24 มิ.ย. 2022 เวลา 09:41 • สุขภาพ
ว่ากันเสียให้ชัด กฎหมายไม่บังคับให้สวมหน้ากาก แต่แนะนำให้สวมหน้ากากต่อไป เพราะมีประโยชน์ทั้งลดการรับเชื้อ และลดการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น
โควิดเกิดขึ้นในโลกนี้ เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2562 และพบในประเทศไทยเมื่อเดือนมกราคม 2563
หลังจากนั้น มีการแพร่ระบาดของโควิดทั้งในประเทศไทยและในระดับโลก ที่รุนแรงมากขึ้นเป็นลำดับ จนเกิดการระบาดที่รุนแรงสูงสุดด้วยสายพันธุ์เดลต้า
ประเทศไทยเองก็ประสบกับการระบาดของเดลต้าอย่างรุนแรงและกว้างขวาง ผู้ติดเชื้อมากกว่า 2 ล้านคน เสียชีวิตกว่า 20,000 คน
จึงทำให้ ในวันที่ 19 มิถุนายน 2564 ซึ่งมีเดลต้าระบาดอย่างรุนแรงนั้น ได้ออกประกาศข้อกำหนดฉบับที่ 24
ให้ประชาชนสวมหน้ากากไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า เมื่ออยู่นอกเคหสถานหรือที่สาธารณะ
ถ้าไม่สวม ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ว่ากล่าวตักเตือน สั่งให้สวมหน้ากาก ถ้ายังไม่ปฏิบัติตาม ให้ดำเนินการตามกฏหมาย ตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2548
หมายความว่าตั้งแต่ 19 มิถุนายน 2564 เป็นต้นมา ประชาชนทุกคนต้องปฏิบัติตามกฏหมายคือ ใส่หน้ากากเมื่ออยู่นอกเคหสถานของตนเอง หรืออยู่ในที่สาธารณะ ไม่ใช่เลือกใส่หน้ากากได้เองตามความสมัครใจ
23 มิถุนายน 2565 เป็นช่วงที่ไวรัสโอไมครอนระบาด เป็นสายพันธุ์หลักที่มีความรุนแรงน้อยลง
ในขณะนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างมาตรการควบคุมทางสาธารณสุข กับมาตรการผ่อนคลายให้ดำเนินการทางเศรษฐกิจและสังคมได้
จึงได้มีประกาศข้อกำหนดฉบับที่ 46 ให้การสวมหน้ากากนั้น เป็นไปโดยสมัครใจ
แต่ยังมีข้อแนะนำให้สวมหน้ากากต่อไปดังนี้
1
1) กลุ่มประชาชนทั่วไป ควรสวมหน้ากากในสถานที่หรือพื้นที่แออัด ในที่มีคนรวมกลุ่มจำนวนมากและเว้นระยะห่างไม่ได้ หรือในสถานที่อากาศระบายถ่ายเทไม่ดี
2) กลุ่มเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงจากโควิดคือ กลุ่มอายุมากกว่า 60 ปี และมีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ควรสวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่น เพื่อลดความเสี่ยงในการที่จะรับเชื้อ
3) ผู้ที่ติดเชื้อ หรือผู้ที่สัมผัสเสี่ยงสูง ควรสวมหน้ากากตลอดเวลา เมื่ออยู่ร่วมกับผู้บุคคลอื่น เพื่อลดความเสี่ยงในการที่จะแพร่เชื้อให้กับผู้อื่น
ดังนั้นจึงพอกล่าวได้ว่า
ณ ปัจจุบัน นับตั้งแต่ 23 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป กฎหมายไม่บังคับให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้านอกเคหสถานหรือที่สาธารณะแล้ว
แต่มีข้อแนะนำปรากฏในราชกิจจานุเบกษา ให้ยังคงสวมหน้ากากต่อไป เพราะจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและต่อสาธารณะ
1
ทั้งในมิติของการลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อให้ผู้อื่น
ทั้งนี้เพื่อให้ประเทศไทยมีโอกาสจะเข้าสู่ Post-Pandemic เพื่อที่จะเปลี่ยนผ่านไปเป็นโรคติดต่อทั่วไปในอนาคต
เพราะถ้ามีผู้ถอดหน้ากากกันเป็นจำนวนมาก และเกิดมีผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น มาตรการต่างๆก็จะต้องย้อนกลับมาเข้มงวดใหม่อีกครั้งหนึ่ง ไม่สามารถเปลี่ยนผ่านไปเป็นโรคติดต่อทั่วไปได้
Reference
ประกาศข้อกำหนดฉบับที่ 24
19 มิถุนายน 2564
3
ประกาศข้อกำหนดฉบับที่ 46
23 มิถุนายน 2565
โฆษณา