Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ที่นี่...สุราษฎร์ธานี
•
ติดตาม
21 มิ.ย. 2022 เวลา 16:41 • ประวัติศาสตร์
จาก ‘วัดพระโยก’ ถึง ‘วัดพระโยค’
…
อุโบสถเก่าวัดพระโยค
แต่เด็กผมคุ้นเคยกับวัด ๒ วัดในถิ่นฐานบ้านเกิดของผม คือ วัดใหม่ ที่คนละแวกบ้านเรียกกันว่า ‘วัดหลวงพ่อพัฒน์’ ก็เพราะเป็นวัดที่ ‘หลวงพ่อพัฒน์’ ท่านเป็นผู้ริเริ่มและชักชวนญาติโยมสร้างขึ้นเมื่อรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อราวปี พ.ศ. ๒๔๓๙
และอีกวัดหนึ่งที่ตั้งขึ้นมาแต่เดิมก่อนหน้าแล้ว คือ วัดพระโยค
ภาพเจนตาที่เห็นมาแต่วัยเด็ก คือ วัดใหม่ หรือที่มีชื่ออย่างทางการคือ ‘วัดพัฒนาราม’ มีความเจริญมากกว่า
ชื่อ ‘วัดพัฒนาราม’ นี้ ‘กวี รังสิวรารักษ์’ กล่าวไว้ในหนังสือ ‘ ๓ อภิญญา ศรีวิชัย’ ว่า
“…ประมาณปี ๒๔๗๙ นายบุญยงค์ พัฒน์พงศ์ ได้ขอให้ท่านเจ้าคุณภัทรมุนี (มหาอิ๋น ป.ธ.๙) รองเจ้าอาวาสวัดทองนพคุณ กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นชาวตำบลบางใบไม้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ตั้งชื่อวัดให้ใหม่จาก ‘วัดใหม่’ เป็น ‘วัดพัฒนาราม’ มาจากคำว่า พัฒนะ’ กับ อาราม แปลว่า วัดที่เจริญรุ่งเรือง...”
และยังบงความหมายถึงผู้สร้าง ‘คือ ‘หลวงพ่อพัฒน์’ ด้วย
ดังที่บอกภาพความทรงจำในวัยเด็กและวันเวลาที่จากถิ่นฐานบ้านเกิดไปนั้น วัดพระโยคอยู่ในยุคเสื่อมทรุดเป็นอย่างมาก เสนาสนะหลายสิ่งยังสร้างไม่แล้วเสร็จ ทั้งอุโบสถ และขอบเขตรั้ววัด
กลับมาพบเห็นวัดพระโยคอีกครา เปลี่ยนไป (เจริญ) จนแทบจดจำไม่ได้เสียแล้ว
...
ผมไม่เคยพบเห็นรูปภาพของอุโบสถหลังเก่าของวัดพระโยค ที่พบเห็นคือ โบสถ์ที่สร้างเสร็จแล้ว แต่ยังไม่ตกแต่งทาสีอย่างปัจจุบัน และนานหลายปีที่อยู่ในสภาพเช่นนี้
วันหนึ่งระหว่างเปิดเพจ ‘พระคณาจารย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี’ ให้พบเจอกับรูปภาพหนึ่งที่ ‘Krit Jakkrit’ แชร์โพสต์ของ ‘ลุงนภ นภดล มณีวัต’ เป็นภาพถ่ายอุโบสถหลังเก่าวัดพระโยค
ให้ต้องรีบไปเปิดหนังสือ ‘ชีวิวัฒน์ เที่ยวที่ต่างๆ ภาคที่ ๗’ พระนิพนธ์ของสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยศที่ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมหลวงภาณุพันธุวงศ์วรเดช
เป็นหนังสือที่กล่าวถึงคุณความดีแห่งการท่องเที่ยวในที่ต่างๆ และรายงานระยะทางที่เสด็จไปยังหัวเมืองชายทะเลตะวันตกในบริเวณอ่าวไทย เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๗
ได้รับการพิมพ์เป็นครั้งแรกในงานทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวาร พระศพสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช พ.ศ. ๒๔๗๑
ฉบับที่นำมาอ้างอิงเป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๓ ในงานพระราชทานเพลิงศพ ร้อยเอกพิพัฒน์ พิพัฒน์สรการ (เท้ง พัฒนศิริ)
…
ในเล่มนั้นมีกล่าวถึงสภาพบ้านเมืองของสุราษฎร์ธานี ครั้งยังเป็น ‘เมืองกาญจนดิฐ’ ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ ‘บ้านดอน’ โดยเฉพาะยังกล่าวถึง ‘วัดพระโยค’ ไว้บางส่วน
“…มีวัดๆ หนึ่งชื่อวัดพระโยก มีโรงอุโบสถโรงหนึ่งเป็นโรงจากเตี้ยๆ ฝากระดานหลังคาจาก มีพระประธานหน้าตัก ๕ ศอกนั่งอยู่กับแท่นปูนเตี้ยๆ มีพระเล็กๆ บ้าง แล้วมีคอกไม้กันล้อมรอบโรงโบสถ์นั้น หมู่กุฎีห่างโบสถ์มาข้างริมถนนเหมือนกับเรือนราษฎรตามธรรมเนียม วัดนี้เป็นวัดถือน้ำพระพิพัฒน์สัตยา”
ในพระนิพนธ์นั้นระบุชื่อ ‘วัดพระโยก’ ที่ใช้พยัญชนะ ‘ก’ ไม่ใช่ ‘ค’ เช่นปัจจุบัน ซึ่งสอดรับกับเรื่องเล่าตำนานวัดถึงที่มาของชื่อ ‘วัดพระโยก’ นั้น
นาม 'วัดพระโยก' ในพระนิพนธ์ 'ชีวิวัฒน์'
มีเรื่องเล่าว่า เดิมพระประธานของวัดปัจจุบัน ตั้งอยู่ใต้ต้นข่อยข้างจอมปลวกหน้าอุโบสถ ชาวบ้านมาพบเห็นพระประธานโยกไปโยกมา ก็เรียกวัด ‘วัดพระโยก’ แต่กร่อนมาเป็น ‘วัดพระโยค’ ได้อย่างไรไม่ทราบได้
กระนั้นในราชกิจจานุเบกษา เล่ม ๑๖ หน้า ๓๓๔ ร.ศ. ๑๑๘ (พ.ศ. ๒๔๔๒) รายงานพระสงฆ์จัดการศึกษามณฑลชุมพร ของ พระศาสนดิลก (คำ) วัดบวรนิเวศ ระบุชื่อ ‘วัดพระโยค’ ที่ใช้ ‘ค’
รายการพระสงฆ์จัดการศึกษามณฑลชุมพร
ส่วนป้ายชื่อ ‘โรงเรียนธรรมานุโยค สำนักเรียนวัดพระโยก พ.ศ. ๒๔๙๘’ นั้น ‘วัดพระโยก’ ที่ใช้ ‘ก’
โรงเรียนธรรมานุโยค สำนักเรียนวัดพระโยก
สุดท้ายยังหาคำตอบที่แน่ชัดไม่ได้ว่า เดิมทีเราเรียกและเขียนชื่อวัดว่า ‘วัดพระโยก’ หรือ ‘วัดพระโยค’ กันแน่
ก็ ‘โยก’ นั้นความหมายบ่งบอกแน่ชัดว่า “ก. ทำให้คลอน, ผลักไปมา...” ส่วน ‘โยค’ นั้น “โยค [โยก] น.ดาวพระเคราะห์ที่อยู่ในตำแหน่งลำดับที่ ๓ หรือ ๙ ของตัวกำหนดในดวงชะตา”
หากถามผม ผมเชื่อว่าวัดแห่งนี้ชื่อ ‘วัดพระโยก’ เพราะผมเชื่อตำนานเรื่องเล่า เรื่องพระพุทธรูปพระประธานที่โยกไปโยกมานั่นแหละ
…
ป้ายวัดที่เขียนอย่างปัจจุบัน
วัดพระโยคที่เขียนอย่างปัจจุบัน ยังมีเรื่องเล่าขานที่ผมได้ยินได้ฟังมาแต่เด็กอีกว่า
มีสามเณรรูปหนึ่งไปทำความสะอาดในอุโบสถแล้วเกิดหายตัวไปเหลือเพียงจีวรและมีคราบสีแดงคล้ายโลหิตติดที่ปากของพระประธาน (ซึ่งหากทางวิทยาศาสตร์จะอธิบายว่า เกิดจากการที่ปรอทที่ใช้หล่อองค์พระืั้อยู่บริเวณใต้พระหนุ (คาง) ทำปฏิกิริยาทางเคมีกับเนื้อโลหะที่ใช้หล่อองค์พระทำให้เกิการไหลออกมา สีแดงๆ คล้ายโลหิต)
นอกจากนั้นยังเล่ากันว่า มีคณะมโนราห์ (การแสดงพื้นเมืองภาคใต้) ใช้เส้นทางบริเวณวัดพระโยคเป็นทางผ่านเพื่อจะไปแสดงอีกสถานที่หนึ่ง เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดหลายอย่าง เป็นเหตุให้ไม่สามารถแสดงได้ คิดว่าจะเป็นเพราะไม่ทำความเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผ่านมาหรือไม่ จึงเดินทางกลับมาแสดงที่หน้าพระประธานวัดพระโยคเพื่อเป็นการขอขมาลาโทษ
จากนั้นทุกปีจะจัดให้มีการแสดงมโนราห์เป็นงานประจำปี ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผู้เฒ่าผู้แก่เล่าขานกัน
…
รูปภาพอุโบสถเก่าวัดพระโยค ที่มา : ‘Krit Jakkrit’ แชร์โพสต์ของ ‘ลุงนภ นภดล มณีวัต’ ระบุว่า อ.ธัญญา วงศ์สุบรรณ ถ่ายภาพเมื่อ ๑๓ มีนาคม ๒๕๑๐, เพจพระคณาจารย์พระคณาจารย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี
รูปโรงเรียนธรรมานุโยค สำนักเรียนวัดพระโยก ที่มา : ชยุตม์ เชาวน์ณัฐเศวตกุล, เพจภาพเก่าเมืองสุราษฎร์ในอดีต ระบุเจ้าของภาพ เฮียฮุย พรรัตน์ แซ่ลิ้ม
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย