29 มิ.ย. 2022 เวลา 11:32 • หุ้น & เศรษฐกิจ
บอตสวานา ประเทศเดียวในแอฟริกา ที่เอาชนะ คำสาปทรัพยากร ได้
เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมบรรดาประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติเฟื่องฟูหลายแห่ง
กลับเป็นประเทศที่ยากจน หรือพัฒนาช้ากว่าประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ได้มีความมั่งคั่งด้านทรัพยากรธรรมชาตินัก
ในเชิงวิชาการ เราเรียกประเทศเหล่านี้ว่าติด “คำสาปทรัพยากร (Resource Curse)”
โดยหลาย ๆ ประเทศในทวีปแอฟริกาต่างติดคำสาปนี้กัน
เพราะเป็นทวีปที่อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ
ไม่ว่าจะเป็นไนจีเรีย แองโกลา หรือคองโก ที่รวยน้ำมัน
หรือแซมเบีย ที่อุดมไปด้วยทองแดง
แต่รู้หรือไม่ว่า มีเพียงประเทศเดียวในทวีปนี้ ที่สามารถหลุดพ้นจากคำสาปนี้ได้
ซึ่งก็คือ “บอตสวานา”
ที่เป็นประเทศที่ผลิตเพชรมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก หรือราว 16% ของการผลิตทั้งหมด
โดยความสำเร็จของบอตสวานา สะท้อนให้เห็นจากอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ ที่สูงกว่าเพื่อนร่วมทวีปเป็นอย่างมาก
ปี 1980-1995 GDP ของบอตสวานา เติบโตเฉลี่ย 9%
ปี 1980-1995 GDP ของไนจีเรีย เติบโตเฉลี่ย 0.2%
ปี 1980-1995 GDP ของประเทศในแถบแอฟริกาทางตอนใต้ของทะเลทรายสะฮารา เติบโตเฉลี่ย 1.3%
1
แล้วบอตสวานาหลุดออกจากคำสาปนี้ได้อย่างไร
ก่อนอื่น เราต้องรู้ก่อนว่าคำสาปทรัพยากรคืออะไร และเกิดจากอะไร
ช่วงปี 1980 จนถึงต้นทศวรรษ 1990
มีประเทศหลายแห่งที่มั่งคั่งไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติเริ่มเข้าสู่ยุคที่เศรษฐกิจขยายตัวช้าหรือติดลบ
ทั้ง ๆ ที่ประเทศเหล่านี้ควรจะมีรายได้จากการขายทรัพยากรธรรมชาติของตัวเอง มากพอที่จะนำมาใช้พัฒนาประเทศในระยะยาวได้
แต่ทรัพยากรธรรมชาติเหล่านั้น กลับทำให้ประเทศเกิดการคอร์รัปชันมากขึ้น และยากจนลง
จนทำให้นักเศรษฐศาสตร์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า คำสาปทรัพยากร
ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลให้เกิดคำสาปทรัพยากร
ยกตัวอย่างเช่น การลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าส่งออกชนิดอื่นที่น้อยเกินไป
หรือการไม่มีกฎหมาย รวมถึงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ที่ส่งเสริมการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว
อีกปัจจัยหนึ่งที่ได้รับการพูดถึงบ่อย ๆ ในหมู่นักเศรษฐศาสตร์ คือ
ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Dutch Disease
โดยช่วงทศวรรษ 1960 เนเธอร์แลนด์ค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ ในเขตทะเลเหนือ
ทำให้ธุรกิจและการส่งออกก๊าซธรรมชาติของประเทศบูมขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อการส่งออกเกิดการขยายตัวอย่างรวดเร็วในระยะเวลาสั้น ๆ
ค่าเงินกิลเดอร์ของเนเธอร์แลนด์ก็แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วตามไปด้วย
จนทำให้ธุรกิจอื่นของประเทศ แข่งขันด้านการส่งออกกันยากขึ้น
โดยสรุปแล้ว Dutch Disease คือ
เมื่อภาคอุตสาหกรรมส่วนหนึ่งในประเทศใดประเทศหนึ่งเกิดบูมขึ้นมา
ภาคอุตสาหกรรมส่วนอื่นก็อาจจะได้รับผลกระทบในทางลบนั่นเอง
อ่านมาถึงตรงนี้เราก็คงเข้าใจแล้วว่า
การแก้คำสาปทรัพยากรนั้นยาก
และอาจจะต้องใช้ยาแรงหลายขนาน
แล้วรัฐบาลบอตสวานาทำได้อย่างไร
African Development Bank ระบุว่า รัฐบาลบอตสวานาดำเนินนโยบาย 2 แนวทาง ได้แก่
1. การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจให้มีความหลากหลาย
ประเทศที่ติดคำสาปทรัพยากร มักพึ่งพิงการส่งออกทรัพยากรนั้นเป็นหลัก
ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจของประเทศ แปรเปลี่ยนไปกับทิศทางราคาของทรัพยากรนั้นในตลาดโลก
รัฐบาลบอตสวานามองเห็นปัญหาความไม่แน่นอนนี้
จึงได้พยายามหาแหล่งรายได้อื่น ๆ
ด้วยการสนับสนุนภาคธุรกิจอื่นให้เติบโต
ผ่านมาตรการหลาย ๆ แขนง
รวมถึงการจัดตั้งสถาบันเพื่อสนับสนุนความเคลื่อนไหวดังกล่าว
ยกตัวอย่างในปี 1970
รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการความร่วมมือด้านการพัฒนาแห่งบอตสวานา (BDC) ขึ้น
เพื่อให้เป็นสถาบันการเงิน ที่ให้เงินลงทุนแก่ธุรกิจหรือโครงการ
ที่จะช่วยส่งเสริมการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ
โดย BDC ได้ลงทุนในอุตสาหกรรมทั้งด้านการผลิต บริการ และอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ
แล้วโครงสร้างทางเศรษฐกิจของบอตสวานาในอดีตกับปัจจุบันต่างกันแค่ไหน
ปี 1985 อุตสาหกรรมการทำเหมือง มีขนาดคิดเป็น 48.9% ของ GDP
ส่วนภาคธุรกิจบริการด้านการเงิน มีขนาดคิดเป็น 6.4% ของ GDP
ส่วนภาคธุรกิจบริการอื่น ๆ ที่รวมถึงการค้าขาย มีขนาดคิดเป็น 6.3% ของ GDP
ปี 2009 อุตสาหกรรมการทำเหมือง มีขนาดคิดเป็น 26% ของ GDP
ส่วนภาคธุรกิจบริการด้านการเงิน มีขนาดคิดเป็น 12.4% ของ GDP
ส่วนภาคธุรกิจบริการอื่น ๆ ที่รวมถึงการค้าขาย มีขนาดคิดเป็น 13.6% ของ GDP
จากตัวเลขนี้ เราจะเห็นได้ว่า โครงสร้างทางเศรษฐกิจของบอตสวานาเปลี่ยนไปอย่างมาก
แม้สัดส่วนอุตสาหกรรมการทำเหมืองต่อ GDP จะยังสูงอยู่
แต่ก็ถือว่ารัฐบาลบอตสวานามาถูกทางแล้ว
2. การบังคับใช้นโยบายการคลังที่ส่งเสริมความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ
วินัยทางการคลังเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการช่วยขจัดคำสาปทรัพยากร
เพราะหลาย ๆ ประเทศที่มีรายได้สูงจากการส่งออกทรัพยากรทางธรรมชาติ
มักใช้รายได้นั้นลงทุนไปกับโครงการที่ไม่ให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ หรือไม่ก็ใช้จ่ายเกินตัว
แล้วบอตสวานาแก้ไขปัญหาในจุดนี้อย่างไร
ในทุก ๆ 6 ปี กระทรวงการคลังและแผนการพัฒนาของบอตสวานา จะร่างกรอบแผนการพัฒนาแห่งชาติขึ้น
เพื่อเป็นแนวทางในการลงทุน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืนของรัฐบาล
แผนดังกล่าวมีเนื้อหาเกี่ยวกับแผนการบริหารจัดการรายได้ ที่ได้มาจากการขายเพชรของบอตสวานา
โดยที่มีการเน้นย้ำถึงความสำคัญของวินัยทางการคลัง และการลงทุนที่สร้างผลิตภาพ
ทั้งนี้ ขั้นตอนในการร่างแผนดังกล่าว จะมีตัวแทนจากทุกภาคส่วนเข้ามาเกี่ยวข้อง
เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน
ในขณะที่การลงทุนในโครงการนอกกรอบแผนการพัฒนาแห่งชาตินี้
จะต้องการผ่านความเห็นชอบโดยรัฐสภาทุกครั้ง
รัฐบาลยังได้จัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ ชื่อกองทุนพูลา ขึ้นมาตั้งแต่ปี 1993
โดยที่มีวัตถุประสงค์เพื่อบริหารจัดการเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ
นอกจากนี้ กองทุนดังกล่าว ซึ่งถูกบริหารจัดการโดยธนาคารแห่งบอตสวานา
จะนำเงินงบประมาณที่เกิดจากการเกินดุลของรัฐบาล ซึ่งมาจากการขายเพชร
มาลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ
และนำเงินที่ได้สำหรับการลงทุนนั้น
มาใช้ทดแทนงบประมาณในปีที่ขาดดุล
และเก็บสำรองเผื่ออนาคต
ทั้งนี้ ในปี 2021 กองทุนพูลามีสินทรัพย์อยู่ในมือ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 176,000 ล้านบาท
อ่านมาถึงตรงนี้ เราก็คงเข้าใจกันถึงปัญหาและวิธีแก้ปัญหาคำสาปทรัพยากร
ผ่านประสบการณ์ของประเทศบอตสวานากันแล้ว
แต่ความจริงแล้ว ปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้บอตสวานาหลุดพ้นจากคำสาปทรัพยากรได้
ก็อาจจะเป็น รัฐบาลของบอตสวานา ที่มองการณ์ไกล นั่นเอง
1
โฆษณา