7 ก.ค. 2022 เวลา 04:50 • ประวัติศาสตร์
พระเครื่อง ประวัติศาสตร์มีชีวิต Ep 12 นาค รากศัพท์ ตำนาน ข้อสันนิฐาน : พระนาคปรก กรุวัดเจดีย์ราย สุโขทัย
นาคเป็นสัตว์เทพในตำนานของดินแดนแทบอุษาคเนย์มาช้านาน เป็นความเชื่อร่วมที่แพร่หลายในไทย ลาวและกัมพูชา ในส่วนทางอินเดียเองก็มีตำนานและเรื่องเล่าเกี่ยวกับนาคอย่างเก่าแก่ คาดว่าไม่น้อยกว่าในสมัยพระเวทย์ เมื่อ4-5 พันปีก่อน และไม่แน่ใจว่าความเชื่อเรื่องนาคของอินเดียได้แผ่เข้ามาในเอเชียอาคเนย์หรือเป็นการที่ทั้งสองวัฒนธรรมควบรวมความเชื่อของตนเข้าด้วยกัน
โดยหากพิจารณารากศัพท์คำว่านาคในภาษาอินเดียหมายถึงเปลือย คือไม่มีอะไรปิดบัง ดังที่เมื่ออินเดียวขยายดินแดนไปทางตะวันออก(พื้นที่ติดกับบังคลาเทศและพม่าในปัจจุบัน) ได้พบชนพื้นเมืองนุ่งห่มใบไม้ เปลือยอก จึงเรียกดินแดนนั้นว่านาคาแลนด์ และยังเป็นชื่อของแคว้นนาคาแลนด์มาจนปัจจุบัน
โดยชาวอินเดียเรียกงูว่านาคาเพราะเป็นสัตว์ไม่มีขนมาปกคลุมนั้นเอง นอกจากนี้คำว่านาค ยังเป็นรากศัพท์ภาษาอังกฤษคำว่า naked ที่แปลว่าเปลือยเปล่า อีกด้วย
มีตำนานเกี่ยวกับนาคในกัมพูชาที่ทราบกันแพร่หลายว่าเมื่อชาวกัมพูชากลุ่มแรกอพยพจากอินเดียใต้มาขึ้นฝั่งที่กัมพูชา ได้พบกับพญานาคที่ครอบครองพื่นที่อยู่ก่อน แต่ได้ตกลงให้พญานาคไปอยู่ในดินแดนบาดาล โดยเจ้าชายแห่งกัมพุชจะได้แต่งงานกับเจ้าหญิงแห่งนาค เพื่อให้ชาวกัมพุชเกิดความสงบสุข
ซึ่งในนครวัดจะมีปราสาทพิมานอากาศ สถานที่กษัตริย์เขมรโบราณจะต้องค้างคืนเพื่อสมสู่กับนางนาคตามตำนาน เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุขเรื่อยมา ดังบันทึกของโจวต้ากวานที่เข้ามาค้าขายในเขมรสมัยนครวัด
ซึ่งหากพิจารณาจากรากศัพท์และตัดเรื่องราวอภินิหารออกไป ตำนานนั้นอาจมีข้อเท็จจริงเพียงว่า ชาวกัมพูชากลุ่มแรกอาจจะอพยพจากอินเดียโดยตรงหรืออพยพมาจากชวาที่ได้รับวัฒนธรรมอินเดียก่อนหน้า
เมื่อมาขึ้นฝั่งกัมพูชาแล้วพบกับชนพื้นเมืองสมัยก่อนยุคอารยธรรม(ศิลปะยุคแรกของเขมรโบราณคือพนมดา มีเพียงภาพสลักนูนต่ำตามผนังถ้ำ คาดว่าราวพุทศตวรรษที่ 9 หรืออาณาจักรฟูนัน) ซึ่งน่าจะนุ่งห่มใบไม้หรือเปลือยเปล่า จึงเรียกชนพื้นเมืองว่าพวกนาคหรือนาคา และเกิดการปะทะสังสรรค์อาจจะด้วยการทำสงครามขับไล่ให้ชนพื้นเมืองอพยพไปอยู่ในป่าเขาหรือส่วนลึกกว่าเดิมหรือจับลงเป็นทาส คือสถานะต่ำกว่าชาวเขมร
จึงเปรียบเสมือนนาคลงไปอยู่ในโลกบาดาลที่ต่ำกว่าพื้นดิน และเจ้าชายได้เแต่งงานกับลูกสาวหัวหน้าเผ่าเดิมเพื่อจะได้ปกครองชาวพื้นเมืองให้ง่ายขึ้น โดยรวมเชื่อว่านัยน่าจะเป็นเช่นนี้
นอกจากนี้อีกหนึ่งตำนานอันเกี่ยวด้วยพุทธศาสนาที่ปรากฏเฉพาะที่อุษาคเนย์ หากแต่ไม่พบที่อินเดียและลังกาคือ นาคเลื่อมใสในพุทธศาสนาจึงปลอมตัวเป็นมนุษย์มาลอบบวช จนเมื่อความแตกทราบถึงพระพุทธเจ้าก็ให้จำต้องสึก แต่นาคได้ขอไว้ว่าให้ขั้นตอนก่อนบวชเรียนเรียกว่านาค แม้จะไม่สามารถเป็นบวชเรียนผู้ประเสริฐได้ก็ตาม
หากตีความด้วยรากศัพท์และตัดอภินิหารออกเช่นกัน อาจจะเป็นการผนวกเอาความเชื่อรวมกับการเหยียดชนพื้นเมืองหรือทาสในสมัยโบราณก็ได้ เพราะพระนั้นเป็นชนชั้นสูงที่ได้รับความเคารพ ด้วยการนำศาสนาเข้ามาครอบสังคมเอาไว้
ดังที่คนโบราณมักนับถือผู้ทรงศีลไม่ว่าศาสนาใด แม้แต่กษัตริย์ยังต้องเป็นฝ่ายกราบไหว้แสดงความเคารพ ดังนั้นการจะให้ชนพื้นเมืองที่เรียกว่านาคหรือนาคาอันมีสถานะทางสังคมต่ำกว่า จะสามารถบวชเรียนเป็นพระสงฆ์ ย่อมทำให้คนเขมรโบราณในฐานผู้มีอารยธรรมสูงกว่าหรืออาจจะเป็นชนชั้นนายทาสไม่ต้องการ จึงกีดกันไม่ให้ชนพื้นเมืองหรือทาสที่ถูกเรียกว่านาคหรือนาคาบวชเรียนได้นั่นเอง
พระนาคกปรกกรุวัดเจดีย์รายนั้นเป็นพระที่สร้างขึ้นในสมัยสุโขทัย คาดว่าได้รับอิทธิพลศิลปะละโว้ที่นิยมสร้างพระปางนาคปรก โดยทั้งนี้พระปางนาคปรกของละโว้น่าจะเป็นการสร้างตามนิกายวัชรยานที่นิยมในเขมรโบราณ
รูปเคารพปางนาคปรกจึงมิใช่พุทธประวัติตอนหนึ่งของพระสมณะโคดม หากแต่เป็นรูปเคารพของพระวัชระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่ง ซึ่งวัชรยานเชื่อว่ามีหลายพระองค์ ดังสังเกตได้จากพระตรีกายที่นิยมเรียกว่านารายณ์ทรงปืนคือไตรลักษณ์ของมหายาน จะประกอบด้วยพระวัชระพระพุทธเจ้าปางนาคปรก พระอวโลกิเตศวรเบื่องขวาและพระนางปรมิตามารดาแห่งโลกเบื้องซ้ายนั้นเอง
ทั้งนี้ทั้งนั้นข้อเขียนที่เล่ามาเป็นการคาดเดาผ่านความรู้งูๆ ปลาๆ อาจจะผิดพลาดไม่ถูกต้อง ในส่วนใดที่ผิดพลาดไปขออภัยไว้ ณ ที่นี้ครับ
โฆษณา