทำสงครามราคาที่ลดกระหน่ำบลัฟคู่แข่งกันถล่มทลาย กำลังจะพังครืนลงเพราะไม่อาจแบกรับต้นทุน และการขาดทุนบักโกรกเอาไว้ได้อีกต่อไป
6
ความพ่ายแพ้ของ Shopee ไม่ได้เพิ่งเกิด แต่หลายๆ ประเทศที่บริษัทเข้าไปดำเนินธุรกิจ ต่างก็ต้องถอนทัพออกมาประเทศแล้วประเทศเล่า
2
โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 Shopee ประกาศเลิกกิจการในฝรั่งเศส ทั้งๆ ที่เพิ่งดำเนินธุรกิจได้ไม่ถึงครั้งปี
ส่วนในเดือนมีนาคม 2565 Shopee ประกาศเลิกกิจการในอินเดีย โดยเลิกจ้างพนักงานกว่า 300 คน
5
🔵เกิดอะไรขึ้นกับ Shopee
2
ก่อนอื่นต้องเข้าใจว่าตลาดธุรกิจอีคอมเมิร์ซ โดยเฉพาะพวกแอปพลิเครชันช้อปปิ้งออนไลน์มีการแข่งขันกันดุเดือด เพื่อแย่งชิงลูกค้ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย ทุกบริษัทยอมแบกรับการขาดทุนติดกันเป็นปีๆ ด้วยเหตุผลที่ต้องการจะดึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้อยู่กับตัวเองมากที่สุด
5
ทั้งการออกส่วนลดต่างๆ นาๆ มาดึงดูด การถล่มทุบราคาสินค้าประหนึ่งแจกฟรี และแคมเปญการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดที่เข็นออกมาแข่งกันแบบเสียเงินไม่ว่าเสียฐานลูกค้าไม่ได้
7
ซึ่งธุรกิจนี้รับว่าเป็น "Red Ocean" หรือมหาสมุทรสีเลือดเดือดพล่านที่พร้อมจะหลอมละลายผู้เดินเกมพลาดให้หลอมละจมดิ่งจนแทบหมดโอกาสดำผุดดำว่ายขึ้นมาหายใจมีชีวิตรอด
4
และ Shopee กำลังจมลึกกว่าเดิมในตลาด Red Ocean
5
หากย้อนกลับไปดูผลประกอบการของ Sea Group บริษัทแม่ของ Shopee พบว่า...
1
ไตรมาส 1 ปี 2565 ผลประกอบการของ Sea Group ออกมา "ประทับใจ" นักลงทุนอย่างมาก โดยผลประกอบการที่บริษัททำได้ 2,900 ล้านเหรียญสหรัฐ จากเดิมนักวิเคราะห์คาดว่าจะทำได้ 2,760 ล้านเหรียญสหรัฐ
1
บริษัทขาดทุนสุทธิ 580 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขาดทุนหนักราวๆ 722 ล้านเหรียญสหรัฐ
ผลสรุปคือ รายได้โตถึง 64% แถมยังขาดทุนน้อยกว่าที่คาด ทำให้หุ้น Sea Group กระโดดบวกทีเดียว 14% ภายในวัน
2
ผู้บริหารแสดงความคิดเห็นว่า บริษัทมีการขยายงาน "อย่างดุดัน" โดยเฉพาะในบราซิล ประเทศในกลุ่มตะวันออกเฉียงใต้ และไต้หวัน รวมถึงมีการลดการลงทุนในประเทศอินเดียและฝรั่งเศส
3
ซึ่งทำให้ผลประกอบการเฉพาะของ Shopee อย่างเดียว มีรายได้เติบโตอยู่ที่ 1,500 ล้านเหรียญสหรัฐ และขาดทุนเพิ่มขึ้น 77% อยู่ที่ 810.6 ล้านเหรียญสหรัฐ
1
แน่นอนว่า ตอนที่ข่าวออกมาว่าผลประกอบการขาดทุนน้อยกว่าคาด ซึ่งอาจส่งสัญญาณว่าธุรกิจกำลังถึงจุดกลับตัวเพื่อมีกำไรในไม่ช้า หุ้นก็ขึ้น อะไรก็ดูดีไปหมด แม้แต่ข่าวร้ายคนก็มองว่ามันดี
3
แต่ตอนที่หุ้นลง ... ข่าวดีก็สามารถกลายเป็นข่าวร้ายได้ ถ้าบรรยากาศมันพาไป
9
นักลงทุนเริ่มเห็นแล้วว่า เราไม่ควรสนใจรายได้ที่เติบโต แต่เราควรหันมาสนใจ "กำไร" ที่บริษัททำได้ต่างหาก โดยภาพรวม Sea Group ขาดทุนเพิ่มขึ้นถึง 68% จากงบรวม
4
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Shopee นี่แหละที่เป็นตัวการหลักที่ทำให้บริษัทขาดทุนเพิ่มขึ้นถึง 77%
4
นักวิเคราะห์ในวอลสตีทแสดงความเห็นว่า บริษัทอยู่ใน Red Ocean ที่กำลังจมลึกไปมากกว่าเดิม
1
สิ่งที่วอลสตรีทรู้สึกกังวล ประกอบไปด้วย 2 ปัจจัย คือ
6
1. เมื่อไร Shopee ที่เป็นตัว "ผลาญเงิน" ของบริษัทแม่จะเริ่มกลับมาทำกำไร เหมือนอย่างที่ Lazada ของ Alibaba เริ่มทำกำไรให้บริษัทแม่ได้บ้างแล้ว
3
2. แพลตฟอร์ม Shopee ทำผลงานได้ดีช่วงโรคระบาด แต่ก็แลกมากับการขาดทุนมหาศาล สิ่งที่นักลงทุนต้องตระหนักคือ หลังจากผ่านพ้นช่วงนี้ไปแล้ว บริษัทจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร เมื่อคนเริ่มออกจากบ้าน ไปทำงาน เงินเฟ้อพุ่ง ค่าครองชีพสูง และซื้อของออนไลน์น้อยลง?
7
มุมมองของ Forbes วิเคราะห์ว่า ถึงแม้ธุรกิจ Shopee จะทำให้บริษัทขาดทุน แต่ธุรกิจที่โดดเด่นกลับเป็นธุรกิจเกมออนไลน์อย่าง "Free Fire" ที่ทำให้บริษัททำกำไรได้ราวๆ 1,100 พันล้านเหรียญสหรัฐ และมียอดผู้ใช้งานทั่วโลกประจำอยู่ราวๆ 615.9 ล้านคน บริษัทควรมุ่งเน้นการลงทุนไปที่หน่วยธุรกิจที่ทำผลกำไรแทนดีกว่าหรือไม่ และต้องจัดการปัญหาขาดทุนสะสมซ้ำแล้วซ้ำเล่าของ Shopee ให้เด็ดขาดเสียที
11
จากนี้ถือเป็นงานที่ท้าทายของ Sea Group ว่าจะดำเนินธุรกิจต่อไปอย่างไร
โดยเฉพาะ Shopee ที่ตอนนี้ กำลังจมลึกกว่าเดิมในตลาด Red Ocean
1
หากดูข้อมูลการดำเนินธุรกิจแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในไทยในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีด้วยกัน 3 รายใหญ่จะพบว่า
2
🔴 Lazada ในเครือของ Alibaba ขาดทุสุทธิ 13,620 ล้านบาท
🔴 Shopee ในเครือของ Sea Group ขาดทุนสุทธิ 20,146 ล้านบาท
🔴 JD Central ในเครือของ JD.com และเซ็นทรัลของไทย ขาดทุนสุทธิ -5,596 ล้านบาท
6
รวมทุกๆ บริษัทขาดทุนสะสมเกือบ 4 หมื่นล้านบาท
ส่วนภาพรวมธุรกิจของ Sea Group ประเทศไทย ในปี 2564 มีรายได้สูงถึง 43,282 ล้านบาท ขาดทุน 5,908 ล้านบาท
1
ซึ่งบริษัทที่ทำรายได้สูงสุด คือ บริษัท ช้อปปี้ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด ที่เป็นบริษัทขนส่งและโลจิสติกส์ ทำรายได้สูงถึง 15,010 ล้านบาท ขาดทุน 289 ล้านบาท
8
ขณะที่บริษัทซึ่งทำกำไรมากที่สุดในกลุ่ม คือ บริษัท ช้อปปี้เพย์ (ประเทศไทย) จำกัด ที่มีข่าวล่าสุดออกมาว่าจะลดพนักงานลง ทำรายได้ 3,720 กำไร 153 ล้านบาท
2
ส่วนบริษัทที่ขาดทุนมากที่สุดในกลุ่ม คือ บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด ที่เป็น E-Marketplace และเป็นธุรกิจหลักของเครือในประเทศไทย ทำรายได้ 13,322 ล้านบาท ขาดทุน 4,972 ล้านบาท
7
ก็ต้องรอดูว่าทาง Shopee ประเทศไทยจะออกมาแก้สถานการณ์อย่างไร และจะสามารถโผล่หัวขึ้นมาหายใจเหนือผืนน้ำแห่งมหาสมุทรสีเลือดเดือดพล่านเพื่อต่อชีวิตได้หรือไม่
2
╔═══════════╗
ไม่พลาดบทความสาระดีๆ ที่ Reporter Journey ตั้งใจสร้างสรรเพื่อผู้ติดตามทุกท่าน อย่าลืมกดติดตามเพจ ติดตาม Reporter Journey ได้ทุกช่องทางที่
╚═══════════╝
.
ติดตาม Reporter Journey ได้ทุกช่องทางที่
Line : @reporterjourney
4
โฆษณา