19 มิ.ย. 2022 เวลา 11:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าประเทศลาว ผิดนัดชำระหนี้ ?
ถ้าหากเป็นคนธรรมดาเช่นเรา
เมื่อเกิดการผิดนัดชำระหนี้ขึ้น
สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้น ก็คือการฟ้องร้องหรือยึดทรัพย์
เพื่อให้ได้เงินที่ปล่อยกู้คืนมา
1
แต่ถ้าหากผู้ที่ผิดนัดชำระหนี้เป็นประเทศ
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ในวันนี้ Billion Money จะมาวิเคราะห์สิ่งที่จะเกิดขึ้น
ถ้าหากเพื่อนบ้านใกล้ชิดของเรา ที่กำลังประสบกับวิกฤติเศรษฐกิจ
อย่าง “ประเทศลาว” เกิดการผิดนัดชำระหนี้ขึ้นมา
แม้การผิดนัดชำระหนี้ในระดับประเทศจะเป็นเรื่องที่ร้ายแรง
ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้มีหน่วยงานกฎหมายที่จะมาบังคับประเทศนั้น ๆ
ให้จ่ายคืนหนี้โดยตรงได้แต่อย่างใด
2
แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นแน่นอน เมื่อประเทศผิดนัดชำระหนี้
คือการถูกปรับลดคะแนนเครดิต ซึ่งเป็นคะแนนที่จะบ่งบอกว่าลูกหนี้คนนี้
เป็นลูกหนี้ที่ดีหรือไม่
1
แล้วการที่คะแนนเครดิตลดลง จะส่งผลต่อประเทศนั้นอย่างไร ?
เมื่อลูกหนี้ที่เราให้กู้ มีโอกาสผิดนัดชำระหนี้มาก
ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เราจะต้องคิดดอกเบี้ยสูง ๆ เพื่อชดเชยความเสี่ยง
1
เช่นเดียวกันกับประเทศที่ถูกปรับลดคะแนนเครดิต
ก็จะต้องเผชิญกับดอกเบี้ยที่สูงขึ้นในการจะกู้เงิน เพื่อมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ
1
โดยต้นทุนการกู้เงินที่สูงขึ้น จากการเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้
ก็ได้สะท้อนอยู่ในดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลชุดใหม่
ก่อนที่จะมีการปรับลดคะแนนเครดิต โดยบริษัท Moody’s เมื่อวันพุธที่ผ่านมาเสียอีก
1
ซึ่งดอกเบี้ยที่สูงมากถึง 20% ก็เพื่อจูงใจให้ผู้คนหันมาถือพันธบัตรของประเทศลาว
อันจะทำให้รัฐบาลได้มีเงินไว้ใช้ ในการประคับประคองเศรษฐกิจ
ขณะที่กำลังประสบกับวิกฤติทางเศรษฐกิจอยู่
 
และนอกจากต้นทุนเงินกู้แล้ว
การปรับลดคะแนนเครดิตยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติอีกด้วย
5
ซึ่งการขาดความเชื่อมั่นของนักลงทุนนี้เอง จะส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติ ที่กำลังจะหอบเงินเข้ามาลงทุนในประเทศลาว ต้องชะลอโครงการการลงทุนที่จะเกิดขึ้นไปก่อน
1
ส่วนกิจการต่างชาติที่ได้ทำการลงทุนไปแล้ว สำหรับกิจการที่ลงทุนมานาน ก็อาจต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าว่าจะลงทุนในประเทศลาวต่อหรือไม่
1
แต่กิจการที่เพิ่งลงทุนได้ไม่นาน ก็มีแนวโน้มที่จะขายสินทรัพย์ และถอนเงินลงทุนออกจากประเทศลาวไป
2
อันจะนำไปสู่การอ่อนค่าของสกุลเงิน เพราะการที่นักลงทุนจะถอนเงินลงทุนคืน จะต้องนำเงินกีบไปแลกเป็นสกุลเงินของประเทศตนเองเสียก่อน
1
และถ้าหากนักลงทุนถอนเงินลงทุนคืนเป็นจำนวนมากเช่นนี้
ก็จะยิ่งเป็นแรงกดดันให้เงินกีบอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าเดิม
ซึ่งสำหรับประเทศลาว ที่พึ่งพาการนำเข้าเป็นอย่างมากแล้ว
การอ่อนค่าของเงินจะยิ่งซ้ำเติมสถานการณ์เงินเฟ้อของประเทศลาวให้รุนแรงยิ่งขึ้น
3
โดยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เงินเฟ้อของประเทศลาวสูงมากถึง 12.8%
ซึ่งถ้าหากประเทศลาวผิดนัดชำระหนี้ขึ้นมาจริง
ตัวเลขเงินเฟ้อจะไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้แน่นอน
โดยในปัจจุบันธนาคารกลางของประเทศลาว
ก็ได้พยายามกำกับดูแลตลาดเงินตราต่างประเทศอย่างเข้มงวด
และรัฐบาลเองก็พยายามลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง เช่น ลดการใช้รถประจำตำแหน่ง
2
แต่อย่างไรก็ตาม การที่เงินสำรองระหว่างประเทศของลาวที่เหลือน้อย
และเงินเฟ้อที่พุ่งสูงจากสินค้านำเข้า
 
รวมทั้งหนี้ต่างประเทศของลาว ที่มีมากถึง 55.7% ของ GDP
ก็ยังคงสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนและเจ้าหนี้อยู่
1
เพราะฉะนั้นแล้ว วิกฤติในประเทศลาวครั้งนี้ จึงเป็นที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง
ว่าประเทศลาวจะสามารถแก้ไขวิกฤติครั้งนี้ได้หรือไม่
1
เนื่องจากประเทศไทย ไม่เพียงแค่เป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดของประเทศลาวเท่านั้น
แต่เรายังเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่อันดับ 2 ของลาว รองจากประเทศจีนอีกด้วย
1
โฆษณา