25 มิ.ย. 2022 เวลา 10:12 • กีฬา
เมื่อสองวันก่อน มีภาพสุดระทึก เมื่อมีนักกีฬาระบำใต้น้ำจมน้ำ จนโค้ชต้องลงไปช่วยระหว่างการแข่งขัน วิเคราะห์บอลจริงจังจะขยายความเรื่องนี้ให้ฟัง
1
ที่ฮังการี เกิดเหตุระทึกขวัญ ในการแข่งว่ายน้ำชิงแชมป์โลก เมื่ออานิต้า อัลวาเรซ นักกีฬาระบำใต้น้ำชาวสหรัฐอเมริกา "เป็นลม" กะทันหันระหว่างแข่ง จนจมดิ่งลงไปใต้สระน้ำทันที
ทุกคนตกใจ ไม่มีใครรู้ว่าจะต้องทำยังไง ไลฟ์การ์ดนั้นก็มีอยู่ แต่ไม่ได้กระโดดลงไปช่วย มีเพียงคนเดียวที่มีสติมากพอ คืออันเดรีย ฟูเอนเตส โค้ชของอัลวาเรซ ที่พุ่งทะยานลงไปในสระทันที
4
โค้ชฟูเอนเตส ให้สัมภาษณ์ว่า เธอสังเกตอยู่ตลอดเวลา และในจังหวะที่อัลวาเรซเอาศีรษะลงน้ำ ถ้าตามที่ซ้อมกันมา ช็อตต่อมาต้องทะยานขึ้นมาแล้ว แต่ปรากฏว่า อัลวาเรซ อยู่ใต้น้ำต่อไป ไม่ขึ้นมาเสียที นั่นทำให้เธอรู้ว่า มันไม่ใช่เรื่องปกติแน่นอน และพอเห็นไลฟ์การ์ดไม่ทำอะไร จึงรู้ว่ารอไม่ได้แล้ว
4
ตามจริงหน้าที่หลักในการช่วยคนจมน้ำคือ ไลฟ์การ์ด แต่ก็มีการวิเคราะห์กันว่า จังหวะนั้นไลฟ์การ์ดเองก็ไม่แน่ใจ เพราะนักระบำใต้น้ำอาจมีบางท่า ที่ต้องจมอยู่ใต้สระนานๆ เพื่อทำอะไรสักอย่าง ถ้าหากไลฟ์การ์ดพรวดพรวด กระโจนลงไป ก็อาจทำลายการแข่งขันของนักกีฬาก็ได้ จึงเกิดความสับสนขึ้น
6
แต่โชคยังดี ที่ยังมีโค้ชฟูเอนเตสอยู่ โดยสำหรับโค้ชนั้น เมื่อก่อนเธอก็เป็นนักกีฬาระดับแถวหน้าของวงการเช่นกัน เคยคว้า 3 เหรียญเงินโอลิมปิกมาแล้ว พออายุมากขึ้นก็รีไทร์แล้วมาทำงานเป็นโค้ช โดยปัจจุบันเธอมีอายุ 39 ปี แต่ทักษะว่ายน้ำใดๆ ยังคงมีติดตัวไม่เปลี่ยน
หลังจากโค้ชฟูเอนเตสว่ายน้ำเข้าถึงตัวอัลวาเรซแล้ว จึงรีบกระชากตัวนักกีฬาขึ้นเหนือน้ำอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีนักว่ายน้ำชายอีกคนลงมาช่วยลากอัลวาเรซขึ้นสระ
1
โค้ชฟูเอนเตสเล่าว่า ตอนแรกอัลวาเรซไม่หายใจ แต่สักพักก็หายใจได้ด้วยตัวเอง จึงรอดตายในที่สุด
สาเหตุหนึ่งที่โค้ชฟูเอนเตสช่วยชีวิตได้ทัน เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อัลวาเรซเป็นลมในสระ แต่เป็นครั้งที่ 3 แล้ว
2
ครั้งแรกเกิดขึ้นระหว่างซ้อม ส่วนครั้งที่สอง เกิดขึ้นช่วงต้นปี 2021 ในการแข่งขันรอบคัดเลือกโอลิมปิกที่บาร์เซโลน่า
อัลวาเรซเป็นลมที่บาร์เซโลน่า สาเหตุเพราะเธอกรำศึกหนัก ลงแข่ง 4 รายการใน 3 วัน จนสุดท้ายเธอน็อกกลางสระ สลบเหมือดไปเลย ซึ่งก็ได้โค้ชฟูเอนเตสคนนี้แหละ ต้องกระโดดว่ายลงไปช่วย
ในครั้งนั้น อัลวาเรซให้สัมภาษณ์ว่า เธอใช้พลังกับการลงแข่งอย่างดุเดือด แล้วกว่าจะได้นอนหลับก็ดึกมาก แถมยังต้องตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่งเพื่อแข่งอีเวนต์ต่อไป ทำให้ร่างกายเธอพักผ่อนไม่พอ แล้วต้องลงแข่งประเภท Free Duet ที่ใช้พลังงานมากที่สุดอีกต่างหาก
4
อัลวาเรซ เล่าถึงเหตุการณ์ตอนสลบกลางว่า "วันนั้นฉันลงแข่งในสระว่ายน้ำแบบปิด ไม่มีอากาศให้หายใจ แล้วมันก็ร้อนมาก แถมคลอรีนยังแรงอีกต่างหาก" สุดท้ายก็เลยลงเอยที่การน็อกไปดื้อๆ เลย
ด้วยความที่มีประสบการณ์มาแล้ว 2 รอบ ว่านักกีฬาที่ตัวเองดูแลเคยเป็นลมมาก่อน ทำให้โค้ชฟูเอนเตสเตรียมตัวตลอดเวลา เมื่อเกิดเหตุเป็นครั้งที่ 3 ในการแข่งขันชิงแชมป์โลก เธอจึงเตรียมพร้อม และกระโจนลงไปช่วยได้สำเร็จ
3
สำหรับสถานการณ์ล่าสุด โค้ชฟูเอนเตสบอกว่า อัลวาเรซไปหาหมอเรียบร้อยแล้ว มีการเช็กค่าหัวใจ, อ็อกซิเจน, ค่าน้ำตาล และ ความดันแล้ว ปรากฏว่า ปกติหมดทุกอย่าง
3
เหตุผลที่อัลวาเรซเป็นลมไปคือ "ความอ่อนล้าจนเป็นลม" โดยโค้ชฟูเอนเตสอธิบายว่า "เราลืมกันไปว่า กีฬาที่ต้องใช้ความอึดมากๆ อย่างมาราธอน, ปั่นจักรยานทางไกล หรือ วิ่งครอสคันทรี่ เราเห็นนักกีฬามากมายที่เข้าไม่ถึงเส้นชัยจนต้องมีใครสักคนช่วย กีฬาระบำใต้น้ำก็ไม่ต่างกัน เพียงแค่มันเกิดขึ้นในสระเท่านั้น เราพยายามผลักดันตัวเองให้เกินลิมิต ซึ่งบางครั้งเราก็ไปถึงเป้าหมายได้ แต่บางครั้งก็น็อก"
2
สรุปแล้วเรื่องนี้ ก็ไม่ได้มีดราม่าอะไรมาก แต่ก็มีการตั้งคำถามถึงตัวนักกีฬาบ้างว่า ตัวเองเป็นลมง่ายขนาดนี้แล้วยังมาลงแข่งอีก มันจะดีหรือ เป็นลม 3 รอบ นี่มันไม่ปกติแล้วนะ
รวมถึงแฟนว่ายน้ำบางส่วนก็ตั้งคำถามไลฟ์การ์ดว่า ถ้ายามคับขันแล้วไม่ลงไปช่วยให้ทัน แล้วจะมีไลฟ์การ์ดเพื่ออะไรกันล่ะ
ตัวเนื้อข่าวอาจจะไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร แต่อีกหนึ่งเหตุผล ที่ทำให้ข่าวนี้ กลายเป็นประเด็นดังขึ้นมา เพราะ "ภาพถ่าย" ของเหตุการณ์ มันสวยงามมากๆ
ในเหตุจมน้ำครั้งนี้ ไม่มีคลิปวีดีโอใดๆ เพราะแม่ข่ายถ่ายทอดสด Eurovision Sports ตัดมุมกล้องทันทีที่อัลวาเรซจมน้ำ เนื่องจากเป็นเหตุหวาดเสียว อาจไปรบกวนจิตใจคนดูบางส่วนได้ ช็อตนี้จึงไม่มีวีดีโอหลุดออกมา
2
สื่อมวลชนจึงไม่มีคลิปเอาไปเปิดเสนอข่าว แต่ก็ยังโชคดีที่มีภาพนิ่งของช่างภาพจาก AFP ชื่อโอลี่ สคาร์ฟ ที่ถ่ายจังหวะโค้ชฟูเอสเตสว่ายน้ำช่วยชีวิตเอาไว้ได้พอดีเป๊ะ
แอดมินลองถาม "เบน ไม่ต้องสืบ" ช่างภาพกีฬาอันดับต้นๆของประเทศไทย ว่ารูปนี้มันยอดเยี่ยมแค่ไหน คุณเบนบอกว่า เรื่องเทคนิคอาจจะไม่ได้ใช้เยอะ แต่ก็ควรได้เครดิตเรื่อง อารมณ์ และจังหวะที่มันพอเหมาะพอเจาะพอดี จนเกิดภาพการช่วยชีวิตที่ใต้น้ำสวยงามขนาดนี้
คุณเบน อธิบายว่า ในการแข่งใหญ่ๆ อย่างระดับโอลิมปิก จะใช้กล้องรีโมทตั้งถ่ายอยู่แล้ว เขาเชื่อว่าในครั้งนี้ ก็ใช้กล้องรีโมทตั้งถ่ายเหมือนกัน เพราะภาพเท่ากันทุกเฟรม ดังนั้นเทคนิคก็ไม่ได้เด่น แต่ทีเด็ดของภาพนี้ เรียกในภาษาช่างภาพว่า "ช็อตเป็นช็อตตาย" ซึ่งก็ต้องใช้สกิลเหมือนกัน ในการเก็บโมเมนต์สำคัญไว้ได้โดยไม่พลาด
6
ถ้าถามว่า เราได้อะไรจากข่าวนี้ ก็พอจะบอกได้ว่า กีฬาอะไรก็ตามที่อยู่ในน้ำ คุณต้องมีสภาพร่างกายพร้อมจริงๆ เพราะพลาดนิดเดียวชีวิตอาจดับสิ้นได้เลย ถ้ามีคนช่วยทันก็ดีไป แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่จะโชคดีแบบอัลวาเรซ
ย้อนกลับไปในปี 2010 เคยมีการแข่งขันว่ายน้ำ Marathon Swim World Series คือแข่งว่าย 10 กิโลเมตร แบบวีกต่อวีก เก็บคะแนนสะสมเป็นลีก โดยจะแข่งกันแบบ Open water Swimming ที่ทะเล ไม่ได้แข่งปิดในสระ
นักว่ายน้ำระดับแชมเปี้ยนชาวสหรัฐฯ ชื่อ ฟราน คริปเปน วัย 26 ปี เขาเพิ่งได้แชมป์ที่เม็กซิโกมาสดๆ ร้อนๆ อีกหนึ่งวีกต่อมา ก็ลุยแข่งต่อทันทีที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ระหว่างแข่งขัน ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไร แต่คริปเปน หลังจากว่ายไป 8 กิโลเมตรแล้ว เขาจมน้ำหายไปเลย ซึ่งด้วยความที่แข่งกันที่ทะเล จึงไม่มีใครสังเกตได้เร็วพอ กว่าคนจะมารู้ตัว ว่าคริปเปนหมดสติจมน้ำ ก็สายเกินไปแล้ว นักกีฬาเสียชีวิตกลางการแข่งขัน
3
อย่างที่บอกว่า ไม่ใช่คนจมน้ำแล้วจะโชคดีมีคนช่วยทุกครั้งได้ทันแบบเคสของอัลวาเรซ ดังนั้นในการแข่งขันใดๆ ถ้ากายไม่พร้อม ใจไม่พร้อม และแข่งในอีเวนต์ที่ไม่มีการป้องกันภัยที่ดีพอ ก็เสี่ยงกับชีวิตได้เหมือนกัน
1
กีฬาบนบกเป็นลมก็เอามานั่งพัก นอนพัก แต่กีฬาที่อยู่ในน้ำ เมื่อเป็นลมปั๊บ มันกลายเป็นเรื่องของความเป็นความตายทันทีเลยทีเดียว
1
โฆษณา