18 มิ.ย. 2022 เวลา 11:39 • ประวัติศาสตร์
กำเนิดและการล่มสลายของสองบริษัท
ที่ถือได้ว่ายิ่งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ EIC และ VOC
1
ตอนที่ 3 สงครามการค้าระหว่าง EIC และ VOC
1.
ในวันที่ชาวยุโรปชาติต่างๆ ล่องเรือออกไปเพื่อทำการค้าขายนั้น ไม่มีชาติไหนที่อยากจะทำสงคราม
ทุกชาติต้องการจะค้าขายเพื่อให้ชาติของตัวเองร่ำรวยขึ้น
แต่ด้วยความที่เส้นทางการค้ามันทับซ้อนกัน บวกกับโลกในยุคนั้นยังไม่เข้าใจทฤษฎีเศรษฐศาสตร์แบบที่เราใช้กันในปัจจุบัน ซึ่งก็คือเรื่องของการค้าเสรีและกลไกตลาด แต่ยุคนั้นจะเชื่อในสิ่งที่เรียกว่า เมอร์แคนไทล์ลิซึม (mercantilism)
ความเชื่อนี้ตั้งอยู่บนหลักการที่ว่า ทรัพยากรและความมั่งคั่งในโลกมีจำกัด การได้อะไรสักอย่างของคนหนึ่งจะต้องมาจากการเสียอะไรสักอย่างของคนอื่น ซึ่งต่างจากปัจจุบันที่เราเชื่อว่าการค้าเสรีทำให้ทั้งสองฝ่ายมั่งคั่งขึ้นได้ ดังนั้นความเชื่อแบบ mercantilism ทำให้แต่ละชาติมีนโยบายที่จะมั่งคั่งด้วยการพยายามยึดทุกอย่างมาเป็นของตัวเอง แล้วก็ขายของออกไปให้ได้มากที่สุด และซื้อของจากคนอื่นให้น้อยที่สุด
และด้วยวิธีคิดแบบนี้ ความขัดแย้งระหว่างสองบริษัทยักษ์ใหญ่ของยุโรปอย่าง EIC และ VOC จึงหลีกเลี่ยงได้ยาก
เมื่อแต่ละบริษัทค้าขายได้เงินมา ก็นำเงินส่วนหนึ่งไปซื้อปืนใหญ่ ดินปืน จ้างทหาร เพื่อสร้างกองทัพของตัวเองขึ้นมา บวกกับได้รับการสนับสนุนทางทหารจากรัฐบาลของตัวเอง ทำให้บริษัททั้งสองมีกองทัพที่แข็งแกร่งพร้อมที่จะทำสงครามกับใครก็ได้
ยิ่งไปกว่านั้นด้วยความที่การเดินเรือสมัยก่อนใช้เวลานานมาก การสื่อสารไปกลับระหว่างยุโรปและเอเชียกว่าจะคุยกันรู้เรื่องก็ใช้เวลาเกือบๆ สองปี ซึ่งนานเกินไปสำหรับการตัดสินใจเรื่องที่สำคัญๆ ทำให้ทั้งรัฐบาลอังกฤษและรัฐบาลดัตช์ให้อำนาจการตัดสินใจหลายๆ เรื่องกับบริษัทเอกชนทั้งสอง
1
รวมไปถึงการตัดสินใจเกี่ยวกับกิจการระหว่างประเทศ เช่น การประกาศสงคราม การยึดดินแดน การจ้างทหาร รวมถึงการจับชนพื้นเมืองมาขายเป็นทาส (รับชมรับฟังกันต่อได้ในซีรีส์ค้าทาสนะครับ)
2.
แม้ว่าทั้งสองบริษัทจะมีกองทัพ แต่ทั้งสองบริษัทก็ยังเป็นบริษัทการค้าที่เป้าหมายหลักคือการค้าขายเพื่อทำเงินให้ได้มากที่สุด ในช่วงแรกบริษัททั้งสองจึงพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าหรือใช้กำลังทหารระหว่างกัน เพราะคนทำค้าขายยังไงก็รู้ว่าการทำสงครามมันมีผลเสียทางการเงินที่จะตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
1
จึงมีหลายครั้งที่บริษัท EIC และ VOC สามารถที่จะไปทำการค้ากับชนพื้นเมืองในบริเวณเดียวกันได้ หรือแม้แต่การตั้งสถานีการค้าบนเกาะเดียวกัน โดยแต่ละบริษัทก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่ไปยุ่งในกิจการของกันและกัน
อย่างไรก็ตามความตึงเครียดจากการเป็นคู่แข่งกันตลอดเวลา ก็ทำให้สงครามเต็มรูปแบบเกิดขึ้นจนได้
เรื่องมันเริ่มต้นมาจากเหตุการณ์ที่ปัจจุบันเรารู้กันในชื่อว่า Amboina Massacre หรือการสังหารหมู่บนเกาะแอมบอยนา (ปัจจุบันเกาะนี้มีชื่อว่าเกาะมาลูกู) ของประเทศอินโดนีเซีย ในปี ค.ศ. 1613
1
3.
1
เกาะแอมบอยนา เป็นเกาะที่ทั้งบริษัท EIC และ VOC ต่างก็มีสถานีการค้าตั้งอยู่ ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็พยายามจะไม่ยุ่งเกี่ยวกัน แต่แล้วก็เกิดมีข่าวลือขึ้นในฝ่ายดัชต์ว่า พ่อค้าชาวอังกฤษมีแผนจะลอบสังหารผู้ว่าการเกาะซึ่งเป็นชาวดัชต์ แล้วช่วงเวลานั้นเอง ทหารของดัชต์ก็จับทหารรับจ้างชาวญี่ปุ่นซึ่งเชื่อว่าเป็นสายลับให้กับทางอังกฤษได้หนึ่งคน จึงนำมาสอบสวนด้วยการทรมานเพื่อให้รับสารภาพ
หลังจากโดนทรมานจนทนไม่ไหวทหารรับจ้างชาวญี่ปุ่นจึงตอบว่าข่าวการลอบสังหารเป็นเรื่องจริง ทำให้ผู้ว่าการเกาะชาวดัชต์สั่งการจับพ่อค้าชาวอังกฤษและทหารรับจ้างชาวญี่ปุ่นที่อยู่เบื้องหลังแผนลอบสังหารมาสอบสวน
1
วิธีการสอบสวนที่ใช้เป็นมาตรฐานในเวลานั้นคือ การทรมาน โดยเฉพาะการทรมานด้วยน้ำ ซึ่งมีหลายวิธี เช่น เอาหน้ากดน้ำจนเกือบจะขาดใจ เอาน้ำกรอกปากจนหายใจไม่ทัน หรือการนำผ้าผืนใหญ่มาคลุมหัวและใบหน้าจนมิดแล้วราดด้วยน้ำจนหายใจไม่ออก และคงเป็นเพราะความทรมานจนทนไม่ไหว ทำให้พ่อค้าชาวอังกฤษและทหารญีปุ่นยอมรับ จนถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการตัดหัวและเสียบประจาน
1
เมื่อข่าวนี้แพร่ไปถึงชาวอังกฤษ ก็สร้างความโกรธแค้นให้กับประชาชนชาวอังกฤษเป็นอย่างมาก สื่อต่างๆ นำเหตุการณ์นี้ไปขยายและพูดถึงข่าวนี้อย่างต่อเนื่อง จนชาวอังกฤษทั่วไปในสังคมโกรธและเกลียดชังชาวดัชต์มาก และเรียกร้องให้รัฐบาลตอบโต้ดัชต์ จนสุดท้ายนำไปสู่การรบกันหลายครั้งในสงครามที่ปัจจุบันมีชื่อเรียกว่า Anglo-Dutch War ซึ่งรบกันครั้งใหญ่ 4 ครั้ง กินเวลาตั้งแต่ปี ค.ศ.1652-1784
4.
ความขัดแย้งกับดัชต์ที่รุนแรงขึ้นนี้ ก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้อังกฤษเริ่มคิดที่จะถอนตัวจากการค้าขายเครื่องเทศแข่งกับดัชต์ เพราะมองว่าต้นทุนทางทหารเริ่มแพงจนไม่ค่อยคุ้ม หลังจากนั้นทางอังกฤษก็เริ่มหันความสนใจไปทำการค้ากับอินเดียมากขึ้น และที่อินเดียนี้เองทำให้อังกฤษเห็นว่ายังมีสินค้าอีกหลายอย่างที่สามารถทำกำไรมหาศาลให้กับบริษัทได้ ไม่ว่าจะเป็น ชา ผ้าฝ้ายอินเดีย สีย้อมผ้า เป็นต้น
1
สำหรับบริษัท VOC หลังทำสงครามกับอังกฤษหลายครั้งก็ทำให้บริษัทต้องเสียเส้นทางการค้าบางส่วนไป ต่อมาดัชต์ก็ไปแพ้สงครามและเสียเส้นทางการค้าให้กับฝรั่งเศสเพิ่มไปอีก
ยิ่งในเวลาต่อมา ชาติในยุโรปหลายชาติก็เริ่มนำพืชจำพวกเครื่องเทศต่างๆ ไปทดลองปลูกในดินแดนที่เป็นอาณานิคมของตัวเอง ทำให้ปริมาณเครื่องเทศในตลาดยุโรปเริ่มมากขึ้น และแน่นอนว่าเมื่อ supply เพิ่มขึ้น ราคาของเครื่องเทศก็ตกลงเรื่อยๆ ความนิยมเครื่องเทศในยุโรปก็ลดลง
1
จนถึงจุดที่รายได้จากการขายเครื่องเทศไม่คุ้มต้นทุนทางทหาร บวกกับการที่แต่เดิมบริษัทพึ่งพาการผูกขาดตลาดโดยความช่วยเหลือของรัฐบาลมากเกินไป เมื่อรัฐบาลดัชต์อ่อนแอลง บริษัทจึงอ่อนแอลงด้วย
สุดท้าย เมื่อสัญญาระหว่างบริษัทกับรัฐบาลสิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1799 รัฐบาลดัชต์ก็ตัดสินใจที่จะไม่ต่อสัญญา และถือเป็นจุดสิ้นสุดของบริษัท VOC บริษัทที่ถือได้ว่ามีมูลค่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์
สำหรับเรื่องราวของ EIC นั้นยังไม่สิ้นสุดลง เพราะเมื่อประวัติศาสตร์ของ EIC ในหมู่เกาะเครื่องเทศรูดม่านปิดฉากลง EIC ก็ไปเริ่มต้นประวัติศาสตร์หน้าใหม่บนทวีปอินเดีย ซึ่งเรื่องราวของอังกฤษในอินเดีย และเราคงจะได้มีโอกาสได้มาคุยกันต่อในวันหน้าครับ
เรือสามลำที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์โลก (Columbian exchange)
🎧 Podcast : https://bit.ly/3mCWopC
1
🎧 Podcast การล่มสลายของ Aztec
🔗 ตอนที่ 1 : https://bit.ly/3ynUfAc
🔗 ตอนที่ 2 : https://bit.ly/38ntIsc
🔗 ตอนที่ 3 : https://bit.ly/3BmmNMH
🔗 ตอนที่ 4 : https://bit.ly/3zjbUKO
💻 Youtube การล่มสลายของ Aztec
🔗 ตอนที่ 1 : https://youtu.be/QZBSNZ-61Gs
🔗 ตอนที่ 2 : https://youtu.be/M4_oi-TBLzo
🔗 ตอนที่ 3 : https://youtu.be/j6SJtxif-Rk
🔗 ตอนที่ 4 : https://youtu.be/Ejf6c4zEsX8
🎧 Podcast การล่มสลายของอินคา
🔗 ตอนที่ 1 : https://bit.ly/3sWj4Dv
🔗 ตอนที่ 2 : https://bit.ly/3PS7mE2
💻 Youtube การล่มสลายของอินคา
🔗 ตอนที่ 1 : https://youtu.be/IqHz5oixpCc
🔗 ตอนที่ 2 : https://youtu.be/NimubD49E48
ถ้าชอบเรื่องราวเกี่ยวกับ วิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ และการแพทย์ สามารถเข้าไปเลือกดูหนังสือของหมอเอ้วได้ที่ Chatchapol Book ใน shopee และ Line Myshop ได้เลยค่ะ
👉 Line Myshop : https://bit.ly/2UX8w5F
โฆษณา