27 มิ.ย. 2022 เวลา 13:01 • การ์ตูน
EP : 1,087
HATEFULMAN issue LET’S COMIC
ผมติดตามหนังสือการ์ตูนสายเลือดไทยเต็มตัวอย่าง LET’S COMIC อยู่เป็นระยะนะครับ ด้วยจุดเด่นที่แต่ละเล่มจะมีหัวข้อในการนำเสนอที่แตกต่างกันไป ในแต่ละเล่มนั้นจะมีนักวาดชาวไทยหลายคนนำเสนอผลงานเรื่องสั้นภายใต้หัวข้อเดียวกัน นอกจากจะทำให้ได้เห็นมุมมองที่หลากหลาย
การนำเสนอที่แตกต่าง ที่แม้จะต่างกันไปตามนักวาดแต่ละเรื่อง แต่มุมมองและเรื่องราวแต่ละเรื่องนั้นมีจุดร่วมกันด้วยหัวข้อหรือคอนเซปที่ได้กำหนดไว้ให้เหมือนกัน นี่คือจุดเด่นอย่างแรกของหนังสือการ์ตูนไทยค่ายนี้ที่ผมไม่เจอในมังงะญี่ปุ่นครับ
และนั่นก็เป็นจุดหนึ่งที่ผมใช้เลือกว่าจะหา LET’S COMIC เล่มนี้มาอ่านไหมเพราะหากคอนเซปหรือหัวข้อในเล่มนั้นน่าสนใจแล้ว ผมก็มักจะหามาอ่านอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ใช่แค่คอนเซปเท่านั้นที่ผมใช้เป็นเงื่อนไขการเสียเงิน
เพราะหากนักเขียนในเล่มนี้เป็นคนที่ผมชื่นชอบแล้วละก็ มันก็ทำให้การจ่ายเงินให้กับเล่มนั้นๆ เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น และถ้า ทั้ง 2 เงื่อนไข ทั้งหัวข้อน่าสนใจและมีนักเขียนที่ตามอยู่ด้วย อย่างในเล่มนี้ ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมผมถึงหยิบและนำเล่มนี้มารีวิวให้อ่านกันครับ กับ LET’S COMIC ในหัวข้อเรื่อง HATEFULMAN ครับ
สำหรับตัว HATEFULMAN นี้หากใครเป็นแฟนการ์ตูนไทยน่าจะคุ้นตากันดีอยู่แล้วเพราะนี่คือตัวละครเอกจากเรื่อง “ร้านของขวัญเพื่อคนที่คุณเกลียด” ซึ่งเคยถูกเขียนเป็นการ์ตูนเรื่องสั้นไว้ตั้งแต่ปี 2010 ซึ่งเรื่องนี้ถูกหยิบไปดันแปลงเป็นทั้งภาพยนตร์ใน “หลุดสี่หลุด” และซีรีย์ไทยด้วยเช่นกัน
ส่วนตัวผมเองนั้นเคยอ่านในฉบับการ์ตูนมาแล้วทำให้คุ้นเคยตัวละครตัวนี้เป็นอย่างดี และต้องยอมรับว่าเรื่องนี้คุณเอกสิทธิ์ผู้แต่งนั้นคิดคอนเซปออกมาได้ดีมากๆ รวมถึงวาดออกมาได้ดีด้วยเช่นกัน ทำให้ตัวละครและเรื่องนี้มีเสน่ห์จนต้องมีการหยิบไปดัดแปลงและนำเสนอในหลายๆช่องทาง
ก็อย่างที่บอกครับว่าคอนเซปที่เล่นกับความเกลียดและล้อกับความเป็นของขวัญที่มีภาพของความสุขในการให้ได้อย่างเจ็บแสบ ผมไม่แปลกใจเลยที่คอนเซปนี้ถูกหยิบมานำเสนออีกครั้งในรูปแบบนี้ นั่นคือการเล่าเรื่องผ่านนักเขียนท่านอื่นภายใต้เรื่องราวในเล่มนี้ครับ
เล่มนี้เลยมีการ์ตูนสั้นอยู่ทั้งหมด 6 เรื่อง จาก 6 นักเขียน โดย หนึ่งในนั้นก็คือ คุณเอกสิทธิ์ เจ้าของต้นเรื่องนี้ที่มาเขียนเพิ่มเติมอีกตอนเอาไว้ และด้วยแต่ละตอนมีเรื่องราวที่แตกต่างกันไปตามการตีความและการนำเสนอในแบบของนักเขียนแต่ละคน ผมเลยเล่าเนื้อหาสั้นๆของทั้ง 6 เรื่องนี้แยกกันเพื่อให้เข้าใจคร่าวๆ ครับ ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดก็จะมีประมาณนี้นะครับ
“ร้านของขวัญเพื่อคนที่คุณเกลียด ตอน ของขวัญสำหรับคนดวงแข็ง โดย คุณเอกสิทธิ์”
รู้ๆกันอยู่ว่าของขวัญในร้านนี้เด็ดดวงแค่ไหน ซื้อไปให้ใครก็ไม่เคยพลาดเป้าตามระดับที่เลือกความแรงตอนซื้อ แต่... ก็ยังมีบางคนที่ดวงดีมากๆ จนของขวัญในร้านที่ต้องจ่ายด้วยอายุขัยของตัวเองนั้นไม่อาจบรรลุเป้าหมายของผู้ซื้อได้ และจะทำอย่างไร ถ้าเป็นอย่างนั้น ?
ผมชอบคอนเซปของตอนนี้นะครับ รวมถึงการนำเสนอบางสิ่งที่ตอนแรกของเรื่องนี้ไม่ได้ให้รายละเอียดไว้(หรือให้ไว้แล้วผมลืม) การดำเนินเรื่องสั้นๆ ไม่ยาวมาก เป็นแนวถนัดของ คุณเอกสิทธิ์มาแต่ไหนแต่ไร ในฐานะที่เป็นแฟนงานคุณเอกสิทธิ์ ตอนสั้นๆ ตอนนี้ สนุกมากๆ และสะท้อนถึงฝีมือในการเล่าเรื่องที่ไม่ด้อยลงกว่าเมื่อก่อนเลยครับ
“Gift Exchange Games by BEAST”
ไม่ได้อยากทำให้ใครอิจฉาหรือเกลียดหรอกนะ แต่ทำไงได้ ก็ตัวเรา ทั้งสวย บ้านรวย เรียนเก่ง แถมมีแฟนเป็นดารา แบบนี้ คงไม่แปลกถ้าจะมีใครมาอิจฉาความสมบูรณ์แบบของเรา แต่ ถ้าคิดว่าฉันจะยอมให้พวกแกทุกคนทำร้ายง่ายๆ บอกไว้เลยนะ ว่าไม่ใช่....
น่าจะเป็นคนเดียวในเรื่องที่หยิบความอิจฉาที่เข้าใจได้ง่ายในกลุ่มเด็กผู้หญิงมาเล่นครับ เพราะท่านอื่นจะนำเสนอผ่านตัวละครที่โตแล้ว แต่ในเรื่องนี้ยังเป็นเด็กที่เรียนอยู่ เป็นอะไรที่อ่านแล้วสนุกเพราะนำเสนอสุดโต่งที่ล้อไปกับความจริงของความเป็นวัยรุ่นท่ามกลางความอิจฉา แต่ส่วนตัวผมมีปัญหาเรื่องการวาดหน่อย ตรงที่ลายเส้นมันเข้มน้อยไปนิดครับ
“วิชาบริหารความเกลียด โดย PUCK”
ความเกลียดใครๆเขาก็มีกัน ยิ่งถ้าคนๆนั้นโดยทำร้ายและรังแกจากเพื่อนที่แข็งแรงกว่า อย่างผม แน่นอนผมมีทีเด็ดในการแก้แค้นพวกมัน เพียงแต่ว่าทีเด็ดที่ผมใช้ตอบโต้ มันต้องแลกด้วยสิ่งสำคัญบางสิ่งยิ่งในชีวิตผมนี่แหล่ะ....
ตอนนี้ยกเคสเด็กผู้ชายครับ จะถามว่าเข้าใจสิ่งที่เขาเจอไหม ก็เข้าใจนะครับ เพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสังคมเด็กในโรงเรียนที่พบเห็นได้ไม่ยากนัก พอบอกอย่างนี้รู้สึกไม่ดีที่โรงเรียนมีเรื่องพวกนี้จนผมพูดว่าพบเห็นได้ไม่ยากนัก และนั่นก็ทำให้ผมบอกอย่างมั่นใจว่าผมเข้าใจความรู้สึกของตัวเอกในเรื่องนี้ ว่าทำไมเรื่องต้องเดินไปถึงตรงนั้นครับ
“POWER FOOL by DUANG”
เมื่อผมไม่ทำงาน แต่มีเงินใช้ ไม่ใช่เพราะผมรวยหรอกนะ แต่เพราะผมมีแฟนสาวนิสัยดี ที่ออกไปหาเงินให้กับผมใช้จ่ายอย่างไม่ขาดมือโดยที่ผมไม่ต้องทำมาหากินอะไรเลย เพียงแต่ชีวิตแบบนี้ต้องอึดอัดเพราะแฟนสาวผมต้องเปลืองตัวซักหน่อย อืมๆๆ เปล่านะ ผมไม่ใช่แมงดา เดี๋ยวจัดหนักให้เลยนี่
ชีวิตมนุษย์เราบางทีก็แปลกนะครับ กับเรื่องราวทำนองนี้ที่ถูกนำเสนอออกมา ผมเชื่อว่าหลายๆคนใช้ชีวิตอย่างนี้แหละ ทั้งคนเกาะและถูกเกาะ แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ มันไม่ใช่เรื่องเล่าทั่วๆไป เพราะมันคือเรื่องนึงที่มีคอนเซปของขวัญเพื่อแก้แค้นครับ
“ร่มกลับด้านในวันฝนตก โดย น้ำแข็งเดือด”
ชีวิตศิลปินอย่างเขานี่มันช่างเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน กับการทุ่มเทให้กับงานที่ยังขายไม่ได้ แต่ต้องเชื่อมั่นที่จะลุยต่อไป มันคือความแน่วแน่ในสิ่งที่ตัวเองเลือกหรือคือความดันทุลังที่ไม่ยอมมองความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกันแน่ ทั้งๆที่ชีวิตต้องเดินต่อไปอยู่ตลอดเวลา และชีวิตที่เป็นแบบนี้ของเขา ต้องพึ่งพาแฟนสาวที่มารับบทหนักอยู่คนเดียวตลอดเวลาเพื่อเขา แต่ผมรักเธอนะ รักมากด้วย จริงๆนะ!
เป็นอีกเรื่องที่ไม่รู้จะเห็นใจใครดี กับเรื่องราวความเจ็บปวดที่ออกมาแบบนี้ ควรดีใจหรือสะใจดีหรือเปล่า กับการเล่าที่มีแต่ความเจ็บปวดด้วยการเลือกเส้นทางของตัวละครแบบนี้ และมันสะท้อนให้เห็นถึงจิตใจมนุษย์อีกรูปแบบนึงออกมาครับ
“Hate Crime by Masked V”
เพราะมันมีทางให้เลือกเดินอยู่เสมอ ผลของการกระทำที่เกิดขึ้นจึงเป็นผลจากการที่ “เรา” นั้นเลือกอยู่เสมอ ผมออกมาดี หรือร้ายมันเกิดจากสิ่งที่เราเลือกเดิน และก็เพราะอย่างที่บอก ว่าชีวิตมีทางให้เลือกอยู่เสมอ นั่นแหละ แล้วคุณคนนี้จะเลือกเส้นทางแบบไหนกันแน่นะ ...
ตัวเรื่องเล่าถึงคนที่พลาดและกำลังจะทำบางอย่าง และเพราะแบบนั้นเขาถึงมายืนอยู่ที่ร้านแบบนี้ กับทางแยกสำหรับทางเลือกที่จะเดินหรือหยุด ในเมื่อชีวิตมันพังไปแล้ว จะเลือกให้มันแย่ไปเลยก็คงไม่ผิด ... หรือว่าไงดีล่ะ?
ผมชื่นชอบภาพรวมของเล่มนี้นะครับ อาจด้วยตัวเรื่องมันถูกใจผมมาตั้งแต่ต้น และทุกเรื่องก็เล่าในแบบฉบับของตัวเองได้ดี กับการเล่าเรื่องราวล้อไปกับความเกลียด สิ่งที่อยู่ติดกับมนุษย์เรามาตั้งแต่เกิด และตั้งแต่ในอดีต
จนบางครั้งหากจะบอกว่าโลกขับเคลื่อนด้วยความเกลียดและโกรธ ก็อาจไม่ผิดนัก แม้จะไม่ใช่ทั้งหมดแต่ความเกลียดและโกรธมันทรงพลังที่จะขับเคลื่อนบางสิ่ง และหลายๆอย่างให้เดินไปได้ คงไม่ผิดจากความจริงของโลกใบนี้นัก
เพราะแบบนั้นการที่เรื่องนี้เล่นกับความเกลียดให้ออกมาเป็นตลกร้ายได้ดีแบบนี้ ผมถือว่าเป็นไอเดียที่เข้าท่ามากๆไอเดียนึงเลยครับ เพราะความลึกของความเกลียดมันมีช่องทางให้ไปได้ดีและไกลกว่าที่ทุกคนคิด ก็แน่นอนด้วยจิตใจของมนุษย์อันสุดหยั่งนี่แหละครับ
แต่ละเรื่องผมว่าแม้จะมีความแตกต่างด้านการเล่า ตามเทคนิคของแต่ละคน ซึ่งมีทั้งที่ผมชอบมากกับชอบทั่วไป แต่ภาพรวมทุกเรื่องก็ชัดเจนในคอนเซปที่เกี่ยวข้องกับร้านนี้ได้เป็นอย่างดี หลายเรื่องจบท้ายได้หักมุมได้ดี
แม้หักมุมที่ว่าเราจะเดาออกได้บ้างอยู่แล้ว เพราะเรื่องแนวนี้จะต้องออกแบบนี้แหละ รวมถึงหลายๆท่านเป็นนักวาดที่มีผลงานออกมามากมาย เมื่อเราตามอ่านงานของเขาจะเดาได้ไม่ยากว่าเรื่องที่เขาเขียนจะไม่จบแบบตรงๆแน่นอนซึ่งก็เป็นแบบนั้นครับ หักมุมในการเดาออกแบบของผม
สิ่งที่คล้ายๆกันของเรื่องนี้นอกจากความเหมือนในความเกี่ยวข้องระหว่างความเกลียดและร้านขายของขวัญร้านนี้แล้ว ก็คือการพยายามสะท้อนจิตใจของมนุษย์ผ่านตัวละครในแต่ละตอนครับ ซึ่งก็ทำได้ดี อาจเพราะมันเป็นเรื่องใกล้ตัวอย่างความรู้สึกของคนเราทั่วไป
และก็อาจเพราะเราทุกคนมีความเกลียดอยู่กับตัวอยู่แล้ว หรือว่าอาจเพราะเราทุกคนมีคนที่เกลียดที่จะนึกออกอยู่เสมอก็เป็นได้ การถ่ายทอดและเล่าเรื่องราวโดยสะท้อนตัวตนของมนุษย์จากมุมมองของแต่ละท่านในนี้จึงตรง และเข้าถึง เข้าใจได้ง่าย ทั้งด้วยเนื้อเรื่องและคนรับสารอย่างเราๆที่ใช้ชีวิตท่ามกลางสิ่งที่เรียกว่า "ความเกลียด” อยู่ทุกวันจนเป็นเรื่องปกติก็เป็นได้ครับ
ในส่วนของลายเส้นอันนี้แล้วแต่คนชอบเลยด้วยความเป็นเล่มที่มีนักวาดถึง 6 คนรวมกัน ซึ่งภาพรวมผมชื่นชอบทุกคนในลายเส้นแต่ดั้งเดิมอยู่แล้วนะครับ เพราะส่วนใหญ่ในนี้คือนักวาดที่มีชื่อเสียงในไทย มีผลงานออกมาเยอะมากๆ จนเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มนักอ่านอยู่แล้ว ภาพรวมไม่ได้มีอะไรให้ตำหนิเกี่ยวกับเรื่องลายเส้นอย่างชัดเจนในความรู้สึกของผมครับ
ถ้าใครตามอ่านงานแต่ละเล่มของ LET’S COMIC จะรู้ดีว่า ตัวเล่มเขาผลิตออกมาดีแค่ไหน แต่ละเล่มถือว่าทำได้ดีเลยนะครับ อย่างเล่มนี้ก็เช่นกันตัวเล่มขนาด BB เปิดอ่านแบบไทย แม้จะปกชั้นเดียวก็ตามแต่เพราะเป็นสไตล์ไทยแลนด์ อันนี้ไม่แปลกใจ ทุกเล่มเขาทำมาแบบนี้อยู่แล้ว
ซึ่งด้านในนอกจากเรื่องราว 6 เรื่องนี้แล้ว เขายังมีคอลลัมต่างๆที่เกี่ยวกับคอนเซปของเรื่องใส่ไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นบทสัมภาษณ์ สินค้า ความเป็นมาของเรื่อง และต่างๆ รวมถึงภาพประกวดสวยๆ ซึ่งจะมีให้เห็นในทุกเล่มอยู่แล้ว และทั้งหมดใช้กระดาษปอนด์ด้วยครับ แม้จะมีทั้งหน้าสีและหน้าขาวดำ แต่ด้วยชนิดของกระดาษแบบนี้ แต่ละเล่มจึงมีคุณค่าและเป็นต้นทุนที่สูงกว่าหนังสือการ์ตูนทั่วไปที่เราคุ้นเคยครับ
นี่เป็นอีกหนึ่งผลงานของคนไทยที่ผมชื่นชอบมากๆครับ อาจจะด้วยเป็นผลงานของนักเขียนที่ผมชอบด้วยส่วนหนึ่ง แต่ก็ต้องยอมรับว่า คอนเซปของเรื่องอย่างร้านของขวัญเพื่อคนที่คุณเกลียด นี่เป็นคอนเซปที่ดีมากๆ ด้วยการหยิบมาเล่นได้อย่างลงตัวตั้งแต่ตอนที่คิดเรื่องราวเรื่องนี้ครั้งแรกแล้วครับ การที่ได้เห็นเรื่องนี้ถูกหยิบเอามาเขียนอีกครั้งสำหรับแฟนเรื่องนี้อย่างผม
แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วครับ ส่วนตัวอยากเห็นคุณเอกสิทธิ์หยิบเรื่องนี้มาเขียนต่อเนื่องซัก 1-2 เล่มจบเฉพาะเรื่องไปเลย เพราะเรื่องมันไปต่อได้อีกแน่ๆ และเชื่อมั่นมุมมองการนำเสนอของคุณเอกสิทธิ์ที่ผมว่ามันเข้าปากแกมาก
ไม่ใช่แค่ฐานะคนคิดเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นแต่เป็นลักษณะการนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวกับจิตใจของมนุษย์อันดำมืดที่ คุณเอกสิทธิ์ทำได้ดีมาทุกเรื่องครับ แอบหวังลึกๆว่าจะได้อ่านอีกในอนาคต และแน่นอนครับ ใครยังไม่ได้อ่านผมเชียร์ให้หามาอ่านครับ ไม่รู้จะสุดสำหรับทุกคนหรือเปล่า แต่มันสนุกแน่ๆ อันนี้เชื่อได้เลยครับ
ภาพ 9/10 ... ให้ค่าเฉลี่ยครับ
เรื่อง 9/10 ... ให้ค่าเฉลี่ยครับ
ความประทับใจ 9/10 ... ให้ค่าเฉลี่ยครับ
อ่านรีวิวเรื่องอื่นๆที่ทางเพจเคยรีวิวไว้มีกว่า 1,000 กว่าเรื่องตามลิงค์ด้านล่างนี้ครับ.
.
#Manga #รีวิวการ์ตูน #จบ #Let’sComic #การ์ตูนแนวสะท้อนสังคม #การ์ตูนแนวดราม่า #MangaAnimeReviews #การ์ตูนแนวแฟนตาซี #9คะแนน #HATEFULMAN #หนังสือการ์ตูน #Rate15 #เล่มเดียวจบ #การ์ตูนแนวดาร์ก
โฆษณา