15 มิ.ย. 2022 เวลา 02:35 • การศึกษา
วันเวลากับการเปลี่ยนแปลง (ตอนที่ ๒)
1
เวลาในโลกมนุษย์สั้นนิดเดียว เมื่อเทียบกับเวลาในสัมปรายภพแล้ว ต่างกันมาก เพราะชีวิตหลังความตายนั้น ยาวนานเป็นแสนเป็นล้าน เป็นหลายๆ ล้านปี
Cr.เพจการบ้าน
มีเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในสมัยพุทธกาล มีเทพธิดาท่านหนึ่ง อยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์กับเหล่าเทพธิดาอีก ๕๐๐ กำลังเก็บดอกไม้ เพื่อจะนำมาประดับให้มาลาภารีเทพบุตร ในสวนนันทวันซึ่งเป็นทิพยอุทยาน ที่สวยงามมากของชาวสวรรค์
ในขณะที่เทพธิดากำลังเพลิดเพลินอยู่กับการเที่ยวเด็ดดอกไม้ทิพย์อยู่ ทันใดนั้นก็ได้จุติ คือตายจากสรวงสวรรค์ ลงมาเกิดในโลกมนุษย์พอเกิดมาอายุได้ไม่กี่ขวบ นางก็สามารถระลึกชาติได้ เพราะสั่งสมบุญเก่ามาดี
เห็นว่าชาติก่อนตนเอง เคยเป็นเทพธิดาอยู่บนสวรรค์ เป็นบริวารของมาลาภารีเทพบุตร จึงอยากจะกลับไปเกิดบนสวรรค์อีก เพราะรู้ว่าสวรรค์มีความสุขอันประณีตกว่าโลกมนุษย์มากมายนัก
Cr.dmc
เมื่อเติบโตขึ้น นางหมั่นทำบุญกุศลไม่ได้ขาด ได้ถวายทานแด่พระภิกษุสงฆ์เป็นประจำ พอถึงวันพระ ก็รักษาอุโบสถศีล เข้าวัดฟังธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามิได้ขาด พออายุ ๑๙ ปีได้แต่งงาน มีครอบครัวตามประสาชาวโลกทั่วไป
แต่ว่าแปลกอยู่อย่างหนึ่ง คือ เวลานางทำบุญอะไรก็ตาม นางจะอธิษฐานจิตขอให้ได้ไปเกิดอยู่ร่วมกับสามีเทพบุตร ซึ่งอยู่บนสวรรค์บางคนได้ยินก็ไม่เข้าใจ หาว่านางเสียสติเพ้อเจ้อบ้าง เพราะไม่รู้ว่าจะอธิษฐานอย่างนั้นไปทำไม ในเมื่อสามีคนปัจจุบันก็ยังมีชีวิตอยู่
ชาวบ้านจึงเรียกชื่อของนางว่า "ปติปูชิกา" หมายถึงหญิงผู้บูชาสามีนั่นเอง แต่นางก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ตั้งใจทำความดีเรื่อยไป ด้วยหวังว่าสักวันหนึ่งนางจะได้ไปเกิดอยู่ร่วมกับสามีเดิมบนสวรรค์
นางได้ใช้ชีวิตครอบครัวเรื่อยมา จนกระทั่งมีบุตรถึง ๔ คนด้วยกัน แล้วได้แนะนำเส้นทางไปสู่สวรรค์ให้ลูกๆ ด้วยการสอนให้หมั่นทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา
วันหนึ่งหลังจากที่นางล้มป่วยลงกะทันหัน ถึงแก่ความตาย นางได้กลับไปบังเกิดเป็นเทพธิดา อยู่กับมาลาภารีเทพบุตรดังเดิม ซึ่งขณะนั้นเทพธิดาทั้งหลายกำลังประดับประดาดอกไม้ให้เทพบุตรอยู่ในสวนนันทวัน
เมื่อเทพบุตรเห็นนาง จึงถามว่า "เมื่อกี้เธอหายหน้าไปไหนมา"เทพธิดาตอบว่า "หม่อมฉันได้จุติจากสวรรค์ แล้วไปบังเกิดบนมนุษยโลก"
เทพบุตรเมื่อได้ฟังแล้วเกิดความสงสัย จึงไต่ถามต่อไปว่า "เธอลงไปเกิดในโลกมนุษย์ แล้วไปทำอะไรมาบ้าง มนุษย์ในโลกเขาทำอะไรกัน"
นางจึงได้เล่าเรื่องที่ไปประสบมาทั้งหมดให้ฟัง แล้วบอกว่า "มนุษย์ส่วนใหญ่มีความประมาทกันมาก คิดว่าอายุ ๑๐๐ ปีนั้น ยาวนานเป็นอสงไขยเหมือนกับว่าจะไม่แก่ไม่ตายกัน
แต่หม่อมฉันไม่ประมาท ตั้งใจทำความดีอย่างเต็มที่ เพื่อจะได้กลับมาอยู่บนสวรรค์ร่วมกับท่านอีก"
Cr.dmc
เห็นไหมจ๊ะ เวลา ๑๐๐ ปี ในโลกมนุษย์ เท่ากับชั่วครู่เดียวในสวรรค์เท่านั้นเอง ซึ่งไม่เพียงพอต่อการทำความดีเลย แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ก็ยังประมาทกันอยู่มาก
ส่วนพวกเรารู้อย่างนี้แล้ว จึงไม่ควรประมาทในวัย และชีวิต จำเป็นที่จะต้องหมั่นประกอบความดี สร้างบารมีโดยไม่มีข้อแม้ ข้ออ้างและเงื่อนไข เพื่อจะได้ดำเนินชีวิตไม่ผิดพลาด รีบสั่งสมบุญติดตัวไปข้ามภพข้ามชาติ
เพราะบุญเป็นเพื่อนแท้ ในการเดินทางไกลในสัมปรายภพ และเป็นที่พึ่งในระหว่างที่เวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏฏ์ บุญเท่านั้นเป็นที่พึ่งทั้งในโลกนี้ และโลกหน้า บุญนั้นเป็นสิ่งเดียว ที่เราสามารถเอาติดตัวไปได้ เหมือนเงาตามตัว ที่จะคอยติดตามเจ้าของไปทุกหนทุกแห่ง
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนว่า บุคคลผู้ประมาท ก็เหมือนคนตายแล้ว คือแม้มีชีวิตอยู่ ชีวิตนั้นก็ไม่มีประโยชน์อะไร เหมือนชีวิตของคนที่ตายไปแล้ว
ความประมาทเป็นภัยในวัฏฏสงสาร ที่ทำให้สรรพสัตว์ทั้งหลาย หลงวนเวียนอยู่ในทะเลแห่งความทุกข์ หาทางหลุดพ้นไม่ได้ เมื่อละความประมาทได้ เราก็จะหลุดพ้นจากห้วงทะเลแห่งความทุกข์ มีปัญญาขึ้นสู่ฝั่งแห่งพระนิพพาน เสวยบรมสุขอันแท้จริง
Cr.เพจการบ้าน
เพราะฉะนั้น ความไม่ประมาทจึงเป็นยอดของความดี ความดีทั้งหลายก็รวมลงอยู่ในความไม่ประมาทนี่แหละ ถ้าจะให้ไม่ประมาท ต้องเอาใจหยุดไปที่ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ไม่ให้พลั้งเผลอ มีสติอยู่ตลอดเวลา ใจไม่ให้เคลื่อนจากศูนย์กลางกาย
ทำอย่างนี้ได้ชื่อว่าไม่ประมาท เพราะใจหยุดคือสุดยอดของความไม่ประมาท ต้องหยุดให้ได้ตลอดเวลา หยุดนิ่งอย่างสบายๆ อย่าให้เผลอ
ท่านทั้งหลาย ถือว่าเป็นผู้มีบุญมาก ที่ได้มาพบหนทางอันประเสริฐ เราจะได้ดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท ด้วยการฝึกฝนใจของเราให้หยุดนิ่ง จะได้เข้าถึงพระรัตนตรัยซึ่งเป็นที่พึ่งภายในกัน
ใครทำใจหยุดนิ่งได้ ถือว่าเป็นผู้มีบุญมากจริงๆ เหลืออยู่อย่างเดียวเท่านั้น คือเราจะต้องทุ่มเทชีวิตจิตใจศึกษา ฝึกฝนอบรมใจของเรา ให้ใจหยุด ให้ใจนิ่งให้ได้นานๆ
ฝึกกันทั้งวัน ในทุกอิริยาบถ ไม่ว่าจะนั่งนอนยืนเดิน หมั่นทำใจหยุดนิ่งตลอดเวลา เพื่อให้เข้าถึงกายธรรมให้ได้ นี่เป็นหน้าที่ที่แท้จริงของพวกเราทั้งหลาย เพราะฉะนั้นให้ขยันนั่งธรรมะกันนะ
พระธรรมเทศนาจากคุณครูไม่ใหญ่
จากหนังสือ รวมพระธรรมเทศนา ๑
3
โฆษณา