22 มิ.ย. 2022 เวลา 02:49 • ข่าวรอบโลก
การทูตไทยในความสัมพันธ์กับกัมพูชา
รายการบันทึกสถานการณ์ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ คุณปัญญรักษ์ พูลทรัพย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ เกี่ยวกับการทูตไทยในความสัมพันธ์กับกัมพูชา ตลอดจนวิกฤตการแพร่ระบาดโควิด-๑๙ ที่ส่งผลต่อประชาชนของทั้งสองประเทศ ไปจนถึงการเตือนภัยสำหรับคนไทย โดยท่านผู้อ่านสามารถติดตามบทสัมภาษณ์เต็มย้อนหลังได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=aEonWK6Nif4
ด้านความสัมพันธ์ทวิภาคี ไทยและกัมพูชามีความสัมพันธ์ที่ดีกันมาอย่างยาวนานในฐานะประเทศบ้านใกล้เรือนเคียง โดยไทยได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชามากว่า ๗๐ ปี และเป็นประเทศแรก ๆ ของโลกที่ให้การยอมรับกัมพูชาในฐานะรัฐอิสระ จึงทำให้ไทยมีความสัมพันธ์กับกัมพูชาในทุกด้าน อีกทั้งยังมีพรมแดนทางบกติดต่อกันกว่า ๘๐๐ กิโลเมตร และประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนสนามรบเป็นตลาดการค้าในกัมพูชา
ทั้งนี้ ผู้นำทั้งสองประเทศได้พบปะหารือกันอย่างสม่ำเสมอ ถึงขนาดที่สมเด็จฮุนเซนฯ เอ่ยปากว่าความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาในปัจจุบันคือดีที่สุด ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ
ความสัมพันธ์ของไทยและกัมพูชาเริ่มตั้งแต่ระดับรัฐบาลไปจนถึงระดับประชาชน โดยเฉพาะเรื่องการให้ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา ยกตัวอย่างเช่น กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ (Thailand International Cooperation Agency: TICA) ให้ความร่วมมือด้านสาธารณสุขกับกัมพูชา อาทิ โครงการพัฒนาขีดความสามารถของโรงพยาบาลในพื้นที่ชายแดนกัมพูชา ซึ่งมีส่วนสำคัญในการช่วยรับมือการแพร่ระบาดของโรคโควิด-๑๙ ได้
อีกทั้งด้านการศึกษา ไทยได้ช่วยพัฒนาด้านการศึกษาของกัมพูชาและมอบทุนการศึกษาสำหรับชาวกัมพูชามาศึกษาที่ประเทศไทย อาทิ ทุนพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งการช่วยเหลือด้านการศึกษาไม่เพียงแต่เป็นการช่วยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความเข้าใจอันดีในระดับประชาชนในระยะยาว และบ่มเพาะความนิยมไทย จึงถือเป็น Soft Power อีกรูปแบบหนึ่งของไทย
เมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ๒๕๖๕ นางอุรีรัชต์ เจริญโต อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ได้เป็นผู้แทนรัฐบาลไทยในการส่งมอบอาคารผู้ป่วยอุบัติเหตุ-ฉุกเฉิน และอาคารซักฟอกและโรงนึ่งที่ โรงพยาบาลเกาะกง ราชอาณาจักรกัมพูชา  ซึ่งอาคารทั้ง ๒ หลังนี้ ที่ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลไทย ได้ดำเนินการก่อสร้าง ปรับปรุง และซ่อมแซมแล้วเสร็จแล้ว ภาพจาก Facebook กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ
หากพูดถึงกรณีการหลอกลวงคนไทยให้มาทำงานผิดกฎหมายที่กัมพูชาที่เป็นข่าวใหญ่ ท่านทูตปัญญรักษ์ เล่าว่า คนไทยกลุ่มนี้ข้ามมาทำงานที่กัมพูชาอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งทำให้ไม่สามารถระบุจำนวนที่แน่ชัดได้ แต่จากการประเมินของสำนักงานประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา คาดว่ามีจำนวน ๔,๐๐๐ - ๕,๐๐๐ ราย
โดยคนเหล่านี้จะกระจายไปตามเมืองใหญ่ พื้นที่ชายแดนที่ติดกับไทย อาทิ กรุงพนมเปญ เมืองพระสีหนุ ปอยเปต และพระตะบอง ส่วนใหญ่จะมาทำงานที่คาสิโน เว็บไซต์พนันออนไลน์ หรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ดังที่ปรากฏเป็นข่าวใหญ่ในไทย
สำหรับท่านใดที่รู้จักคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการแบบนี้ สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ได้ตามช่องทางต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โทรศัพท์สายฉุกเฉิน (+๘๕-๕๗๗-๘๘๘-๑๑๔) LINE Facebook หรือ e-mail โดยสถานเอกอัครราชทูตจะประสานงานกับตำรวจกัมพูชา เข้าให้ความช่วยเหลือ แต่จะต้องใช้เวลาตามกระบวนการของฝ่ายกัมพูชา
ทั้งนี้ เมื่อถูกผลักดันกลับไทยเรียบร้อยแล้ว คนเหล่านี้ก็จะถูกขึ้นบัญชีดำห้ามเข้ากัมพูชาอีก และยังจะได้รับโทษตามกฎหมายอย่างไม่มีข้อยกเว้น เนื่องจากการเข้าเมืองที่ผิดกฎหมายและการหลอกลวงต้มตุ๋นผู้อื่น ถือเป็นความผิดทางกฎหมายทั้งของไทยและกัมพูชา
ภาพหน้า Facebook สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ
ท่านทูตปัญญรักษ์ จึงอยากใช้โอกาสนี้เตือนคนไทยทุกคนว่า งานง่าย งานดี เงินดี ไม่มีอยู่จริง อย่าเสี่ยงชีวิตไปทำงานผิดกฎหมาย เพราะท่านอาจจะไม่ได้โชคดีเหมือนคนอื่นที่สถานเอกอัครราชทูตได้ช่วยเหลือมาสำเร็จ
หากพบการโฆษณาชักชวนในลักษณะนี้ ขอให้ท่านฉุกคิดและนึกถึงคนไทยที่ตกเป็นเหยื่อ ใช้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ และท่านสามารถแจ้งความออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สายด่วน ๑๔๔๑ ของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ๐๘๑-๘๖๖-๓๐๐๐ ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศค่ะ
ภาพเว็บไซต์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
นางสาวพัณณ์ชิตา โชติจินตนาทัศน์
เจ้าหน้าที่ติดตามและวิเคราะห์ข่าว
กรมสารนิเทศ
โฆษณา